มองพระพุทธศาสนาผ่านสายตาน้องเดียว
มีบางเรื่องและบางคำถามในโลกนี้ที่เราใช้เฉพาะกับคนที่เป็นผู้ใหญ่เท่านั้น แต่สำหรับน้องเดียว-เด็กชายพัทธดนย์ เกลี้ยงจันทร์ เด็กชายวัย 9 ขวบคนนี้ เราสามารถใช้คำถามเดียวกับผู้ใหญ่หรือพูดคุยแบบผู้ใหญ่ได้เลย
เจ้าหนูอัจฉริยะ หรือแชมป์เกมทศกัณฐ์คนนี้ ไม่เพียงแต่รอบรู้และจดจำการทายใบหน้าของบุคคลในโลก แต่เขายังรอบรู้ในทุกเรื่อง ไม่เฉพาะทางโลก แต่ยังรวมไปถึงทางธรรม และสนใจจนถึงขั้นเอ่ยปากขอแม่บวชด้วยตัวเอง
น้องเดียวบอกกับเราว่า เป็นคนชอบอ่านหนังสือ วันหนึ่งได้อ่านหนังสือธรรมะ รู้สึกว่านักวิทยาศาสตร์มีหลายคน แต่พระพุทธเจ้ามีเพียงพระองค์เดียวในโลกเท่านั้น หลายคนบอกว่าถ้าเราได้ศึกษาธรรมะและได้ปฏิบัติ เราจะมีความสุข ผมเลยอยากลองปฏิบัติดูบ้าง
ผมชอบอ่านหนังสือธรรมะ เพราะธรรมะคือธรรมชาติ สามารถมองเห็นได้จากรอบตัว บางคนบอกว่ามองไม่เห็น นั่นอาจเป็นเพราะไม่เคยสังเกต พอได้อ่านและศึกษาธรรมะ แล้วเราสามารถยกมาเป็นข้อคิดในชีวิตประจำวันได้ เช่น เรื่องเรียน เราต้องมีความขยันหมั่นเพียงและมีสมาธิ เวลาแข่งกีฬาก็ต้องรู้จักแพ้ รู้จักชนะ รู้จักอภัย และมีความเมตตาต่อผู้อื่น
เมื่อให้เล่าถึงกิจของสามเณร “ที่วัดผมจะมีพระอาจารย์ ว. และพระอาจารย์อมรวิชญ์ ท่านคอยสอนผมทุกเรื่อง เช่น การเดินจงกรม การทำวัตรเช้า การทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ ทุกวันผมต้องตื่นตีสี่มาทำวัตร หลังจากนั้นก็ไปบิณฑบาต ต้องเดินประมาณสองกิโล แต่ไม่เหนื่อย พระอาจารย์สอนว่า เวลาไปเดินบิณฑบาตรให้คิดว่า เราไม่ได้ฉันอาหารเพื่อความอร่อย ไม่ได้อยู่เพื่อกิน แต่กินเพื่อให้ร่างกายหมดทุกข์จากความหิว จะได้ปฏิบัติธรรมอย่างไม่เป็นทุกข์ เวลาบิณฑบาตรต้องเดินเท้าเปล่า ทำให้เท้าแตกและลอก
สิ่งที่ได้จากการบวชในครั้งนี้ “รู้สึกว่าตัวเองนิ่งขึ้น การบวชทำให้เรามีจิตใจที่สงบขึ้น และพูดอะไรไปคนรอบข้างก็เชื่อมากขึ้น สำหรับผมการบวชถือเป็นประสบการณ์ชีวิตที่สำคัญ เพราะได้ข้อคิดหลายอย่าง พระพุทธศาสนาอันมีพระพุทธเจ้าเป็นพระศาสดา มีพระรัตนตรัย คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีเป้าหมายคือนิพพาน แต่ก่อนจะก้าวถึงนิพพานต้องมีศีล สมาธิ ปัญญา ต้องปฏิบัติถึงขั้นอรหันต์ก่อน หลังจากนั้นถึงได้บรรลุนิพพาน แต่ผมไม่ได้มองตรงนั้นเพราะยังเด็ก ผมศึกษาธรรมะเพื่อเป็นข้อคิดให้การดำรงชีวิตในแต่ละวันให้มีความสุขก็พอ
บทความจาก : นิตยสาร The Secret
ภาพจาก : นิตยสาร The Secret