ลีกนักอ่านแดนภารตะ
10.7 ชั่วโมง คือเวลาเฉลี่ยที่คนอินเดียใช้ไปกับการอ่านหนังสือในแต่ละสัปดาห์ ซึ่งเป็นเวลายาวนานพอที่จะทำให้อินเดียถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่คนอ่านหนังสือมากที่สุดในโลก จนสร้างความฉงนไปทั่ว ว่าคนอินเดียอ่านเยอะจริงหรือ เป็นเพราะวัฒนธรรม-ส่งเสริมการอ่านใด จึงส่งผลดีเช่นนั้น
เ
เอ็นโอพี เวิลด์ องค์กรวิจัยตลาดชื่อดังทำการสำรวจพฤติกรรมการบริโภคสื่อของประชาชนอายุ 13 ปีขึ้นไปจำนวน 30,000 คน จาก 30 ประเทศในปี 2005 พบว่าคนอินเดียใช้เวลาอ่านหนังสือมากที่สุด ตามมาด้วยประเทศไทย (9.4 ชั่วโมง/สัปดาห์) และ จีน (8 ชั่วโมง/สัปดาห์) ผลการสำรวจพบว่า ชาวอินเดียอ่านหนังสือมากกว่าคนอเมริกันถึงสองเท่า ด้านญี่ปุ่นและเกาหลีใช้เวลาอ่านหนังสือเฉลี่ยต่อสัปดาห์เพียง 4.1 และ 3.1 ชั่วโมง
ตำแหน่งแชมป์โลกการอ่านอาจทำให้ชาวภารตะพากันยืดอกด้วยความภูมิใจ แต่ทรุณ เทจปาล นักเขียนและบรรณาธิการชาวอินเดียตั้งข้อสังเกตว่า การสำรวจชิ้นนี้ไม่ได้รวมคนอินเดียผู้ไม่รู้หนังสือที่มีอยู่มากมายมหาศาลเข้าไปด้วย ซึ่งจากผลการสำรวจการอ่านหนังสือแห่งชาติของอินเดียพบว่า ประชากรอินเดียกว่า 1 ใน 3 ที่อยู่ในชนบทและราว 15% ของประชากรในเขตเมืองยังคงเป็นผู้ไม่รู้หนังสือ
เพราะฉะนั้นอย่าแปลกใจถ้าหากว่าแชมป์การอ่านอย่างอินเดียจะมีโครงการรณรงค์ส่งเสริมการอ่านไม่น้อยไปกว่าประเทศอื่นๆ ที่กำลังต่อสู้เพื่อขจัดการไม่รู้หนังสือ กิจกรรมหนึ่งที่น่าสนใจและทำต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2008 คือ การผลักดันให้มีการจัดตั้งสโมสรนักอ่าน (Indian Reading League) ขึ้นในชุมชนแออัดในกรุงเดลฮี โดยแต่ละ “ลีก” จะมีสมาชิก 50 คน อายุระหว่าง 3-13 ขวบ
ต้นคิดการจัดตั้งสโมสรนักอ่านในหมู่เด็กสลัมคือ Katha—องค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานด้านการพัฒนาเด็ก ซึ่งเล็งเห็นปัญหาการขาดทักษะการอ่านของเด็กสลัมในกรุงเดลี ซึ่งแม้จะได้เรียนหนังสือในโรงเรียน แต่ทักษะการอ่านและเขียนนั้นอ่อนมาก เป็นต้นว่าแต่งประโยคไม่เป็น หรือไม่ก็ใช้คำผิดๆ ถูกๆ
เมื่อรวมตัวกันได้สำเร็จแล้ว เด็กๆ จะได้รับมอบหมายให้ตั้งชื่อสโมสรการอ่านของตัวเอง แต่ทุกสโมสรต้องมีเป้าหมายเดียวกันคือ สมาชิกแต่ละคนจะต้องเพิ่มจำนวนคำศัพท์ที่ตัวเองรู้ให้ได้คนละ 600 คำเป็นอย่างน้อยในระยะเวลา 2 ปี โดยมีอาสาสมัครของ Katha คิดค้นกิจกรรมสนุกๆ ที่ช่วยให้เด็กๆ เรียนรู้คำศัพท์ใหม่ๆ ในภาษาฮินดี ซึ่งเป็นภาษากลางที่รัฐบาลกำหนดให้ใช้ในการเรียนการสอนในโรงเรียน
โครงการนี้เปิดตัวในสลัม 50 แห่ง ล่าสุดมีสโมสรนักอ่านเกิดขึ้นสำเร็จแล้ว 20 สโมสรและคาดว่าจะเกิดตามมาอีกมาก เพราะอาสาสมัคร Katha นั้นมีประสบการณ์ในการสร้างสรรค์กิจกรรมที่ทำให้การอ่านเป็นเรื่องสนุกสำหรับเด็กๆ มายาวนานกว่า 20 ปี
แม้ว่าตอนนี้ชาวภารตะจะเป็นสุดยอดหนอนหนังสืออยู่ก็ตาม อินเดียยังคงเดินหน้าส่งเสริมการอ่านต่อไปไม่หยุดยั้ง ประเทศไทยเองก็ไม่ควรชะล่าใจที่เราอ่านหนังสือมากเป็นอันดับสองรองจากอินเดีย
เพราะแม้ว่าคนไทยจะอ่านหนังสือเฉลี่ยสัปดาห์ละ 9.4 ชั่วโมง แต่การสำรวจชิ้นเดียวกันนี้พบว่าคนไทยใช้เวลาอยู่หน้าจอโทรทัศน์มากที่สุดคือ 22.4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แถมยังท่องอินเตอร์เน็ตมากเป็นอันดับสองรองจากชาวไต้หวัน คือ สัปดาห์ละ 11.7 ชั่วโมง ถ้าอ่านผลสำรวจแบบไม่เข้าข้างตัวเอง เราจะพบว่าคนไทยใช้เวลาอ่านหนังสือน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับการดูโทรทัศน์และท่องอินเตอร์เน็ต แล้วเราจะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปหรือ?
ภาพจาก : http://www.iplt20.com