Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

มหัศจรรย์แห่งการอ่าน

               

                เราคงเคยสดับฟังเรื่องราวน่ามหัศจรรย์ว่าด้วย “การอ่าน” กันมาพอสมควร ซึ่งแต่ละครั้งก็จะน่าสนใจแตกต่างกันไป แต่จะมีครั้งใดประทับใจเหมือนเรื่องของบรรดาครูเมืองยโสธรที่จะเล่าต่อไปนี้ไหม?…
                เมื่อคุณครูจังหวัดยโสธรชื่อ นรรถฐิยา ผลขาว อ่านหนังสือ มหัศจรรย์แห่งการอ่าน จบลง เธอรู้สึกถึงแรงบันดาลใจที่จะทำงานวิจัย “ชวนกันอ่านหนังสือให้เด็กฟัง” ในถิ่นฐานของเธอ จึงชวนเพื่อนมาร่วมกันทำโครงการ และขอการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
               มหัศจรรย์แห่งการอ่าน เป็นหนังสือเล่มบางๆ ราคา 125 บาท (พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2549)  วิธีการง่ายๆ ที่ดูเหมือนไม่สลักสำคัญมากนักสำหรับคนทั่วไป ที่ผู้เขียน-เมม ฟ็อกซ์ (รวิวาร โฉมเฉลา แปล) อธิบายขยายประเด็น “การอ่านหนังสือให้เด็กฟังวันละ 3 เล่ม” มีตั้งแต่  – การทำให้เด็กสนใจหนังสือในเบื้องต้น  – การเลือกหนังสือที่เหมาะกับเด็ก – การอ่านออกเสียงอย่างเป็นธรรมชาติ – การใช้ภาษาท่าทางระหว่างอ่านและกลเม็ดต่างๆ ที่จะทำให้เด็กมีสมาธิ และอื่นๆ 
               ครูนรรถฐิยาและเพื่อนๆ นำสิ่งเหล่านี้มาประยุกต์ใช้กับโครงการวิจัยเกี่ยวกับรูปแบบและแนวทางพัฒนากระบวนารรับรู้ของเด็กๆ  จากนั้นก็ไปชวนพ่อแม่ผู้ปกครองเด็ก และครูในศูนย์เด็กเล็กและชั้นอนุบาลในโรงเรียนที่สมัครใจเข้าร่วมงาน ทำกิจกรรมอ่านหนังสือให้เด็กฟัง  โดยมีผู้ร่วมโครงการที่เป็นเด็กแรกเกิดถึง 3 ปี จำนวน 92 คน (หมายถึงพ่อ-แม่ ผู้ปกครองเข้ามาร่วมอีกอย่างน้อย 92 คน) และเด็กๆ อายุ 3-5 ปี อีก 288 คน (บวกผู้ปกครอง 288 คน)  สรุปคือ งานนี้ขนกันมาทั้งชุมชน
              ทีมวิจัยที่ออกเก็บข้อมูลด้านพัฒนาการหลังการอ่านหนังสือให้เด็กฟัง เล่าว่า หนังสือเป็นแรงดึงดูดให้เด็กๆ เข้าหาอย่างรวดเร็ว จนแทบจะพูดได้เลยว่า “การอ่านเป็นธรรมชาติของเด็ก”
               หนอนหนังสือตัวน้อยอย่าง “น้องนริตา” อยู่กับตายาย น้าสะใภ้ วันแรกที่ได้หนังสือไปก็จะอยู่กับหนังสือเกือบทั้งวัน ชนิดไปไหนก็เอาไปด้วย เพราะทั้งบ้านไม่มีหนังสือเลยสักเล่ม เมื่ออ่านให้ฟังเพียงสองสามครั้งก็จะจำได้ และบางครั้งก็ส่งเสียงอ่านตาม เธอมีความจำดีมาก  ขณะที่ “น้องวริศรา” อายุ 1 ปี 1 เดือน ซึ่งปรกติเป็นเด็กขี้แย เวลาร้องไห้ก็จะอ่านหนังสือให้ฟังก็หยุดร้อง เห็นของเล่นก็ไม่ชอบเท่าหนังสือ
               แม่ของน้องอายุ 3 เดือนคนหนึ่งก็มีประสบการณ์อันปลื้มปีติทำนองเดียวกับแม่ๆ น้าๆ ของเด็กอ่อนอีกหลายคน “แต่ก่อนคิดว่าเด็กเล็กไม่น่าจะฟังรู้เรื่อง แต่พอเริ่มอ่านหนังสือ เขาจะนั่งนิ่งเหมือนกำลังฟัง อารมณ์ดีและหลับง่ายเวลาอ่านหนังสือให้ฟัง”
 แน่นอน “การอ่าน” ช่วยสร้างพัฒนาการทางสมองแก่เด็กๆ ในวัยที่กำลังเจริญเติบโต  สิ่งที่เกิดแนบแน่นขึ้นคือ “สายสัมพันธ์” ของเด็กๆ กับผู้ใหญ่ และสำคัญกว่านั้นคือ เกิดสังคมแห่งการเรียนรู้
             “บางพื้นที่แม้แต่เด็กที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายก็หันมาให้ความสนใจ เด็กเล็กๆ บางคนจะถือหนังสือ ก.ไก่ มาให้เด็กโตอ่านให้ฟังด้วย เกิดบรรยากาศของการเรียนรู้เกิดขึ้นในชุมชน”
             อันที่จริง แรงกระตุ้นให้เกิดงานวิจัยชิ้นนี้หาใช่หนังสือ มหัศรรย์แห่งการอ่าน เพียงถ่ายเดียว ครูนรรถฐิยาเปิดใจว่า เหตุที่หนังสือมากระทบใจก็เพราะ ข้อมูลจากการสำรวจว่าประเทศไทยมีคนไม่อ่านหนังสือมากมาย และเกือบทั้งหมดให้เหตุผลว่าชอบดูโทรทัศน์หรือฟังวิทยุมากกว่า และที่น่าตกใจคือตัวเลขการอ่านหนังสือของคนไทยต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม สิงคโปร์ หลายเท่านัก
  และนี่คือเรื่องราว “พลังแห่งการอ่าน” ที่ไหลเวียน เกิดการผลิตซ้ำ และแผ่ขยายอย่างน่าทึ่ง

 

ภาพจาก :http://bookdeedee.com