Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

วงทนงค์ ชัยณรงค์สิงห์ ถ้าคุณแปลกใหม่คุณก็โดดเด่น

 

 
หากเอ่ยชื่อ วงทนงค์ ชัยณรงค์สิงห์ ลูกพี่ใหญ่แห่งค่ายเด็กดื้อ A day หรือ บริษัท days poet มีน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเขา เพราะวงศ์ทนงหรือโหน่ง เป็นไอคอนของนักสู้รุ่นใหม่ในธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ เจ้าของประสบการณ์อันโชกโชนบนเส้นทางของการทำงานนิตยสาร ที่เริ่มจากการเป็นคนตัวเล็กๆ ในกองบรรณาธิการนิตยสารค่ายใหญ่ พัฒนาตนเองจนก้าวขึ้นมาเป็นบรรณาธิการนิตยสารชื่อดังหลายๆ หัว จนเป็นที่ยอมรับของคนทั่วประเทศ 
 
ก้าวแรกสู่โลกนิตยสาร 
อย่างที่บอกว่าผมไม่มีทักษะทางด้านนี้เลยทั้งการคิด การเขียน สรุปประเด็นแบบคนทำหนังสือ ระยะแรกก็ต้องปรับตัวและขยันที่จะเรียนรู้มากหน่อย โชคดีที่ผมเป็นขยันเรียนรู้ ผมอยากเก่งเร็วๆ เพราะฉะนั้นคนที่อยากเก่งเร็วก็ต้องพยายามและขวนขวายมากกว่าคนอื่นๆ ผมจำได้เลยว่าระยะแรกที่ทำงานหนังสือเวลาบรรณาธิการถามว่าคอลัมน์นี้ใครจะทำผมก็ยกมือแล้วบอกว่าผมขอทำ คอลัมน์นี้ใครจะแปล คนนี้ใครจะสัมภาษณ์ผมบอกขอผมขอผม ถ้าทำเยอะๆเท่าไรก็ยิ่งเก่งเท่านั้น พอมานั่งคิดย้อนหลังผมก็ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงเป็นอย่างนั้น ผมเป็นกองบก.แต่ผมก็ไปขอทำอย่างอื่นด้วย ขอดูอาร์ตเวิร์คว่าเขาทำกันยังไง เขาแปะกันยังไง ขอดูการผลิตว่ากระดาษอย่างนี้มันกี่แกรม การทำแพลดมันเป็นยังไงด้วยความอยากรู้ คุยกับฝ่ายโฆษณาว่าพี่มันยากไหม มีวิธีติดต่อกับคนยังไง นึกย้อนไปว่าก็แปลกใจตัวเองจริงๆคงเป็นเพราะผมสนใจงานหนังสือแบบองค์รวมเลย ไม่ได้คิดอยากเป็นกองบก.ที่เก่งที่สุด แต่อยากมีอาชีพนี้อย่างถาวรผมก็เลยคิดว่าอยากรู้มันซะทุกเรื่องที่เกี่ยวกับงานหนังสือ เริ่มคิดว่าอยากเป็นบรรณาธิการตั้งแต่ทำไฮคลาสซึ่งไม่เคยบอกเขาน่ะ ซึ่งตอนนั้นเวลาประชุมกองบก. บรรณาธิการพูดอะไรขึ้นมา เราแอบบคิดในใจนะว่าเราคิดได้ดีกว่านี้อีก พอมานั่งนึกไปมันอาจจะเป็นความโอหังของเด็กหนุ่มคนนึง แต่เราก็มองว่ามันเป็นคุณสมบัติที่ดีของบรรณาธิการเลยที่รู้สึกไม่พอใจหรือคิดได้มากกว่าที่เขาคิด เรารู้มากกว่าที่เขารู้มันคือความทะเยอทะยานอย่างนึง ผมว่าบรรณาธิการมันต้องมีความทะเยอทะยานและนักจัดการอยู่ในตัว มีความกล้าหาญ มีความโอหังบ้าง ผมคิดเอาเองนะมันอาจไม่ใช่คุณสมบัติของบรรณาธิการที่ดีก็ได้ 
 
