ภักดี แสนทวีสุข ต่าย ขายหัวเราะ…จัดไป ปังปอนด์ !

แม้ว่าทุกวันนี้ที่การ์ตูนมังงะญี่ปุ่นเข้าครองตลาดหนังสือการ์ตูนบ้านเราจนกลายเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมความบันเทิงของคนรุ่นใหม่
ไปแล้ว
แต่หน้ากระดาษการ์ตูนไทยยังไม่สิ้น
คนเก่ง เพราะวงการนี้ยังมีการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจอยู่เรื่อย ๆ ที่เห็นก็มีปรากฏการณ์
แอนิเมชั่นช้างรักชาติ เรื่อง ก้านกล้วย ที่ภาคแรกทำรายได้ไป 150 ล้านบาท ส่วนภาคสองก็รับทรัพย์ไปเหนาะ ๆ 79 ล้านบาท หรือการรวมกลุ่มของคนการ์ตูน
รุ่นใหม่ในหลายกลุ่ม อย่างเช่น การที่เครือ อะเดย์ ขวัญใจเด็กแนว ออกสำนักพิมพ์ เอบีซี เพื่อรับงานเขียนการ์ตูนโดยเฉพาะ หรืออย่างกลุ่มคนรักการ์ตูนอย่างสำนักพิมพ์เล็ท'ส์ คอมมิก ของทางบริษัท สตาร์พิคส์ ที่ป้อนงานการ์ตูนฝีมือคนไทยสู่ตลาดอยู่เรื่อย ๆ
แม้ว่าจะก้าวไม่ไกลเท่ากับทางญี่ปุ่นเขา แต่ก็น่าดีใจที่ยังก้าวกันอยู่…
พูดถึงวงการการ์ตูนไทย เราคงจะลืมผู้ยิ่งใหญ่ในวงการอีกคนหนึ่งไม่ได้เลย
นั่นคือ คุณภักดี แสนทวีสุข ซึ่งเราจะคุ้นหูเขามากกว่ากับชื่อ "ต่าย ขายหัวเราะ"
เด็กหน้ากลม ๆ บุคลิกกวน ๆ ที่มีผมสามเส้น เป็นอีกหนึ่งแคแร็กเตอร์การ์ตูน
อมตะในวงการน้ำหมึกไทย ที่ในวันนี้คงไม่มีใครที่จะไม่รู้จักกับ ปังปอนด์ จากซีรีส์การ์ตูน "ไอ้ตัวเล็ก" ที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 จนปัจจุบันแคแร็กเตอร์การ์ตูนตัวนี้นอกจากเราจะรู้จักผ่านหนังสือการ์ตูนแล้ว เรายังเห็นเขาในรูปแบบแอนิเมชั่นสองมิติและสามมิติ รวมถึงสินค้าเมอร์แชนไดส์อีกหลายหลาก
ปังปอนด์ตัวจริงตอนนี้เป็นหนุ่มแล้ว คุณต่ายพ่อของเขาบอกว่า ตอนนี้เป็น
นักศึกษาที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
แต่ปังปอนด์ในการ์ตูนยังเป็นเด็ก 5 ขวบ กำลังมีแอนิเมชั่นชุด "ปังปอนด์ จอมป่วน" ฉลองครบรอบ 20 ปี ฉายอยู่ทางไทยทีวีสีช่อง 3 ออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 08.20-08.50 น. ซึ่งเป็นแอนิเมชั่นชุดที่ 7 ของเจ้าตัวเล็กแล้ว ซึ่งความพิเศษของซีรีส์ชุดนี้ "พ่อต่าย" ของ "น้องปังปอนด์"
บอกว่า…
