วัฒนธรรมส่งเสริมการอ่าน : ห้องสมุดที่เดินไปหาคุณถึงบ้าน
ห้องสมุดหนองควาย ที่ ต.หนองควาย อ.เมือง จ.เชียงใหม่นั้นเดิมเป็นห้องสมุดส่วนตัว แต่เจ้าของ (คุณสุชาดา จักรพิสุทธิ์) มีความตั้งใจที่จะแบ่งปันหนังสือให้คนในชุมชนอ่านเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ผู้สนใจกลุ่มแรกคือเด็กๆ ที่อยู่บ้านใกล้ๆ เนื่องจากห้องสมุดตั้งอยู่ห่างจากชุมชน จึงไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก ต่อมา เริ่มมีการดำเนินการอย่างจริงจังโดยคนกลุ่มเล็ก ๆ เพื่อให้ห้องสมุดมีชีวิต มีคนอ่าน คนมาใช้ห้องสมุด
ครั้งแรก ห้องสมุดได้เดินทางไปยังโรงเรียนก่อน ผ่านเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปจัดกิจกรรม เช่น เล่านิทาน อ่านหนังสือ วาดรูป ตามโรงเรียนต่างๆ ในเขต ต.หนองควาย เพื่อเป็นการแนะนำตัวกับชุมชน และชักชวนเด็ก ๆ มาห้องสมุด จนกระทั่งเกิดกลุ่ม เด็กน้อยรักการอ่าน ร่วมทำกิจกรรมส่งเสริมการอ่านกับพี่ๆ รวมทั้งฝึกงานบรรณารักษ์ ปัจจุบันพวกเขาเรียกตัวเองว่า กลุ่มผู้พิทักษ์
สำหรับวันหยุด หรือช่วงปิดเทอม ห้องสมุดหนองควายได้เดินทางไปพบคนอ่านตามที่ต่าง ๆ เช่นที่ลานหน้าร้านหนังสือสุริวงศ์บุ๊คเซ็นเตอร์ ชักชวนเด็กๆ เข้ามาอ่านหนังสือและฟังนิทาน หรืองานกิจกรรมเครือข่ายองค์กรเอกชน ลานวัฒนธรรมต่าง ๆที่จัดขึ้นใน จ.เชียงใหม่ นอกจากกิจกรรมเชิงแนะนำตัวเองกับโลกข้างนอกหรือในสถานศึกษาแล้ว ที่ห้องสมุดเองก็มีการจัดงาน “นิทานในสวน” อยู่เป็นประจำ เพื่อให้ความรู้ตาม ธีม ที่ตั้งไว้ และแน่นอน ส่งเสริมการอ่าน! ด้วยการอ่านหนังสือให้เด็กฟังทุกครั้งที่จัดกิจกรรม ไม่ว่าจะในหรือนอกสถานที่ก็ตาม
จากการรุกของห้องสมุดในช่วง 2-3 ปีแรก กลุ่มที่สังเกตเห็นผลชัด นอกเหนือจากแกนนำเด็กผู้พิทักษ์คือ เด็กปฐมวัย(เด็กเล็ก ก่อนอนุบาล) จากที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปอ่านหนังสือให้ฟังตามศูนย์เด็กเล็กในหมู่บ้าน หรือทิ้งหนังสือไว้ให้คุณครูอ่าน ผลปรากฏว่าเด็กกลุ่มนี้เติบโตขึ้นโดยชอบอ่านหนังสือ และมีพัฒนาการด้านภาษาดีเมื่อเรียนชั้นประถม ห้องสมุดหนองควายจึงตัดสินใจก้าวต่อไปหาผู้อ่านที่บ้าน
โครงการ ตะกร้าหนังสือสื่อครอบครัว คือโครงการนำหนังสือถึงมือพ่อแม่ โดยคัดเลือกครอบครัวที่มีเด็กเล็ก 50 ครอบครัว จากนั้นนำตะกร้านิทานหมุนเวียนไปให้อ่านเดือนละ 2 ครั้ง ในแต่ละเดือนจะมีการประชุมผู้ปกครอง เพื่อแสดงความคิดเห็น สำรวจผลที่ได้ หรือขยับขยายแนวทางใหม่ๆ เช่น การสร้างเครือข่ายพ่อแม่ (นักอ่าน) โดยให้พ่อแม่มารับหนังสือแล้วแจกจ่ายกันเอง จากกิจกรรมนี้พ่อแม่หลายคนต้องประหลาดใจที่เห็นลูกเล็กๆ รักหนังสือมากกว่าโทรทัศน์ จึงเกิดความกระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมต่อไป แม้ว่าอาจจะมีเวลาไม่มากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้าง หรือเกษตรกร
