ผลการจัดกิจกรรมการอ่านแบบปฏิบัติการโดยใช้วรรณกรรมสำหรับเด็กที่มีต่อความเข้าใจในการอ่าน
รองรัตน์ ผู้พัฒน์ (2544) นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศมหาวิทยาลัยศิลปากร ได้ทำการวิจัยเรื่องผลการจัดกิจกรรมการอ่านแบบปฏิบัติการโดยใช้วรรณกรรมสำหรับเด็กที่มีต่อความเข้าใจในการอ่าน และเจตคติในการเข้าร่วมกิจกรรมการอ่านแบบปฏิบัติการของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านเหลื่อมพิทยาสรรพ์ อำเภอบ้านเหลี่ยม จังหวัดนครราชสีมา ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2544 จำนวน 30 คน ผลการวิจัยพบว่า หลังการเข้าร่วมกิจกรรมการอ่านแบบปฏิบัติการโดยใช้วรรณกรรมสำหรับเด็ก นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสูง ปานกลาง และกลุ่มต่ำ มีความเข้าใจในการอ่านสูงกว่าก่อนเข้าร่วมกิจกรรม และมีเจตคติที่ดีต่อรูปแบบการจัดกิจกรรมอยู่ในระดับสูง
รองรัตน์ ผู้พัฒน์. (2544). ผลการจัดกิจกรรมการอ่านแบบปฏิบัติการโดยใช้วรรณกรรมสำหรับเด็กที่มีต่อความเข้าใจในการอ่าน และเจตคติในการเข้าร่วมกิจกรรมการอ่านแบบปฏิบัติการของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2. วิทยานิพนธ์ กศ.ม. (การสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร. อาจารย์ผู้ควบคุมวิทยานิพนธ์ : รศ.วิสาข์ จัตวัตร์, ผศ.ดร.กุลยา เบญจกาญจน์ และ ผศ.ดร.นิคม ตังคะพิภพ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลการจัดกิจกรรมการอ่านแบบปฏิบัติการโดยใช้วรรณกรรมสำหรับเด็กที่มีต่อความเข้าใจในการอ่านและเจตคติในการเข้าร่วมกิจกรรมการอ่านแบบปฏิบัติการของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่านวรรณกรรมของนักเรียนกลุ่มสูง ปานกลาง และกลุ่มต่ำ ก่อนและหลังการเข้าร่วมกิจกรรม และเพื่อศึกษาเจตคติของนักเรียนที่มีต่อกิจกรรมการอ่านแบบปฏิบัติการ กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนบ้านเหลื่อมพิทยาสรรพ์ อำเภอบ้านเหลี่ยม จังหวัดนครราชสีมา ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2544 จำนวน 30 คน
เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ แผนการสอนการอ่านแบบปฏิบัติการในรูปของบทเรียนสั้นๆ จำนวน 7 แผนการสอน ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น วรรณกรรมสำหรับเด็กที่ผ่านการสำรวจความต้องการในการอ่าน แบบทดสอบวัดความเข้าใจในการอ่านก่อนและหลังการทดลอง และแบบสอบถามวัดเจตคติในการเข้าร่วมกิจกรรม การทดลองและเก็บรวบรวมข้อมูลการวิจัย ดำเนินการทดลอง 8 สัปดาห์ๆ ละ 2 คาบเรียนๆ ละ 50 นาที รวมทั้งสิ้น 16 คาบ ก่อนการทดลองการจัดกิจกรรมการอ่านแบบปฏิบัติการ ผู้วิจัยได้ทดสอบนักเรียนกลุ่มตัวอย่างด้วยแบบทดสอบวัดความเข้าใจในการอ่านก่อนเรียน จำนวน 40 ข้อ หลังการเรียนการสอนด้วยแผนการสอนการจัดกิจกรรมการอ่านแบบปฏิบัติการ จำนวน 7 แผนการสอน รวมใช้เวลาเรียน 14 คาบเรียน ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2544 ผู้วิจัยได้ทดสอบด้วยแบบทดสอบวัดความเข้าใจในการอ่านหลังเรียน จำนวน 40 ข้อ ซึ่งเป็นแบบทดสอบคู่ขนานกับแบบทดสอบที่ใช้ทดสอบก่อนเรียน และประเมินเจตคติในการเข้าร่วมกิจกรรมด้วยแบบสอบถามวัดเจตคติ 2 แบบ คือ แบบมาตราส่วนประมาณค่า จำนวน 20 ข้อ และแบบสอบถามปลายเปิด สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ สถิติ t-test เพื่อเปรียบเทียบความเข้าใจในการอ่านวรรณกรรม ก่อนและหลังการเข้าร่วมกิจกรรมการอ่านแบบปฏิบัติการ และใช้ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน วิเคราะห์ระดับเจตคติที่มีต่อรูปแบบการจัดกิจกรรม
ผลการวิจัยพบว่า
1. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสูง ปานกลาง และกลุ่มต่ำ หลังการเข้าร่วมกิจกรรมการอ่านแบบปฏิบัติการ โดยใช้วรรณกรรมสำหรับเด็ก มีความเข้าใจในการอ่านสูงกว่าก่อนเข้าร่วมกิจกรรม
2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มสูง ปานกลาง และกลุ่มต่ำ หลังการเข้าร่วมกิจกรรมการอ่านแบบปฏิบัติการ โดยใช้วรรณกรรมสำหรับเด็ก มีเจตคติที่ดีต่อรูปแบบการจัดกิจกรรมอยู่ในระดับสูง