รำลึกถึงอาเธอร์ ซี. คลาร์ก

วันที่ 19 มี.ค. พ.ศ. 2551 แล้วคนที่ผู้เขียนอยากพบมากที่สุดในโลกคนที่ 3 คือ อาเธอร์ ซี. คลาร์ก ก็จากโลกไป ขณะมีอายุ 90 ปี และอีก 2 คน ที่ล่วงหน้าไปก่อน คือ ไอแซก อาซิมอฟ และไอน์สไตน์
อาเธอร์ ซี. คลาร์ก เป็นยักษ์ใหญ่นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ของโลก เคียงคู่กับ ไอแซก อาซิมอฟ ขณะที่ทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งเมื่อ ไอแซก อาซิมอฟ ลาโลกไป เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2535 ขณะมีอายุ 72 ปี อาเธอร์ ซี. คลาร์ก ก็ครองตำแหน่งยักษ์ใหญ่แห่งวงการนิยายวิทยาศาสตร์โลกเพียงคนเดียวอย่างไม่มีคู่แข่ง จนกระทั่งถึงวันสุดท้ายของชีวิต…
ส่วน ไอน์สไตน์ สุดยอดนักวิทยาศาสตร์ของโลกตลอดกาล ก็ลาจากโลกไปก่อนเป็นคนแรก เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2498 ขณะมีอายุ 76 ปี
ผู้เขียนได้พบและพูดคุยกับ ไอแซก อาซิมอฟ เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2520 ในกรุงนิวยอร์ก และได้พบกับ อาเธอร์ ซี. คลาร์ก ที่กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2523 ส่วน ไอน์สไตน์ เป็นคนเดียวในสามคนที่ผมอยากพบมากที่สุดในโลก ที่ไม่ได้พบโดยตรง เพราะเมื่อผมมีโอกาสเดินทางไปเยือนถึงถิ่นที่พำนักสุดท้ายของไอน์สไตน์ คือ เมืองพรินซ์ตัน ในเดือน พ.ย. 2520 (ช่วงเวลาเดียวกับที่ผู้เขียนได้เดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกา และได้พบกับไอแซก อาซิมอฟ) ไอน์สไตน์ก็ได้ลาจากโลกไปก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ผู้เขียนจะไม่ได้พบกับไอน์สไตน์โดยตรง แต่ก็ได้ไปเยี่ยมชมห้องทำงานของไอน์สไตน์ที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ซึ่งทางมหาวิทยาลัยพยายามเก็บรักษาสภาพห้องทำงานของไอน์สไตน์เอาไว้ให้เหมือนเดิม และได้ใช้เวลาเดินตามเส้นทางระหว่างบ้านพักกับมหาวิทยาลัยที่ไอน์สไตน์ชอบเดิน ตามที่ได้ศึกษาเรื่องราวการใช้ชีวิตของไอน์สไตน์อย่างละเอียดมาก่อน ทำให้ผู้เขียนเกิดความรู้สึกเสมือนหนึ่งว่าคุ้นเคยกับเส้นทางและสภาพบรรยากาศของพรินซ์ตันค่อนข้างดี
การจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ อาเธอร์ ซี. คลาร์ก ทำให้ผู้เขียนรำลึกไปถึงวันที่ได้พบได้สนทนากับ อาเธอร์ ซี. คลาร์ก แล้วก็นึกต่อไปถึงวันที่ได้พบกับ ไอแซก อาซิมอฟ
ถึงแม้วันเวลาที่ผู้เขียนได้พบกับอาเธอร์ ซี. คลาร์ก และ ไอแซก อาซิมอฟ จะผ่านไปแล้ว 28 ปี และ 31 ปี ตามลำดับ แต่ผู้เขียนก็ยังจำยักษ์ใหญ่นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ทั้ง 2 คน ได้อย่างชัดเจน เหมือนเมื่อวันวานมานี้เอง