การคิดที่ต่างจากคนอื่น 
ครูผมไม่มีเป็นคนๆ ไปนะ บ้างคนชอบก็ชอบอีกอย่างหนึ่งของเขาเพราะฉะนั้นมันรวมๆ กัน และครูเราก็ไม่ใช่คนทำหนังสืออย่างเดียวด้วย บางทีผมชื่นชอบนักธุกิจบางคน บางทีผมก็ชื่นชอบนักสื่อสารมวลชนบางคน เราชื่นชอบนักวิชาการบางคนอย่างนี้ เราก็เอาส่วนที่ดีที่เราว่าเข้าท่าของเขามาใช้ แต่ถ้าให้สรุปเป็นคนๆ ไปเรานึกไม่ออกเหมือนกันน่ะ ส่วนที่ว่าทำไมผมคิดต่าง คือผมเชื่อว่าถ้าคุณต้องการที่จะโดดเด่นเริ่มต้นเลยคุณต้องม่ซ้ำกับคนอื่นเขา ถ้าซ้ำคุณก็ไปเหมือนคนอื่นๆเขาไม่มีใครมาเห็นคุณหรอก แต่ถ้าคุณเริ่มต้นด้วยความไม่ซ้ำคุณจะสะดุดตาทันที อันนี้ดีไม่ดีว่ากันอีกเรื่องหนึ่งนะแต่ที่แน่ๆคือคุณจะสุดดตา เพราะฉะนั้นการทำอะไรเราต้องมีปรัชญาก่อนว่า จะต้องไม่ซ้ำของที่มีอยู่แล้ว ตอนทำอเดย์ผมก็คิดว่าเฮ้ยอยากทำหนังสือให้วัยรุ่นอ่านเล่มนึงที่ไม่ใช่หนังสือวัยรุ่นที่มีซ้ำๆอยู่แล้ว ทำแฮมเบอร์เกอร์ก็คือการทำหนังสือบันเทิงที่ไม่ซ้ำกับที่มีอยู่แล้ว ทำ Adayweekly หนังสือวิเคราะห์ข่าวรายสัปดาห์อีกแบบหนึ่งที่ไม่ซ้ำกับที่มีอยู่แล้ว ผมคิดว่านวัตกรรมเกิดขึ้นได้ถ้าไม่ซ้ำกับที่มีอยู่แล้ว มันต้องแสดงถึงความคิดสร้างสรรค์แปลกใหม่ ถ้าคุณแปลกใหม่คุณก็โดดเด่น ถ้าคุณแตกต่างคุณก็โดดเด่น แล้วอีกอย่างในแง่ธุรกิจหนังสือมันโย่งไปถึงว่า สมมติว่าคุณจะทำหนังสือวัยรุ่นแต่คุณไปทำคล้ายๆกับที่มีอยู่แล้ว มันก็เปรียบเสมือนว่าในสายนี้เขามีหัวแถวกันอยู่แล้วและก็มีคนต่อแถวด้วยอีกห้า หก เจ็ด คน ถ้าคุณไปต่อแถวคนอื่นเป็นคนที่ 8 -9 อยู่ดี 
 
