บทความสัมภาษณ์ ‘รงค์ วงษ์สวรรค์…งูยังไม่ตาย วัดความยาวไม่ได้

นี่คือบทสัมภาษณ์ล่าสุดส่งตรงจากสวนทูนอิน (Tune-In) บ้านห้วยบวกเขียด ต.โป่งแยง อ.แม่ริม เชียงใหม่ เป็นมุมมองที่น่าพิจารณา ของชายชื่อรงค์ วงษ์สวรรค์ นักเขียนหนุ่มตลอดกาล กับวัยย่าง 70 เขายังมีอะไรที่อยากจะบอก และยังมีอะไรที่อยากจะทำ ลองอ่านกันดู…
ผู้ชายในวัย 70 เขาคิดอะไรกัน ?
สำหรับคนอื่น ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นผู้ชายวัย 70 ที่มีเงินร้อยล้าน ผมไม่บังอาจไปคิดแทนเขาได้
แล้วรงค์ วงษ์สวรรค์ คิดอะไร?
สำหรับนักเขียนวัย 70 สิ่งที่มีสิทธิ์คิดในวันนี้คือ การรวบรวมผลงานในระยะหลายสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งมีมากมายเหลือเกินจัดสรรไว้เป็นเล่ม เป็นหมวดหมู่ ซึ่งก็คงจะได้หลายสิบเล่ม ไว้เพื่อเป็นมรดกคนข้างหลัง ซึ่งก็ทำให้มีความกังวลอยู่บ้าง กับกฎหมายลิขสิทธิ์ จุดที่เรียกว่ากฎหมายโดเมน (Domain) ซึ่งไม่รู้เราไปเซ็นสัญญากับใครไว้เมื่อไหร่ จึงมาบอกว่าลิขสิทธิ์งานของนักเขียนจะต้องตกเป็นของรัฐบาลหรือสาธารณะหลังจากที่นักเขียนสิ้นชีวิตไปแล้ว 30 ปี ซึ่งมันไม่เป็นธรรมสำหรับนักเขียนไทย ซึ่งยากจนอยู่แล้ว ตลอดเวลาที่นักเขียนสร้างงานขึ้นมา ไม่มีรัฐบาลหน้าไหนมาจุนเจือ แล้วจู่ๆ จะมาบอกว่างานจากสมอง จากหยาดเหงื่อและน้ำตาของผมเป็นของเขา เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องที่ผมกังวลมาก
เรื่องต่อไปที่นักเขียนไทยวัย 70 คิดก็คือ วางแผนว่าถ้าตายแล้วภรรยาจะมีชีวิตอยู่อย่างไร เขาจะมีสุขหรือไม่ แต่เท่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ ก็ดูเหมือนว่าบักหำน้อย (ลูกชายคนโต ปัจจุบันทำงานอยู่ที่อเมริกา) จะรับผิดชอบดูแลแม่และน้องชายต่อไป ก็ไม่ต้องเป็นกังวลมากแล้ว
อีกเรื่องที่จะต้องรีบทำก็คือทบทวนงานทั้งหมด เพื่อจัดการให้เหมาะสม ผมเคยคิดว่ายังมีงานเขียนอีกมากที่อยากทำ ทั้งเรื่องสั้น บทความ นวนิยาย ทัศนะที่มีต่อโลกและชีวิต มาถึงวันนี้ก็ต้องตัดทอนความอยากออกไปบ้าง เพราะมันมากมายเหลือเกิน และจะต้องลงมือทำงานทันที ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มมาพักหนึ่งแล้ว กำลังเริ่มปั่นต้นฉบับส่งหลายแห่ง
สำหรับคนเช่นผม ไม่มีอะไรน่าจะคิดมาก ไม่มีทรัพย์สินมากมายให้กังวล
วันก่อนเห็นงูที่เลื้อยหนีฝนในป่าแถบนี้ คิดขึ้นมาว่างูเมื่อยังมีชีวิตอยู่นั้น ไม่มีใครวัดความยาวของมันได้ มีแต่งูตายเท่านั้น เราจึงวัดความยาวมันได้ชัดเจนจนรู้แน่
เหมือนกับผมในตอนนี้ ก้าวเดินไปสู่หลุมฝังศพ ไม่รู้เมื่อไหร่ แต่ไม่ไกล
แต่ด้วยจิตใจที่ว่างเปล่า ไม่เคยเก็บมาคิดเป็นกังวล รู้แล้วว่าตายแน่ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เหมือนงูที่เลื้อยไปนั่นแหละ ระยะทางจากผมถึงหลุมศพก็เหมือนกัน มันวัดไม่ได้
แต่เราไม่ประมาท และสงบอย่างที่สุด สิ่งที่เราจะทำได้คือทำงานหนักที่สุดจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต
เพราะฉะนั้น ชายหนุ่มวัย 70 คนนี้ไม่มีกังวล เพราะไม่ใช่เศรษฐีเงินล้านที่มีทรัพย์สมบัติให้กังวลห่วงหา ถ้าพูดถึงครอบครัว ครอบครัวเราถือว่าราบรื่น หากจะมีทุกข์บ้าง ก็เป็นทุกข์แบบเดียวกับที่คนอื่นมี อย่างทุกข์ในด้านการเงิน ทุกข์ที่ถูกเบียดเบียนด้วยประชาธิปไตยที่ไม่สมบูรณ์แบบ…
บทความสัมภาษณ์จากหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ พลเมืองเหนือ ฉบับที่ 29 ประจำวันที่ 13-19 พฤษภาคม 2545