“มองโสมขาว ทอดยาวถึงถิ่นซากุระ เพื่อกระตุ้นการอ่านในไทย”
“มองโสมขาว ทอดยาวถึงถิ่นซากุระ เพื่อกระตุ้นการอ่านในไทย”
มุมมองจากเวทีสาธารณะเพื่อผลักดันนโยบายการอ่าน ประจำปี 2553 ครั้งที่ 2 เรื่อง “นโยบายการอ่านของประเทศเกาหลีใต้ และประเทศญี่ปุ่น และข้อเสนอเชิงนโยบายที่เหมาะสมกับประเทศไทย (TK Forum, 2010)” วันที่ 23 กันยายน 2553 เวลา 8.30 -16.30 ณ โรงแรมโนโวเทล สยามสแควร์
การประชุมเวทีสาธารณะเรื่อง “นโยบายการอ่านของประเทศเกาหลีใต้ และประเทศญี่ปุ่น และข้อเสนอเชิงนโยบายที่เหมาะสมกับประเทศไทย (TK Forum, 2010)” เป็นเวทีสาธารณะที่ได้รวบรวมประเด็นที่น่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการอ่านของประเทศเกาหลีใต้ และประเทศญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นประวัติความเป็นมาของนโยบายการส่งเสริมการอ่านของทั้งสองประเทศ ความร่วมมือกันของหน่วยงานภายในของทั้งสองประเทศที่มีต่อการส่งเสริมการอ่าน และการรณรงค์การส่งเสริมการอ่านในรูปแบบต่างๆ เป็นต้น ในที่ประชุมได้มีข้อสรุปของนโยบายการส่งเสริมการอ่านของทั้งสองประเทศ และมีการนำข้อสรุปต่างๆ มาปรับเป็นข้อเสนอเชิงนโยบายที่เหมาะสมกับประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งการจัดเวทีสาธารณะครั้งนี้เป็นการจัดครั้งที่ 2 การจัดงานในครั้งแรกนั้น เป็นการนำเสนอเกี่ยวกับนโยบายการส่งเสริมการอ่านของประเทศสวีเดน ซึ่งจะมีเวทีสาธารณะซึ่งจัดงานนำเสนอเกี่ยวกับนโยบายการส่งเสริมการอ่านของ 5 ประเทศ คือ สวีเดน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และไทย เวทีสาธารณะซึ่งจัดขึ้นในทุกครั้งจะมีการนำเสนอ ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เหมาะสมกับประเทศไทย ซึ่งได้มาจากการศึกษานโยบายการอ่านของทั้ง 5 ประเทศ อย่างเจาะลึก สำหรับนโยบายส่งเสริมการอ่านของประเทศเกาหลีใต้และประเทศญี่ปุ่นมีประเด็นน่าสนใจดังต่อไปนี้
ประเด็นน่าสนใจ “นโยบายส่งเสริมการอ่านของประเทศเกาหลีใต้”
ผู้นำเสนอนโยบายส่งเสริมการอ่านของประเทศเกาหลีใต้ คือ คุณวัฒนชัย วินิจจะกูล หัวหน้าฝ่ายวิชาการ หัวหน้าฝ่ายวิชาการ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (TK Park) ร่วมกับ ดร. วิเชียร อินทะสี ประธานโครงการเกาหลีศึกษา สถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีผู้วิจารณ์ของของผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ปริศ วงศ์ธนเสน อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสงขลานครินทร์ เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ของข้อมูล โดยสามารถสรุปประเด็นสำคัญของนโยบายส่งเสริมการอ่านของประเทศเกาหลีใต้ ดังนี้
– ประเทศเกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีจำวนประชากรอ่านออกเขียนได้เป็นอันดับที่ 17 ของโลก มีสถิติการอ่านออกเขียนได้ ร้อยละ 93.50 และในปี 2006 มีการสำรวจทักษะความเข้าใจในการอ่านของเยาวชนอายุ 15 ปี ปรากฏว่า เยาวชนเกาหลีใต้มีทักษะดังกล่าวเป็นอันดับ 1 ของโลก
