Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

ห้องสมุดหลังอูฐ

 

 

       เมื่อก่อนที่แม่ฮ่องสอนเคยมีโครงการ “ครูหลังม้า”  แต่หากมีการประกวดห้องสมุดที่แปลกประหลาดในโลก “ห้องสมุดหลังอูฐ” คงจะได้รางวัลชนะเลิศเป็นแน่
       ใครจะมองว่าแปลกประหลาดหรือตลกก็ช่าง ในเมื่อการบรรทุกหนังสือใส่หลังอูฐเป็นวิธีที่สะดวกที่สุดที่จะนำพาหนังสือข้ามทะเลทรายไปสู่ชุมชนคนเลี้ยงสัตว์ในจังหวัดการิซซา ของประเทศเคนยา ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงไนโรบี เมืองหลวงไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 400 กิโลเมตร
     ชาวเมืองการิซซาส่วนมากเป็นชาวมุสลิมฐานะยากจน เลี้ยงสัตว์เร่ร่อนไปในทะเลทราย หลบความแห้งแล้งและหาแหล่งอาหารไปเรื่อยๆ  เด็กๆ ส่วนใหญ่จึงไม่ได้เรียนหนังสือเพราะต้องลาออกจากโรงเรียนเร่ร่อนตามพ่อแม่ไปด้วย  ผู้คนในแถบนี้ราวๆ  85 เปอร์เซนต์ไม่รู้หนังสือ ยังไม่ต้องพูดถึงเด็กๆ ที่แทบไม่มีโอกาสได้รู้จักหน้าตาของสิ่งที่เรียกว่าหนังสือเลย…ถ้าไม่มี ห้องสมุดหลังอูฐ
    ทุกๆ เช้า บรรณารักษ์จะเตรียมสัมภาระขึ้นหลังอูฐคู่ใจ 3 ตัว อูฐสองตัวบรรทุกกล่องหนังสือ ส่วนอีกตัวหนึ่งบรรทุกเต็นท์และสัมภาระอื่นๆ  แล้วจึงออกเดินทางไปยังชุมชนเลี้ยงสัตว์อันห่างไกลที่มีผู้ใหญ่และเด็กๆ รอคอยที่จะอ่านหนังสือจากห้องสมุดหลังอูฐอย่างหิวกระหาย
    คาราวานห้องสมุดอูฐ (เคลื่อนที่) จัดตั้งขึ้นโดยหอสมุดแห่งชาติเคนยา ซึ่งมุ่งมั่นจะเพิ่มอัตราการรู้หนังสือในหมู่ประชาชนชาวเคนยา  หนังสือส่วนมากได้รับบริจาคจากองค์กรเอกชนชื่อว่า Book Aid International
     บรรณารักษ์ที่มีนาม ราชิด ฟาราห์ เล่าให้สำนักข่าวบีบีซีฟังว่าผู้ใช้บริการห้องสมุดเคลื่อนที่ของเขานั้นใช้ชีวิตเร่ร่อนไปเรื่อยๆ “วันนี้พวกเขาอาจอยู่ที่นี่ แต่พรุ่งนี้พวกเขาอาจจะจากไปแล้ว”
ปีหนึ่งๆ ห้องสมุดอูฐขนหนังสือราวๆ 7,000 เล่มไปสู่ผู้คนในดินแดนห่างไกลเหล่านี้
      เด็กหญิงรูเกีย อายุ 14 ปี เป็นนักอ่านตัวยงคนหนึ่งของห้องสมุดหลังอูฐ  พ่อแม่ของเธอตายเพราะวัณโรคตั้งแต่เธอยังเล็ก รูเกียบอกว่าโตขึ้นเธออยากจะเป็นหมอ
หวังว่า หนังสือเล่มแล้วเล่มเล่าที่รูเกียหยิบอ่านจากห้องสมุดหลังอูฐจะหล่อเลี้ยงความฝันและจินตนาการของเธอไปจนกว่าเด็กหญิงจะเติบโตไปเป็นหมอคนเก่งของเคนยา
และห้องสมุดอูฐเคลื่อนที่นี้ก็จะบรรทุกความรู้และความฝันไปให้เด็กๆ คนอื่นต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีวันหยุด

 

 

ภาพจาก :  http://ifla.org/