ไอแซก อาซิมอฟ เป็นคนอารมณ์ดี ร่ำรวยอารมณ์ขัน เสียงดังทั้งเสียงพูด และเสียงหัวเราะ ความคิดความอ่านกระฉับกระเฉงกระโดดไปกระโดดมาอย่างมีสีสัน ที่สะท้อนออกมาเป็นภาษาเขียนได้อย่างชัดเจน เพราะ ไอแซก อาซิมอฟ เขียนหนังสือได้เร็วและอ่านสนุกตั้งแต่แรกเริ่ม…
ในขณะที่ อาเธอร์ ซี. คลาร์ก จะเป็นคนมีทีท่าสุขุม ความคิดไม่กระโดดไปกระโดดมาเหมือนไอแซก อาซิมอฟ ซึ่งแม้ช่วงเวลาไม่ยาวนักที่ผู้เขียนได้พบ ได้สนทนาคุยกันทั้งในห้องประชุมใหญ่ ระหว่างพิธีเปิดการประชุมสัมมนาภารกิจหลักการเดินทางไปศรีลังกาของผู้เขียน ในระหว่างการเดินคุยกันจากห้องประชุมถึงบ้านพักของอาเธอร์ ซี. คลาร์ก ซึ่งอยู่ห่างจากห้องประชุมประมาณ 1 ไมล์ และที่บ้านพักของอาเธอร์ ซี. คลาร์ก ก็สัมผัสได้และสะท้อนออกมาในผลงานการเขียนของเขาได้อย่างดี…
กล่าวคือ เมื่อเปรียบเทียบกับ ไอแซก อาซิมอฟ แล้ว อาเธอร์ ซี. คลาร์ก จะมีสมาธิในการคุย และการเขียนอย่างตั้งใจกว่า ไอแซก อาซิมอฟ เขียนหนังสือไม่มากเท่า แต่ทุกสิ่งที่เขียนจะลุ่มลึก งดงาม ประณีต เป็นเสมือนกับภาษากวี ซึ่งก็มีผลทำให้ผู้อ่านผลงานของ อาเธอร์ ซี. คลาร์ก อาจไม่รู้สึกสนุกในทันที และต้องมีความตั้งใจในการอ่านพอสมควร แต่เมื่ออ่านจนจบก็จะได้บางสิ่งบางอย่างติดสมองติดความคิดอย่างแน่นอน
อาเธอร์ ซี. คลาร์ก เป็นคนอังกฤษ แต่เลือกไปใช้ชีวิตเติมชีวิตในศรีลังกา ในฐานะเป็นประชาชนพิเศษของศรีลังกา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2499 จนกระทั่งถึงบั้นปลายชีวิต แต่ที่สำคัญทำให้อาเธอร์ ซี. คลาร์ก เลือกปักหลักชีวิตอยู่ในศรีลังกา คือความงดงามของแหล่งน้ำรอบศรีลังกา และอาเธอร์ ซี. คลาร์ก ก็ชอบดำน้ำอย่างจริงจัง เหมือนนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลคนหนึ่ง ในการศึกษาสภาพความงดงามและความเปลี่ยนแปลงของโลกใต้น้ำ ดังเช่นแนวหินปะการัง แล้วก็ในฐานะนักผจญภัยค้นหาสมบัติในเรือจมอยู่ใต้น้ำอีกด้วย
อาเธอร์ ซี. คลาร์ก ชอบอวกาศเป็นชีวิตจิตใจ เขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนหนุ่มสาวเป็นจำนวนนับล้านคนทั่วโลกให้หลงใหลอวกาศ แต่เขาไม่สามารถจะขึ้นสู่อวกาศได้ จากปัญหาสุขภาพ เขาจึงเลือกลงน้ำแทน เพราะสภาพใต้น้ำจะใกล้เคียงที่สุดกับสภาพในอวกาศ