– การประสบความสำเร็จของนโยบายส่งเสริมการอ่านของเกาหลีใต้ ส่วนหนึ่งเกิดจากแรงบีบคั้นทางสังคมของประชาชน ที่ต้องตกอยู่ใต้การปกครองของต่างประเทศมาอย่างยาวนาน เมื่อได้รับอิสรภาพจึงทำให้ประชาชนเกาหลีมีความ “กระหายการเรียนรู้” เพื่อที่จะขับเคลื่อนประเทศให้พัฒนาเท่าเทียมกับประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ ดังนั้นรัฐบาลจึงมีการส่งเสริมการอ่านอย่างจริงจัง
– นโยบายส่งเสริมการอ่านของประเทศเกาหลีใต้มีความหลากหลาย และครอบคลุมถึงประชากรทุกกลุ่ม ทุกวัย ทั้งในรูปแบบกิจกรรมรณรงค์ เช่น กิจกรรมห้องสมุดเคลื่อนที่, ห้องสมุดชุมชน, ห้องสมุดสำหรับเด็กสำหรับปลูกฝังค่านิยมการอ่านในเด็กเล็ก, โครงการ Bookstart, โครงการ “1 เมือง 1 เล่ม” เป็นต้น ซึ่งแต่ละโครงการประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง หรือแคมเปญใหญ่เกี่ยวกับการส่งเสริมการอ่าน เช่น โครงการ “การอ่านแห่งโซล” เป็นต้น
– นอกจากกิจกรรมส่งเสริมการอ่านในรูปแบบกิจกรรมรณรงค์แล้ว เกาหลีใต้ยังมีนโยบายส่งเสริมการอ่านในการศึกษาภาคบังคับอีกด้วย โดยการออกมาตรการให้นักเรียนที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยต้องมีการสอบวิจารณ์วรรณกรรมอยู่ด้วย
– การส่งเสริมการอ่านของประเทศเกาหลีใต้ เน้นการสร้างค่านิยมการอ่านตั้งแต่เยาว์วัย โดยสนับสนุนให้ผู้ปกครองเด็กเล็กเข้าห้องสมุด โดยห้องสมุดในประเทศเกาหลีจะไม่มีการเก็บค่าบริการ และภายในห้องสมุดยังมีกิจกรรมส่งเสริมการอ่านอย่างครบวงจรทำให้การส่งเสริมการอ่านเป็นไปอย่างประสิทธิภาพ และเด็กเล็กที่เข้าห้องสมุดนั้นจะถูกปลูกฝังค่านิยมการอ่านตั้งแต่เด็ก ทำให้เกิดความรู้สึกว่าการอ่านไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อ และมีความต้องการแสวงหาความรู้ตลอดเวลา
– การส่งเสริมเทคโนโลยีของประเทศเกาหลีใต้เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ช่องทางการเข้าถึงการอ่านของประชาชนในประเทศเกาหลีเป็นไปได้อย่างง่ายดาย และมีประสิทธิภาพ
– ภาคเอกชนของประเทศเกาหลีใต้ให้การสนับสนุนการส่งเสริมการอ่านของพนักงานอย่างเต็มที่ โดยแทบทุกบริษัทจะมีกิจกรรมส่งเสริมการอ่านให้พนักงานโดยตลอด
ข้อเสนอเชิงนโยบายของไทย จากนโยบายส่งเสริมการอ่านของประเทศเกาหลีใต้
– จัดตั้งสำนักงานแผนและนโยบายการอ่าน หรือปรับอำนาจหน้าที่หน่วยงานเดิมที่มีบทบาทเกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำแผนและนโยบายการอ่านระดับชาติ โดยบูรณาการแผนงานกันอย่างครบวงจร
– จัดทำโครงการ “1 จังหวัด 1 เล่ม” (One Book One Province) โดยให้แต่ละจังหวัดคัดเลือกหนังสือน่าอ่านที่มีความสอดคล้องกับวิถีวัฒนธรรมในท้องถิ่นโดยในเบื้องต้นอาจเริ่มทำจากจังหวัดที่มีความพร้อมก่อน เช่น กรุงเทพมหานคร เป็นต้น
– ศึกษาแนวทางการนำหนังสือวรรณกรรมคุณภาพเป็นหนังสืออ่านนอกเวลา เพื่อใช้ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย โดยเป็นการสอบข้อเขียนวิจารณ์วรรณกรรม
– ส่งเสริมและสนับสนุนการสร้างศูนย์การเรียนรู้ระดับจังหวัดขึ้น โดยให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดนั้นๆ เข้ามามีบทบาทดูแล
ประเด็นน่าสนใจ “นโยบายส่งเสริมการอ่านของประเทศญี่ปุ่น”