การบริหารทีมงานนิตยสาร 
น้อยมาก ภายในเวลา 4 ปีน่าจะไม่เกิน 3 คน เพราะว่าเขาไม่ผ่านงาน เราประเมินเขาผิดว่าเขาได้ แต่เขาไม่ได้ เพราะกว่าจะเลือกสักคนต้องพิถีพิถันมาก นี่เป็นสาเหตุว่า aday ขาดกอง บก. อยู่คนหนึ่งไปประมาณปีกว่าๆ เลย ยังรับไม่ได้เลยเพราะว่าพิถีพิถันมาก ทั้งเรา (คนพูด) ด้วยทั้งโจ้ด้วย กว่าจะเลือกใครสักคนมันยาก เพราะเราไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ไล่ออก เพราะมีความรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่แรง บริษัทเราคนเข้าออกน้อยมาก คนเข้าเยอะแต่คนออกน้อยมาก หมายถึงออกเองนะ เราว่าเขามีความสุขนะ และถ้าพูดถึงค่าผลตอบแทนเราว่าก็ไม่น้อยหน้าบริษัทไหนนะ บริษัทของเรามีมาตรฐานเงินเดือน หรือว่าโบนัส เรารู้ว่าเราพอๆ กับแกรมมี่มากกว่าในบางตำแหน่ง แต่อย่างหนึ่งที่สัมผัสได้คือเขาทำงานกับเราแล้วมีความสุข และนั่นก็คือเหตุผลสำคัญที่มากกว่าเรื่องเงินเสียอีก เราคิดว่าเรื่องที่เราเก่งแต่คนอาจจะไม่ค่อยรู้ (เราไม่ใช่คนที่ชอบถ่อมตัวตัวเอง เรื่องไหนที่เราเก่งเราก็ว่าเก่ง-หัวเราะ) คือเรื่องการดึงเอาศักยภาพของคนที่เราได้เลือกแล้วออกมา มาทำให้เขาเก่งมากขึ้น เก่งมากขึ้น อย่างที่บอกว่าผมเป็นคนเลือกคนเองเกือบทั้งหมด เพราะฉะนั้นคนที่ผ่านเกณฑ์เขาต้องมีมาตรฐานอยู่ในระดับหนึ่งอยู่แล้ว สิ่งที่ต่อไปจากนี้คือการดึงความสามารถของเขาออกมาให้เขาพัฒนาขึ้นมีความสามารถมากขึ้น และผมว่าผมใช้งานคนถูกประเภทด้วยนะ สำคัญที่สุดคือองค์กรผมอะไรๆ มันก็เกิดขึ้นได้ เพราะว่าอย่างที่ผมบอกไปตอนแรกคือผมเน้นเรื่องความแตกต่าง ความแปลกใหม่ ความหล้าหาญ เพราะฉะนั้นเด็กเหล่านี้ก็จะรู้สึกมีความสุขมากที่จะคิด คิดอะไรก็ได้ และสิ่งที่คิดเล่นๆ ก็อาจเกิดขึ้นได้จริง เพราะว่าผมเชื่อเรื่องความแปลกใหม่ ความแตกต่าง แหกคอก เพราะฉะนั้นผมว่าคนทำงานเขาต้องมีความสุข มันเหมือนเล่นอยู่ในสนามที่โคตรกว้างเลย ที่ไม่มีกรอบเลย เราจะไม่อึดอัดเราสามารถวิ่งเล่นได้กว้างไกลมากๆ ความคิดดีๆ ไอเดียดีๆ ของบริษัทผมบ่อยครั้งมาเลยที่เกิดขึ้นบนโต๊ะกินข้าว กินข้าวกัน คุยอะไรกันขำๆ แล้วก็เกิดเป็นไอเดียขึ้นมา หนังสือ แฮมเบอร์เกอร์เกิดขึ้นบนโต๊ะกินข้าวหน้าออฟฟิศนี่เอง คุยกันประมาณไม่เกิน 10 ประโยคเลยแล้วได้ก็ตกลงทำ adayweekly ก็เกิดขึ้นประมาณนั้นแหละ ทำนองนั้นแหละ 
 
การปฏิวัติแนวนิตยสาร 
คิดว่านับวันเราต้องระมัดระวังมากขึ้นการแสดงทัศนะความคิดความอ่านของเราเพราะว่า ตอนนี้ไม่มากก็น้อยเรามีอิทธิพลต่อผู้อ่าน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นเด็กวัยรุ่นและเป็นธรรมดาของวัยรุ่นทั่วโลกที่คล้อยตามง่าย โดยเฉพาะคล้อยตามคนที่เขาคิดว่าเป็นไอดอล เพราะฉะนั้นเราประเมินตัวเราถูกว่าเราไม่ใช่คนที่สมบรูณ์พร้อม เรายังมีข้อบกพร่องอยู่ในตัวมากเพราะฉะนั้นทุกวันนี้ก่อนที่เราจะแสดงความคิดความเชื่ออะไรออกไปเราจะระวังมาก โดยเฉพาะความคิดที่อ่อนไหวต่อความคิดของใครอื่น แล้วการไปแนะนำคนให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้มันเป็นอันตรายเพราะคนเราไม่เหมือนกัน คนเราไม่จำเป็นที่จะต้องแหกคอกทุกคน บางคนอยู่ในคอกแล้วมีประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่นก็อยู่ไป แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่ทอดทิ้งเลยคือการใครคนเหล่านั้นรู้จักคิดและใคร่ครวนกับชีวิต รู้จักตรวจสอบชีวิตตตัวเองว่าคุณค่าชีวิตตนเองอยู่ไหน สักยภาพของเราเองอยู่ตรงไหน นับวันผมว่าผมมีความคิดต่อสังคมมากๆจากเมื่อก่อนอย่างที่ว่าคือคิดจากตัวเอง แค่อยากจะประกาศความคิดของตัวเองออกไป แต่หลังๆมานี้มันเป็นเรื่องรองลงไปเลยผมไม่ได้อยากดังหรืออะไรเลย แต่ผมอยากให้สังคมมันดีด้วยสื่อที่เราทำจากทักษะความสามารถของพวกเรา 
 
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจากนิตยสาร YES