บางที ในการอ่าน เราสามารถเริ่มจากหัวก็ได้ท้ายก็ได้ ทำให้คนมาหาหนังสือ หรือนำหนังสือไปให้คนอ่าน ค้นคว้าหากลวิธีที่เหมาะสม เพื่อให้เกิด กระบวนการอ่าน นั่นเอง
ครั้งแรก ห้องสมุดได้เดินทางไปยังโรงเรียนก่อน ผ่านเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปจัดกิจกรรม เช่น เล่านิทาน อ่านหนังสือ วาดรูป ตามโรงเรียนต่างๆ ในเขต ต.หนองควาย เพื่อเป็นการแนะนำตัวกับชุมชน และชักชวนเด็ก ๆ มาห้องสมุด จนกระทั่งเกิดกลุ่ม เด็กน้อยรักการอ่าน ร่วมทำกิจกรรมส่งเสริมการอ่านกับพี่ๆ รวมทั้งฝึกงานบรรณารักษ์ ปัจจุบันพวกเขาเรียกตัวเองว่า กลุ่มผู้พิทักษ์
สำหรับวันหยุด หรือช่วงปิดเทอม ห้องสมุดหนองควายได้เดินทางไปพบคนอ่านตามที่ต่าง ๆ เช่นที่ลานหน้าร้านหนังสือสุริวงศ์บุ๊คเซ็นเตอร์ ชักชวนเด็กๆ เข้ามาอ่านหนังสือและฟังนิทาน หรืองานกิจกรรมเครือข่ายองค์กรเอกชน ลานวัฒนธรรมต่าง ๆที่จัดขึ้นใน จ.เชียงใหม่ นอกจากกิจกรรมเชิงแนะนำตัวเองกับโลกข้างนอกหรือในสถานศึกษาแล้ว ที่ห้องสมุดเองก็มีการจัดงาน “นิทานในสวน” อยู่เป็นประจำ เพื่อให้ความรู้ตาม ธีม ที่ตั้งไว้ และแน่นอน ส่งเสริมการอ่าน! ด้วยการอ่านหนังสือให้เด็กฟังทุกครั้งที่จัดกิจกรรม ไม่ว่าจะในหรือนอกสถานที่ก็ตาม
จากการรุกของห้องสมุดในช่วง 2-3 ปีแรก กลุ่มที่สังเกตเห็นผลชัด นอกเหนือจากแกนนำเด็กผู้พิทักษ์คือ เด็กปฐมวัย(เด็กเล็ก ก่อนอนุบาล) จากที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปอ่านหนังสือให้ฟังตามศูนย์เด็กเล็กในหมู่บ้าน หรือทิ้งหนังสือไว้ให้คุณครูอ่าน ผลปรากฏว่าเด็กกลุ่มนี้เติบโตขึ้นโดยชอบอ่านหนังสือ และมีพัฒนาการด้านภาษาดีเมื่อเรียนชั้นประถม ห้องสมุดหนองควายจึงตัดสินใจก้าวต่อไปหาผู้อ่านที่บ้าน
โครงการ ตะกร้าหนังสือสื่อครอบครัว คือโครงการนำหนังสือถึงมือพ่อแม่ โดยคัดเลือกครอบครัวที่มีเด็กเล็ก 50 ครอบครัว จากนั้นนำตะกร้านิทานหมุนเวียนไปให้อ่านเดือนละ 2 ครั้ง ในแต่ละเดือนจะมีการประชุมผู้ปกครอง เพื่อแสดงความคิดเห็น สำรวจผลที่ได้ หรือขยับขยายแนวทางใหม่ๆ เช่น การสร้างเครือข่ายพ่อแม่ (นักอ่าน) โดยให้พ่อแม่มารับหนังสือแล้วแจกจ่ายกันเอง จากกิจกรรมนี้พ่อแม่หลายคนต้องประหลาดใจที่เห็นลูกเล็กๆ รักหนังสือมากกว่าโทรทัศน์ จึงเกิดความกระตือรือร้นที่จะเข้าร่วมต่อไป แม้ว่าอาจจะมีเวลาไม่มากนัก เนื่องจากส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้าง หรือเกษตรกร
บางที ในการอ่าน เราสามารถเริ่มจากหัวก็ได้ท้ายก็ได้ ทำให้คนมาหาหนังสือ หรือนำหนังสือไปให้คนอ่าน ค้นคว้าหากลวิธีที่เหมาะสม เพื่อให้เกิด กระบวนการอ่าน นั่นเอง