Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

หนังสือบนเว็บ

                 

 

                    ขณะที่เด็กๆ ชุมชนก่อสร้างในเทศบาลนครขอนแก่นเข้าถึงหนังสือเด็กเพียงที่มีใน Book Bike –สามล้อนิทาน ซึ่งนำพามาพร้อมนักเล่านิทานนายหนึ่ง  แต่เด็กในเมืองที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่มากน้อยสามารถอ่านนิทาน การ์ตูน นิยาย เป็นร้อยๆ เรื่องจากอินเทอร์เน็ตความเร็ว 4 เม็กกะไบต์ได้ทุกเมื่อ
                   โดยเรายังไม่อาจสรุปได้ว่า ใครโชคดี-โชคร้ายกว่ากัน ในกรณีนี้
                    เมื่อพิมพ์คำว่า หนังสือพิมพ์, โหลดหนังสือ, อ่านนิยายออนไลน์, หนังสือการ์ตูน หรือพิมพ์ชื่อหนังสือที่ต้องการค้นในกูเกิ้ล  เราก็สามารถอ่านบทความ หนังสือเล่ม ทางอินเทอร์เน็ต และ ดาว์นโหลดเก็บไว้อ่านได้ แม้จะเป็นเล่ม ในกรณีที่มีเว็บไซต์นำมาขึ้นไว้ให้อ่านฟรี–เด็กป.3 ก็ทำได้ (แม้บางเว็บไซต์จะมีมาตรการจัดเรตติ้ง บทความ นิยายหรือการ์ตูนอยู่ก็ตาม)
                   การดาว์นโหลดหนังสือภาษาไทยลักษณะนี้เกิดขึ้นมาเกินกว่า 10 ปีแล้ว บางกรณีอาจต้องลงทะเบียนเป็นสมาชิกเว็บเสียก่อน (ไม่มีค่าใช้จ่าย) เพื่อติดตั้งโปรแกรมสำหรับอ่านหนังสือบนจอคอมพิวเตอร์  หากเป็นการ์ตูน นิยายเป็นตอนๆ ของนักเขียนออนไลน์ก็คลิกเข้าไปอ่านได้โดยไม่ต้องสมัครสมาชิก เช่น เว็บไซต์ dek-d.com/writer/  หรือ niyay.com  เป็นต้น 
 ช่องทางบนสื่ออินเทอร์เน็ตจึงนับเป็นการส่งเสริมการอ่านทางหนึ่ง
                   ข่าวในแวดวงส่งเสริมการอ่านที่น่าสนใจคือ ประเทศอินโดนีเซียซึ่งเป็นประเทศยากจน สถิติการอ่านหนังสือต่ำพอๆ กับประเทศไทย  รัฐบาลเขาแก้ปัญหาการเข้าถึงหนังสือของคนส่วนใหญ่โดยซื้อลิขสิทธิ์หนังสือมาแปลแล้วให้คนเข้าไปดาว์นโหลดจากอินเทอร์เน็ต
 เทคโนโลยีอันฉับไวเช่นนี้ทำเอาบรรดาสำนักพิมพ์ คนในแวดวงหนังสือ พากันหวั่นไหวว่าในเวลาอีกไม่นาน สื่อออนไลน์จะมาแทนที่สื่อกระดาษจนสูญสิ้น  ขณะที่นักคิดบางคนมองในแง่ดีว่า การอ่านหนังสือเล่มเหมาะกับมนุษย์ ทำให้คนเกิดสมาธิ มีความคิด มีจินตนาการกว้างไกลตามหนังสือ อย่างไรเสียสื่อกระดาษก็ยังจะคงอยู่
                  ในปี 2008 สำนักพิมพ์หนังสือเด็ก Scholastic ในสหรัฐอเมริกา สำรวจปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการอ่านของเด็กกลุ่มอายุ 5-17 ปี พบว่าเด็กส่วนใหญ่ในทุกกลุ่มอายุ (รวมร้อยละ 62) ชอบอ่านหนังสือที่เป็นเล่มมากกว่าการอ่านในคอมพิวเตอร์หรือเครื่องอ่านดิจิทัล และเห็นว่าเทคโนโลยีเป็นเพียงส่วนช่วยเสริมการอ่าน แต่ไม่ใช่มาแทนที่หนังสือที่เป็นเล่ม
                   จริงอยู่ บนอินเทอร์เน็ตเราสามารถค้นหาบทกวี เพลงขลุ่ยผิว (เนาวรัตน์ พงศ์ไพบูลย์) ดาว์นโหลด หนังสือส่งเสริมการอ่านชั้นประถมต้น ทายปริศนาหาชื่อผลไม้ (วรรณี ชาญชิต)  แต่ข้อเท็จจริงก็คือปริมาณของเว็บนิยายประโลมโลกย์ การ์ตูนเนื้อหารุนแรง ความเรียงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของนักเขียนมือใหม่ มีปริมาณมากกว่าเว็บของหนังสือคุณภาพมากมายมหาศาล โดยฝ่ายกฎหมายที่จะกลั่นกรอง สกัดกั้นยังตามไม่ทัน 
 ตามข้อมูลที่หาได้ในเว็บไซต์เหล่านั้น พบว่าหลัง พ.ศ.2545 เป็นต้นมา นิยายออนไลน์ได้รับความนิยมแพร่หลายจากวัยรุ่น จนผลงานของนักเขียนดาวรุ่งถูกสำนักพิมพ์ซื้อไปตีพิมพ์มากกว่า 1,000 เรื่อง
                    กระแสความนิยมที่มีต่อนิยายอินเทอร์เน็ต ช่างสวนทางกับความเห็นของบรรณาธิการมากประสบการณ์หลายคนที่พูดตรงกันว่า การอ่านในอินเทอร์เน็ตมีความฉาบฉวย เนื่องจากต้องการความรวดเร็ว การอ่านแบบนี้คนจะไม่หยุดอยู่ที่เว็บใดเว็บหนึ่ง ต้องไปคลิกไปเรื่อยๆ เน้นปริมาณ  จึงอ่านอะไรได้ผิวเผิน ไม่จริงจัง  ส่วนงานเขียนก็ขาดการขัดเกลา เพราะความนิยมขึ้นอยู่กับจำนวนการคลิกเข้าไปดู ขาดบรรณาธิการดูแล
 แม้แต่บรรณาธิการนิตยสาร Write ที่มีอ่านเฉพาะบนเว็บอย่างนิวัต พุทธประสาท ยังบอกว่า เราต้องยอมรับว่างานในอินเทอร์เน็ตยังเป็นมือสมัครเล่นอยู่ อาจนับว่าเป็นการดีที่มีคนเขียนหนังสือเยอะขึ้น เป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวมาเขียนงานจริงจัง  แม้ในบางครั้งคนเขียนงานในอินเทอร์เน็ตอาจจะดังได้เพราะมีกระแสของคนอ่านจำนวนมหาศาล แต่กาลเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์คุณค่าของผลงาน
                   ข้อน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งอีกประการของการอ่านในอินเทอร์น็ต คือโอกาสที่พ่อแม่ ผู้ปกครอง ครู จะช่วยเลือก แนะนำหนังสือดีให้ลูกหลานอ่าน หรืออ่านแล้วคุยกันนั้นแทบเป็นไม่ได้  เพราะพวกเขาอ่านแล้วก็คุย หรือ “เม้นท์” กันเองในสังคมออนไลน์ อีกนั่นละ

 

 

ภาพจาก:http://r63.wikidot.com