อาเธอร์ ซี. คลาร์ก มีชื่อเสียงเป็นนักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ระดับสุดยอดของโลก ในขณะเดียวกันก็มีชื่อเสียงในฐานะเป็นนักเขียนเรื่องวิทยาศาสตร์สำหรับผู้อ่านทั่วไป และเป็นผู้คิดค้นเรื่องดาวเทียมสื่อสารประเภท “ดาวเทียมค้างฟ้า” เขาได้รับรางวัลสำคัญมากมาย ทั้งรางวัลทางด้านนิยายวิทยาศาสตร์ระดับโลก รางวัลสำหรับการจุดประกายนวัตกรรมวิทยาศาสตร์ ดังเช่น ดาวเทียมสื่อสาร ได้รับการสถาปนาเป็น “Knight” (อัศวิน) มีชื่อตำแหน่ง “Sir” อยู่หน้าชื่อเป็น เซอร์ อาเธอร์ ซี. คลาร์ก จากราชวงศ์อังกฤษ เมื่อปี ค.ศ. 2000 ชื่อของเขาหรือจากผลงานของเขา ได้รับการนำไปตั้งเป็นชื่อโครงการและยานอวกาศ ดังเช่น ยาน 2001 Mars Odyssey ชื่อของรางวัลเกี่ยวกับนิยายวิทยาศาสตร์ ฯลฯ
ในวันที่ผู้เขียนได้พบกับอาเธอร์ ซี. คลาร์ก เราได้คุยกันหลายเรื่อง ตั้งแต่เรื่องนิยายวิทยาศาสตร์ ภาพยนตร์วิทยาศาสตร์ ดาวเทียมสื่อสาร การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีใหม่ๆ เรื่องมนุษย์ต่างดาว แล้วก็ไอแซก อาซิมอฟ ซึ่งเป็นเพื่อนต่างทวีปที่สนิทและยกย่องซึ่งกันและกันมาก แต่ก็ชอบขัดคอแหย่กันเล่นๆ เป็นประจำ
หลังกลับจากศรีลังกาเมื่อปี พ.ศ. 2523 นั้น ผู้เขียนก็ได้เขียนบันทึกการพบกับอาเธอร์ ซี. คลาร์ก ให้อ่านกัน เรื่อง “2 ชั่วโมง 5 นาที กับ อาเธอร์ ซี. คลาร์ก” ในนิตยสาร “มิติที่ 4” ฉบับที่ 7 ประจำเดือน พ.ค. พ.ศ. 2523 (มิติที่ 4 ยุคแรก มี ทะนง โชติสรยุทธิ์ เป็นบรรณาธิการบริหาร ราคาฉบับละ 12 บาท)
มาวันนี้ วันที่ได้ทราบข่าวแพร่ไปทั่วโลกว่า อาเธอร์ ซี. คลาร์ก จากโลกไปแล้ว ผู้เขียนก็หยิบเอาหนังสือ 2 เล่ม ที่ได้รับจากมือของอาเธอร์ ซี. คลาร์ก พร้อมกับข้อความและลายเซ็นของเขาให้ผู้เขียน คือ Prelude to Space และ Reach for Tomorrow มาพลิกอ่าน แล้วก็นึกถึงดาวเคราะห์น้อยดวงหนึ่ง ชื่อ 4928 Clarke ซึ่งอย่างแน่นอนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ผู้เขียนกลับนึกเห็นดาวเคราะห์น้อยดวงนี้กำลังเคลื่อนที่อย่างโดดเด่นอยู่ในอวกาศ…
ในขณะเดียวกัน ผู้เขียนก็จะรออ่านนิยายวิทยาศาสตร์เรื่องใหม่ล่าสุด ของอาเธอร์ ซี. คลาร์ก ที่เขียนร่วมกับ เฟรเดอริก โพฮ์ล (Frederik Pohl) เป็นมรดกสุดท้าย สำหรับแฟนนักอ่านนิยายวิทยาศาสตร์ของเขา เรื่อง “The Last Theorem” มีกำหนดจะออกสู่โลกหนังสือภายในปี พ.ศ. 2551
เรื่อง : ชัยวัฒน์ คุประตกุล kshaiwat2@hotmail.com
โดย โพสต์ ทูเดย์ – แมกกาซีน
ติดตามรับฟังและร่วมรายการวิทยุ “ชีวิตกับจักรวาล” จัดโดย ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล (รายการสด) ที่คลื่น FM 101.0 RR1 วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 24.00-01.00 น. และทางวิทยุอินเทอร์เน็ต www.101newschannel.com