"ซีรีส์ชุดนี้จะพากลับไปสู่แบ็กทูเดอะเบสิก การ์ตูนลายเส้นที่คุ้นเคยมาทำใหม่แบบสองมิติ ถ้าเป็นงานสมัยก่อนก็จะถือว่าเป็นงานฝีมือ ส่วนสมัยนี้ซอฟต์แวร์ช่วยได้เยอะ คนที่รักการ์ตูนจริง ๆ ที่เขาไม่มีโอกาสได้ใช้ซอฟต์แวร์ เขาก็สามารถทำได้ เรามีส่วนร่วมตั้งแต่ต้นเลย ตั้งแต่ออกมาทางจอทีวี จะเล่าเรื่องอย่างไร คือ ในกระดาษเราชินตาอยู่แล้ว เราเข้ามาให้
คำปรึกษาเขาในลายเส้นของเรา ให้เขาช่วยเรื่องซอฟต์แวร์ คือว่าช่วยกันดีกว่า ส่วนเนื้อหาจะเป็นเรื่องปังปอนด์ที่เคยเขียนมาแล้วในซีรีส์ เราคัดตอนที่เชื่อว่ามีคนชอบมา อย่างหลายตอน คนเขียนจดหมายมาชม เอาตอนเหล่านี้มาทำ ก็หวังว่าคนจะชอบ"
คุณต่ายพูดถึงความคาดหวังในซีรีส์ล่าสุดว่า "ตอนนี้ยังไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร แต่เดี๋ยวตอนเห็นงานสำเร็จออกมาก็คงจะตื่นเต้น (หัวเราะ) เชื่อว่าแฟนเด็ก ๆ จะเยอะ เพราะเขาฉายช่วงเช้า เด็ก ๆ คงจะไม่ไปไหน ตื่นมาได้ดูการ์ตูน ก็คิดว่าผู้ใหญ่สมัยนี้ที่โตมากับปังปอนด์เขาก็คงสนใจ แล้วชวนลูกดูว่า การ์ตูนตัวนี้มีพัฒนาการอย่างไร แต่ในแง่ของเด็ก ๆ ดูแล้วไม่ต้องเน้นเนื้อเรื่องมากก็สามารถดูสนุกได้ แถมปังปอนด์ชุดนี้มีความเหมือนปังปอนด์ในหนังสือมากที่สุดเท่าที่เคยทำมา…
…ส่วนตัวผมเองก็ชอบปังปอนด์ชุดนี้หลายตอน บอกไม่ถูกว่าตอนไหนบ้าง แต่คงเป็นตอนที่เกี่ยวกับครอบครัว บางทีเราก็เอาเรื่องราวในชีวิตของเรา เรื่องของลูกเราจริง ๆ ที่เราไม่ได้เมก นอกจากเราจะชอบแล้ว คนที่นำมาล้ออยู่ในการ์ตูนที่เขียนเขาก็ชอบด้วย"
แล้วปังปอนด์ตัวจริงที่โตเป็นหนุ่มแล้วเขาว่าอย่างไรบ้าง ?
"เขาพูดมาตั้งแต่เด็ก จนชินแล้ว มีเพื่อนถามมาเยอะ แต่เขาก็ชินแล้วว่าปังปอนด์ก็โตเท่านี้ เด็ก ๆ ปังปอนด์ก็อยากเขียนการ์ตูน แต่พอตอนโตเขาคงไม่อยากแล้ว เพราะเขาเห็นพ่อนั่งหลังขดหลังแข็ง มีช่วงหนึ่งเขาไปทางกีฬามากกว่า เลยไปทางโน้นหมดเลย แต่กีฬาคงไม่รอดอีกแหละ ก็เล่นเทนนิส แข่งเป็นเรื่องเป็นราว แต่พอโตแล้วก็เลิก มาเรียนหนังสืออย่างเดียว (หัวเราะ) แต่เขาก็ให้กำลังใจผมตลอด ปังปอนด์ บอกว่า สู้ ๆ นะพ่อ ก็สู้ไป"
เวลาผ่านไปไวเหมือนสายน้ำไหล
ไม่นานเท่าไร คุณต่ายก็ทำงานอยู่กับสำนักพิมพ์บรรลือสาส์น ผู้ให้กำเนิดนิตยสารการ์ตูนขายหัวเราะ มหาสนุก มาถึง 31 ปีแล้ว เคล็ดลับความสำเร็จที่ทำให้เขามีวันนี้ก็คือ
