บทสัมภาษณ์โกสต์ไรเตอร์มือทอง

ตามที่ได้เคยเล่าให้ฟังว่า มีหนังสือคนดังหลายเล่ม เจ้าของหนังสือไม่ได้ลงมือเขียน หรือจัดพิมพ์เอง แต่ผู้ที่เขียนเรื่องราวเหล่านั้นคือ "Ghost writer" หรือ "นักเขียนผีิ" หรือ บางครั้งก็ลงชื่อว่าเป็น "ผู้เรียบเรียง"
เมื่อย้อนไปราว 3-4 ปีที่ผ่านมา เราจะพบว่า เป็นช่วงที่หนังสือคนดังเริ่มได้รับความนิยมจากผู้อ่านอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็นสายอาชีพ นักการเมือง นักธุรกิจ หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลปินดารา และผู้ที่อยู่ในแวดวงบันเทิง ที่ต่างทยอยกันออกมามีพ็อคเก็ตบุ๊คส่วนตัวเป็นว่าเล่น บางเล่มขายดิบขายดีนับแสนเล่ม เป็นต้นว่า สรยุทธ สุทัศนจินดา, หม่ำ จ๊กมก หรือหนังสือที่เคยติดอันดับขายดีอย่าง โบ ชญาดา, ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์, เท่ง เถิดเทิง, โหน่ง ชะชะช่า, พลพล พลกองเส็ง, สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ ฯลฯ ซึ่งแน่นอนว่า มีการพิมพ์ซ้ำหลายหน
เพราะการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดพ็อคเก็ตบุ๊คคนดัง จึงทำให้อาชีพโกสต์ไรเตอร์เติบโตขึ้นมาตามกระแส ซึ่งไม่เพียงแต่คนดังระดับท็อปเท่านั้นที่ใช้บริการโกสต์ไรเตอร์ แต่ไม่ว่าจะเป็นหนังสือของคนดังในระดับใด ทั้งในหมวดความสวย ความงาม บทความ เรื่องเล่า หรือแม้แต่เรื่องความรัก ทุกสำนักพิมพ์ต่างก็ตามหาโกสต์กันทั้งนั้น อาชีพโกสต์ไรเตอร์จึงเป็นอีกแขนงหนึ่งบนถนนสายสื่อมวลชนที่ถูกจับตามอง
ดังที่เคยบอกไปเมื่อครั้งก่อนว่า โกสต์ไรเตอร์ั (Ghostwriter) คือ นักเขียนที่เขียนหนังสือแทนเจ้าของเรื่อง โดยทำหน้าที่สัมภาษณ์ เรียบเรียง และนำเสนอเรื่องราวตามที่เจ้าของเรื่องต้องการ เพื่อตีพิมพ์จำหน่าย จ่ายแจก หรือเพื่อเป็นของขวัญให้คนอื่นในโอกาสพิเศษต่าง ๆ แลกกับค่าจ้างที่เริ่มต้นตั้งแต่หลักหมื่น ไปถึงหลายหมื่น…
ขณะเดียวกันโกสต์ไรท์เตอร์บางราย เขียนหนังสือเพียงเล่มเดียว ได้ค่าจ้างกว่า 6 หลักก็มี ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับผลงานและชื่อเสียงที่ผ่านมาของนักเขียนแต่ละคน และจากตัวเลขรายได้ที่สวยหรูแลกกับการทำงานที่ดีที่สุดเพียงชิ้นเดียวส่งผลให้นักเขียนรุ่นใหม่ๆ รวมถึงกลุ่มคนที่มีความสามารถในการเขียนต่างปรับตัวมารับเขียนหนังสือในฐานะโกสต์ไรเตอร์กันมากขึ้น
เมื่อเร็วๆ นี้ ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับ "หริ่น" เนตรนภา แก้วแสงธรรม ยาเนซโกวา น้องที่คุ้นเคยกันเมื่อครั้งสมัยเราทำงานอยู่ที่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ผมทำงานดูแลในส่วนผลิตพ็อคเก็ตบุ๊ค และคอลัมน์นิสต์ ใน น.ส.พ.รายสัปดาห์ ส่วนเธอเป็นนักข่าว เป็นคอลัมน์นิสต์ น.ส.พ.