ผู้นำเสนอนโยบายส่งเสริมการอ่านของประเทศญี่ปุ่น คือ คุณวัฒนชัย วินิจจะกูล หัวหน้าฝ่ายวิชาการ หัวหน้าฝ่ายวิชาการ สำนักงานอุทยานการเรียนรู้ (TK Park) โดย รองศาสตราจารย์ ดร. ชวินทร์ ลีนะบรรจง สถาบันเอเชียตะวันออกศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นผู้วิจารณ์บทความนี้ นอกจากนี้ยังมีการบรรยายพิเศษเกี่ยวกับนโยบายส่งเสริมการอ่านของประเทศญี่ปุ่นโดย คุณพรอนงค์ นิยมค้า โฮริคาวา เลขาธิการคณะกรรมการมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก และคุณฮิโรมิ มิยางาวา อาสาสมัครห้องสมุดเด็กกรุงเทพ เพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ของข้อมูล โดยสามารถสรุปประเด็นสำคัญของนโยบายส่งเสริมการอ่านของประเทศเกาหลีใต้ ดังนี้
– ประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นเอื้อให้เกิดวัฒนธรรมการอ่านขึ้นในสังคมประเทศญี่ปุ่น กล่าวคือ แต่เดิมประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศปิด ไม่เปิดรับวัฒนธรรมจากภายนอก แต่เมื่อมีความจำเป็นต้องเปิดประเทศและรับเอาวัฒนธรรมของต่างประเทศเข้ามา จึงทำให้คนญี่ปุ่นเกิดความต้องการที่จะเรียนรู้ในเทคโนโลยีต่างๆอย่างมาก และการอ่านเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการที่จะทำให้บุคคลเกิดการเรียนรู้ในเทคโนโลยีต่างๆ ทำให้หน่วยงานต่างๆ ในประเทศญี่ปุ่นทำการส่งเสริมการอ่าน ตั้งแต่ประเทศญี่ปุ่นมีการเปิดประเทศเป็นต้นมา
– สังคมญี่ปุ่นมีการแข่งขันกันสูง การอ่านจึงเป็นช่องทางการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างละเอียดของผู้คนในสังคม ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าประชาชนญี่ปุ่นมีค่านิยมเรื่องการอ่านว่า การอ่านเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต และมักพบประชาชนญี่ปุ่นอ่านหนังสือในทุกๆ พื้นที่ เช่น ทางเดิน บนรถไฟ ที่ทำงาน เป็นต้น
– การทำกิจกรรมส่งเสริมการอ่านต่างของประเทศญี่ปุ่นในขั้นต้นจะเริ่มจากหน่วยงานภาคประชาชนทั้งสิ้น และเมื่อกิจกรรมนั้นใหญ่ขึ้นภาครัฐจึงเข้ามามีส่วนในการกำกับดูแลกิจกรรมนั้นๆ ในบางด้าน เช่น กิจกรรมการจัดห้องสมุดชุมชน หรือ การเปิดบ้านเป็นห้องสมุด (Bunko) ซึ่งเป็นกิจกรรมส่งเสริมการอ่านที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในประเทศญี่ปุ่น
– การอ่านในสังคมญี่ปุ่นที่หลากหลายมากอย่างหนึ่งคือการอ่านหนังสือการ์ตูน (มังงะ) แม้ว่าเศรษฐกิจในประเทศญี่ปุ่นจะตกต่ำเพียงไร แต่อุตสาหกรรมการ์ตูนญี่ปุ่นมักไม่ได้ผลกระทบมากมายนัก
ข้อเสนอเชิงนโยบายของไทย จากนโยบายส่งเสริมการอ่านของประเทศญี่ปุ่น
– ควรมีการจัดตั้งหน่วยงานระดับชาติด้านการส่งเสริมการอ่าน
– ควรมีการจัดทำโครงการ Bookstart
– ส่งเสริมกิจกรรม “บ้านหนังสือ” หรือการเปิดบ้านเป็นห้องสมุด เช่นเดียวกับ Bunkoในประเทศญี่ปุ่น
– การส่งเสริมหนังสือที่เหมาะสมกับวัยเด็กและเยาวชน เพื่อชักจูงให้เด็ก และเยาวชนรักการอ่าน
– ควรมีการจัดตั้งหน่วยงานระดับชาติด้านการส่งเสริมการอ่าน
– ควรมีการจัดทำโครงการ Bookstart
– ส่งเสริมกิจกรรม “บ้านหนังสือ” หรือการเปิดบ้านเป็นห้องสมุด เช่นเดียวกับ Bunkoในประเทศญี่ปุ่น
– การส่งเสริมหนังสือที่เหมาะสมกับวัยเด็กและเยาวชน เพื่อชักจูงให้เด็ก และเยาวชนรักการอ่าน