"เป็นความมุ่งมั่นของเราส่วนหนึ่ง เป็นความมุ่งมั่นของบรรลือสาส์นส่วนหนึ่ง มีหลายช่วงที่การ์ตูนต่าง ๆ ที่เขียนขึ้นมาแล้ว พอไปถึงจุดหนึ่ง คนชอบ บางทีเขาหยุดไป มันเป็นที่น่าเสียดาย แต่เราก็ยังคงทำอยู่เรื่อย ๆ ด้วยความมุ่งมั่น มุ่งมั่นอย่างเดียวไม่ได้ ต้องพัฒนาด้วย คือ คนเขาก็ตามเรา แล้วรู้สึกว่ามันมีความเคลื่อนไหวตลอด และเราได้มีโอกาสพัฒนาตามเขาไปด้วย"
ตอนที่คุณต่ายเหน็ดเหนื่อย คิดมุขตลกที่จะเอาไปใส่ในการ์ตูนไม่ออก ก็มีแรง ผลักดันของเขาอยู่ว่า "ความรัก เราชอบเขียนการ์ตูน เรารู้สึกสนุกกับมัน จริงอยู่ว่าเราไม่ได้สนุกทุกวัน เราไม่ได้มีแรงที่จะไฮเปอร์ตลอด แต่ด้วยความที่ว่าเรารักมัน เราอยากพัฒนามัน ทำให้เราสามารถทำไปได้ตลอดรอดฝั่ง ตอนเหนื่อย คิดแก๊กไม่ออก ก็หยุดสักพักหนึ่ง ก็อย่างที่ว่า เรื่องความรักเนี่ย พอเราหยุด อย่างไรเราก็กลับมา ไม่ได้หยุดไปเลย แค่หยุดพักบ้างแค่นั้นเอง กลับมาเราก็ทำงานต่อ…
…แรก ๆ ต้องฝึกเยอะมาก เราชอบอาจุ๋มจิ๋ม
(นักเขียนชื่อดังในเครือบรรลือสาส์น) ชอบมาก ก่อนหน้านี้เราชอบเขียนการ์ตูนอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเป็นอาชีพได้หรือเปล่า แต่พอมาเห็นงานอาจุ๋มจิ๋มทำให้เราฝันอยากทำอาชีพเขียนการ์ตูน เราเลยเดินตามแก แล้วเริ่มฝึกจนมีเป้าหมายอยากเป็นนักเขียนการ์ตูน"
พอหันมามองวงการการ์ตูนไทย
คุณต่ายมีความเห็นว่า "ในแง่ของการ์ตูนตลกก็จะเหลือแต่ขายหัวเราะที่เดียวเท่านั้น นอกนั้นไปทางคอมิกส์ซึ่งจะเป็นอะไรที่ดีอีกทางหนึ่ง หนทางสดใสไหม ก็อาจจะสดใส เพราะ ว่าตั้งแต่สมัยก่อน คนไทยเห็นการ์ตูนก็จะยี้ ตอนเด็ก ๆ นะ ผู้ใหญ่สมัยก่อนนะ แต่สมัยนี้ดีขึ้นเยอะ เชื่อว่าถ้ามุ่งมั่นทำต่อไปเรื่อย ๆ และมีคนสนับสนุนน่าจะดีขึ้น ยังไม่ต้องรีบเหมือนเขาหรอก เราทำกันเองให้โอเคก่อน"
พ่อของน้องปังปอนด์ทั้งในการ์ตูนและชีวิตจริงปิดท้ายด้วยการพูดถึงความสุขในงานที่ทำว่า
"คนอ่านชอบ มีฟีดแบ็กกลับมาว่า ชอบ เราก็มีความสุขแล้ว
สิ่งสำคัญคือ เวลาเราทำงานแล้ว เราอยากให้คนอ่านมีฟีดแบ็กกลับมาดี เราต้องถามตัวเองว่า จะต้องทำอย่างไร นี่คือสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข"
โดย ณัฐกร เวียงอินทร์
วันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553 ปีที่ 34 ฉบับที่ 4249
By : prachachat.net