หอสมุดพอร์ไนเนน: ขอเชิญที่ “ห้องรับแขก”ของเรา
ทุกครั้งที่บรรณารักษ์กลับจากจุดบริการหนังสือในโรงเรียนของหมู่บ้านมายังสำนักหอสมุด ในกระเป๋าของเธอจะมีรายชื่อหนังสือและข้อมูลที่ชาวเมืองต้องการให้จัดหาไปบริการมากมาย ที่นี่เอง พวกเขาเปิด “ห้องรับแขก” ให้สาธารณชนใช้เป็นที่นัดพบ รับบริการต่างๆ ของเทศบาล ไปจนถึงให้ยืมรองเท้าลุยหิมะ–นี่คือ หอสมุดเมืองพอร์ไนเนน แห่งฟินแลนด์
เมืองพอร์ไนเนน (Pornainen) เป็นเมืองชนบทที่สวยงามและอุดมสมบูรณ์ ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเฮลซิงกิ เมืองหลวงประมาณ 55 กิโลเมตร ประชากรที่อาศัยอยู่ 4,400 คน มีสัดส่วนของเด็กและเยาวชน (0-17 ปี) ถึง 1 ใน 3 ทางเทศบาลเมืองจึงเน้นความสำคัญกับระบบโรงเรียนและหอสมุดเป็นพิเศษ เมื่อหกเจ็ดปีที่แล้ว มีโรงเรียนเปิดใหม่เฉลี่ยปีละ 1 แห่ง ส่วนที่มีอยู่เดิมก็ได้รับการพัฒนาปรับปรุงเสมอ
สำหรับหอสมุดประจำเมืองประกอบด้วยผู้อำนวยการ 1 คน และบรรณารักษ์ 2คน ทั้งดูแลที่นี่และจุดบริการหนังสือ 4แห่งในโรงเรียนของหมู่บ้าน บรรณารักษ์จะผลัดกันออกไปดูแลจุดบริการหรือห้องสมุดสาขาเฉลี่ยสัปดาห์ละ 2ชั่วโมงครึ่งต่อสาขา บริการยืม-คืนเป็นไปอย่างคึกคักด้วยความร่วมมืออย่างดีของครูอาจารย์ที่ให้ความสำคัญกับการอ่านของนักเรียน บริการแบบนี้เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นแม้จะกินเวลาบรรณารักษ์ไปถึงครึ่งหนึ่งแต่ทางฝ่ายบริหารก็ไม่เคยคิดหยุดให้บริการ
แมริแอนน์ ลินด์แบลด ผู้อำนวยการหอสมุดพอร์ไนเนนบอกว่า หอสมุดนอกจากจะบริการหนังสือ สื่อการเรียนรู้ต่างๆ แล้ว ที่นี่ยังเปิด “ห้องรับแขก”บริเวณชั้นล่างไว้บริการประชาชนเมื่อมีเหตุต้องเข้าเมือง เกือบๆ จะเป็น “วันสต็อปเซอร์วิช”ทีเดียว คือเป็นแหล่งนัดพบ ร้องทุกข์ มีบริการของตำรวจ ประกันสังคม ยื่นภาษี จัดหางาน โดยทางหอสมุดได้จัดมุม วางแบบฟอร์มเกี่ยวกับธุรกรรมต่างๆ ให้ผู้ใช้บริการกรอก หรือทำการนัดหมายกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ล่วงหน้า แล้วนักประกันสังคมหรือตำรวจจะแวะเวียนมาทุกสัปดาห์ ทั้งให้คำปรึกษา รับเอกสาร-เรื่องราวร้องทุกข์
“ที่นี่เราไม่ได้ให้ยืมเฉพาะหนังสือ”แมริแอนน์บอก “เครื่องไม้เครื่องมืออย่างรองเท้าลุยหิมะ ไม้เท้าเดินหิมะ (แบบชาวนอร์ดิก) หรือถุงผ้าสำหรับใส่หนังสือก็ให้ยืม และทุกๆ ปีจะจัดบริการรับแลกเปลี่ยนหนังสือมือสองด้วย”