รายวัน และมีผลงานพ็อคเก็ตบุ๊คออกมาหลายเล่ม ทั้งแนวท่องเที่ยว และบรรเทิงสาระ ปัจจุบัน พำนักเธออยู่ที่ กรุงปราก ประเทศสาธารณรัฐเช็ก กับสามี มาเร็ก ยาเนซโกวา ซึ่งเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่สนใจกีฬามวยไทย ทั้งยังเป็นโปรโมเตอร์จัดการแข่งขันมวยไทย โดยเดินทางมาประเทศไทยเพื่อติดต่อนำนักชกไทยไปประลองหมัดกันให้ชท บ้างก็กับชกกับชาวเช็กที่ชื่นชอบกีฬามวยไทย เพื่อให้ชาวเช็กดูสม่ำเสมอ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง ชีวิตวันนี้มีความสุขสบายอยู่ในดินแดนที่สวยงามจนที่ติดอันดับท็อปของโลก อยากรู้ว่าเมืองนี้สวยเพียงไร ติดตามอ่านได้จากหนังสือที่เธอเขียน "ปรากในรอยหนาว" (ONCE UPON A PRAGUE) ตามร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปครับ
เมื่อนับไล่ย้อนกลับไป 4-5 ปี น้องหริ่นเป็นหนึ่งในโกสต์ไรเตอร์ (Ghost writer) ให้กับหนังสือ Best Seller หลายเล่ม ถ้าไล่เรียงดูหนังสือคนดังตามแผง เมื่อพลิกดูหน้าเครดิต ก็จะเห็นชื่อเธอในฐานะผู้เรียบเรียงไม่น้อยกว่าห้าปก นอกจากนี้ เธอยังใช้นามปากกาอื่นอีกในการผลิตงานเบื้องหลังคนดัง ไม่ว่าจะเป็นหนังสือของนักธุรกิจ ดารา ตลก หรือแม้แต่ธรรมะ (ขอสงวนชื่อหนังสือ) หากจะเรียกว่าเธอเป็น โกสต์ไรเตอร์มือทอง ก็คงจะไม่ไกลเกินจริงนัก…จึงขอนำบทสัมภาษณ์ทั้งที่พูดคุยส่วนตัว และเรียบเรียงจากที่เธอเคยให้สัมภาษณ์จากแหล่งอื่น มาแบ่งปันเป็นความรู้ สำหรับผู้ที่สนใจอยากรู้หรืออยากเป็น โกสต์ไรเตอร์ ครับ
กว่าจะมาเป็นโกสต์ไรท์เตอร์
เรียนจบมาทางด้านวารสารศาสตร์ค่ะ แล้วเริ่มทำงานที่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ จากนั้นทำงานที่สำนักพิมพ์ของนิตยสารแบรนด์เอจ แล้วเป็นบรรณาธิการของสำนักพิมพ์เวิร์คพอยท์ ซึ่งช่วงที่ทำงานอยู่ก็จะมีคนรู้จักติดต่อมาบอกให้ช่วยเขียนหนังสือให้หน่อยสิ แต่ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นโกสต์เลยนะคะ เริ่มต้นจากการเขียนหนังสือเล่มก่อน จนกระทั่งรับงานโกสต์ด้วยค่ะ
(ซึ่งให้หลังราว 1 ปี บริษัทเวิร์คพอยท์ฯ ก็ได้จัดอบรม โกสต์ไรท์เตอร์ สำหรับผู้ที่สนใจด้วย)
เพราะอะไรทำให้เลือกงานนี้
เพราะคิดว่าการเป็นนักเขียนมืออาชีพ ควรเขียนได้ทุกแนว โดยอาศัยการทำงานแบบนักเขียนเข้าไปศึกษาศาสตร์ต่างๆ ไม่ว่าเราจะเขียนแนวชีวประวัติ การตลาด การเมือง หรือบันเทิงค่ะ
คิดว่าอะไรคือเสน่ห์ของการเป็นโกสต์ไรเตอร์
วิธีการทำงานของโกสต์ คือ การเขียนหนังสือแทนเจ้าของเรื่อง โดยอาจจะอาศัยการพูดคุยจากเจ้าของเรื่อง คนรอบข้าง การศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม แต่ทั้งนี้เราต้องเขียนให้เป็นตัวเขามากที่สุด และตรงตามความต้องการของเจ้าของเรื่องด้วย ดังนั้น เสน่ห์ของโกสต์คือไม่มีตัวตน เราทำงานเพื่อให้ผลงานของเจ้าของเรื่องออกมาดี ในขณะเดียวกันก็ต้องสวมวิญญาณเป็นเขาด้วย ต้องเข้าใจคนๆ นี้มากที่สุด มันทำให้เราได้เรียนรู้คนๆ หนึ่งจากชีวิตของเรา จากความคิดของเขา เขาบอกว่าแทนที่จะเรียนรู้บางสิ่งบางอย่างจากคนมากมาย ทำไมไม่ลองเรียนรู้ทุกอย่างของคนๆ หนึ่ง อาจจะได้รู้อะไรมากกว่าที่คิดก็ได้