บริการของหอสมุดอาจพูดได้ว่า ขนาดปิดทำการก็ยังให้บริการอยู่ เนื่องจากในห้องรับแขกจะมีพวกกลุ่มรักษ์ธรรมชาติ กลุ่มดูแลเด็กอ่อน วนเวียนเข้ามาใช้เป็นที่พบปะสังสรรค์ ซึ่งทางหอสมุดมีการจัดนิทรรศการและสิ่งอำนายความสะดวกไว้รองรับ
กิจกรรมสำคัญของหอสมุดก็คือ สมุดบันทึกการอ่าน หรือบุ้กพาส (library book pass) สำหรับเด็กอายุ 6-12 ขวบ เพื่อกระตุ้นให้เด็กๆ กระตือรือร้นที่จะอ่านหนังสือ และทำกิจกรรมร่วมระหว่างหอสมุดและพ่อแม่ผู้ปกครอง ทุกบันทึกการอ่านของเด็กกับพ่อแม่จะได้รับสติ๊กเกอร์ติดบุ้กพาส (หนังสือ 3เล่มต่อสติ๊กเกอร์ 1 ดวง) พอบุ้กพาสเต็มเล่ม-หมายถึงเด็กและผู้ปกครองร่วมกันอ่านอย่างแข็งขัน ทางหอสมุดจะเปลี่ยนเล่มใหม่ ส่วนเล่มเก่า เก็บรวบรวมไว้จับฉลากชิงรางวัลผู้อ่านประจำปีต่อไป
บุ้กพาสเป็นสมุดพับขนาดเล็กสัก 5 คู่ แต่ละหน้ามีที่ว่าง 9ช่องให้เด็กเติมข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือ (ชื่อหนังสือ, ชื่อผู้แต่ง) หรือบันทึกสิ่งที่อ่านสั้นๆ ก็เพียงพอ วิธีนี้ช่วยสนับสนุนการอ่านในครอบครัวโดยไม่ได้ไปบังคับว่าผู้ปกครองต้องอ่านให้ลูกฟังเสมอไป แต่ร่วมกันอ่าน หรือเด็กเป็นคนเลือกหนังสืออ่านเอง
ไม่ต้องสงสัยว่าเด็กจะชอบบุ้กพาสกันสักขนาดไหน หนุ่มน้อยคนหนึ่งประทับใจไอเดียและยืมหนังสือกลับบ้านเสียจนเป้ฉีก! ปรกติแล้วพวกเขาจะชอบมาห้องสมุดกับเพื่อนและมักเปรียบเทียบบุ้กพาสกัน หรือชื่นชมสติ๊กเกอร์รูปแบบแพรวพราวที่เพื่อนเลือกจากบรรณารักษ์
รางวัลของยอดนักอ่านประจำปี ทางห้องสมุดอาจมอบตุ๊กตาผ้า ของขวัญเล็กๆ ให้ แต่ที่แน่ๆ ก็คือจดหมายแสดงความชื่นชมที่ส่งไปถึงบ้าน สร้างความยินดีปรีดากันทั้งครอบครัว เพราะสำหรับเด็กทั้งหลาย นั่นอาจเป็นจดหมาย (เยินยอ) ที่ได้รับฉบับแรกในชีวิตก็ได้
แมริแอนน์ยังบอกอีกว่า หอสมุดพยายามจะสื่อ “ความสุขจากการอ่าน”ไปสู่สาธารณชน ด้วยการพิมพ์ในโบรชัวร์สี่สี หรือพิมพ์ที่อยู่กับคำขวัญลงบนปากกา ไม้บรรทัด เป็นของที่ระลึกจากหอสมุด สำหรับคำขวัญนั้นเพื่อนๆ ชาวหอสมุดในฟินแลนด์ช่วยกันตั้งให้ มันอาจมีการใช้ซ้ำๆ กันบ้างเธอก็ไม่ซีเรียส
เอาเป็นว่า ถ้าคุณเห็นปากกาด้ามไหนพิมพ์ว่า “Dash to the Library – ขยับเข้าห้องสมุด “นั่นละพวกเรา
ภาพจาก:http://wce.wwu.edu