การเป็นโกสต์มีอะไรหลายๆ อย่างที่แตกต่างจากนักเขียนค่ะ จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่าย แต่สิ่งที่เห็นชัดคือ สิ่งที่เราทำ เราไม่ใช่เจ้าของ
มองตลาดโกสต์ไรท์เตอร์ในปัจจุบันเป็นอย่างไร
ตลาดโกสต์ในปัจจุบันเรียกว่าโต เพราะยุคนี้เป็นยุคที่ผู้คนมีการศึกษา มีการใช้ชีวิต และอยากจะถ่ายทอดเรื่องราว แบ่งปันประสบการณ์ให้คนอื่นรู้ เรียกว่ามีเรื่องจะเล่า จะมีคนดังเยอะมากที่อยากเขียนหนังสือ มีนักธุรกิจจำนวนมากที่อยากมีหนังสือเป็นของตัวเอง จริงๆ แล้วคนเหล่านี้ไม่ได้สนใจค่าตอบแทน หรอกค่ะ แต่หนังสือเป็นความภูมิใจอย่างหนึ่ง
เกิดจากการที่เขาอาจจะมีเรื่องราวอยู่แล้ว อาจจะเป็นนักอ่านอยู่แล้ว แต่มีข้อจำกัดในการเขียน เพราะการเขียนหนังสือไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ยิ่งเขียนหนังสือเป็นเล่มๆ ถ้าคนไม่เคยเขียนเลย อาจต้องใช้เวลาเป็นปีๆ ความต้องการโกสต์ก็เลยมีเพิ่มขึ้น ลองสำรวจดูสิคะ ว่าบ้านเรามีหนังสือออกใหม่วันละกี่ปก นั่นหมายถึง ความต้องการโกสต์มีจำนวนเท่าไหร่ แล้วโกสต์ไม่ได้เป็นง่ายๆ เพราะอย่างที่บอกต้องเขียนทั้งเล่ม บางครั้งเขียนหนังสือของตัวเอง ยังง่ายเสียกว่า มานั่งเขียนให้คนอื่น แล้วค่าตอบแทนก็ดีกว่าด้วย
อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นโกสต์ไรท์เตอร์
ความใส่ใจค่ะ เพราะถ้าขาดความใส่ใจ งานเขียนของโกสต์จะไม่มีเสน่ห์ เหมือนกับว่าทำออกมาอย่างแกนๆ เล่าออกมาธรรมดาๆ พื้นๆ ไม่ได้มีอะไรใหม่หรือน่าสนใจเป็นพิเศษ แต่ถ้าถามถึงสิ่งจำเป็นทั่วไปของการเป็นโกสต์ ก็น่าจะเป็นการดึงข้อมูลออกมาจากเจ้าของเรื่องราวได้ เพราะไม่ใช่ว่าการเป็นนักเขียนเท่านั้นจะเพียงพอสำหรับการเป็นโกสต์ บางครั้งมันมีหลายๆ อย่างรวมอยู่ในนั้น ไม่ว่าจะเป็นความน่าเชื่อถือ เพราะคนดังที่ต้องการใช้โกสต์ ต่างก็ต้องการนักเขียนที่เข้าใจและสามารถถ่ายทอดเรื่องราวของตนออกมาได้ดี หรือดีกว่าตนเองทั้งนั้น
โกสต์ไรเตอร์จึงต้องมีศิลปะของการเป็นตัวกลางที่จะนำเรื่องราวของจินตนาการระหว่างบรรทัดของเจ้าของเรื่องออกมาให้ได้ ฉะนั้น การถ่ายทอดเรื่องราวโดย การบอกเล่า การสัมภาษณ์จึงสำคัญมาก ทั้งบรรยากาศการคุย การคุมเนื้อหา หลังจากนั้นเมื่อโกสต์เริ่มทำหน้าที่ตามลำพัง ก็ต้องค้นคว้าเพิ่มเติม และขัดเกลาเรื่อง
จรรยาบรรณาของการเป็นโกสต์ไรท์เตอร์
ต้องคำนึงถึงชื่อเสียงและคุณภาพของงาน ของเจ้าของเรื่อง สิขสิทธิ์ของเรื่องราวเป็นของเจ้าของเรื่อง แต่ลิขสิทธิ์ในข้อเขียนนั้นเป็นร่วมสองฝ่าย หรือแล้วแต่จะตกลง ซึ่งตรงนี้ก็ต้องตรงตามสัญญาที่ทำแต่แรกค่ะ
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก นิตยสาร Make Money