Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

น้ำผึ้งขม : คมคิด กฤษณา อโศกสิน

 

 
การรีเมกหรือสร้างละครซ้ำจากบทประพันธ์ดังๆ กลับมาเป็นกระแสนิยมในช่วงนี้ หลังจากทิ้งช่วงห่างจากชุดเก่าที่ออกอากาศไปราว 10 ปี
 
ในบรรดานวนิยายเรื่องดังที่ผู้จัดละครนิยมเลือกมาทำในช่วงปีสองปีนี้ เป็นผลงานของ กฤษณา อโศกสิน จำนวนมาก แต่ละเรื่องได้รับความนิยมอีกครั้ง ไล่ตั้งแต่ สวรรค์เบี่ยง บาดาลใจ พฤกษาสวาท เมียหลวง และล่าสุด น้ำผึ้งขม
 
ความโดดเด่นประการหนึ่งในผลงานของ กฤษณา อโศกสิน คือ เรื่องราวที่สะท้อนธรรมชาติของมนุษย์อย่างถึงแก่น และชีวิตของตัวละครที่มีทั้งด้านดีและร้าย
 
ในงานเสวนา คมความคิด ชีวิตในจอแก้ว กฤษณา อโศกสิน จัดโดยศูนย์หนังสือจุฬาฯ และนิตยสารสกุลไทย ที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ อาคารจัตุรัสจามจุรี นักเขียนหญิงเจ้าของผลงานกล่าวว่า ผลงานที่สร้างเป็นละครนั้น มีบางเรื่องเท่านั้นที่คนดูชอบมากและดังมาก บางเรื่องฉายออกไป ถูกต่อว่าเป็นเรื่องผิดศีลธรรม
 
"ดิฉันก็บอกว่า ดิฉันเขียนนวนิยายนะ ไม่ได้เขียนหนังสือสอนศีลธรรม ฉะนั้นควรจะดูอย่างที่เป็นนวนิยาย เพราะว่าคนเราไปบังคับไปจำกัดเขาไม่ได้ว่าเขาจะรักใครหรือไม่รักใคร หมายความว่าไม่ต้องไปเก็บเอามาคิดมากจนกระทั่งด่าว่ามาถึงผู้ประพันธ์" (หัวเราะ)
 
กฤษณา อโศกสิน กล่าวว่า มีบางเรื่องที่บอกเพื่อนว่าละครดังก็จริง แต่ฉันแย่นะ เพราะมันเหมือนลูกระเบิดลงหลังคาบ้าน ทั้งหนังสือพิมพ์ ทั้งอะไรต่อมิอะไรเขียนกระทบกระเทียบตามคอลัมน์ต่างๆ ว่า ดิฉันเขียนเรื่องผิดศีลธรรม ดิฉันอยากจะหัวเราะจังเลย เพราะกลายเป็นว่าดิฉันไปเอาเรื่องจริงของคนมาเปิดเผย และมีบางเรื่องที่สนุก แต่เปลี่ยนเป้าหมายของเรื่อง ดิฉันจะไม่บอกหรอกว่าเรื่องอะไร คือดูไปแล้วมีคนเขาบอกว่าอยากให้เอาชื่อของกฤษณาออกจากจอจังเลย เพราะมันไม่ใช่เรื่องของดิฉันเลย ดิฉันบอกไปว่าไม่เป็นไร ดูแบบชนิดว่าเป็นเรื่องของคนอื่นไปก็แล้วกัน ไม่ว่ากัน
 
"แต่สิ่งที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นในละครจากบทประพันธ์ของดิฉัน คงจะต้องขอร้องผู้จัดเอาไว้ในที่นี้ว่า นวนิยายของดิฉันที่ท่านนำไปเผยแพร่เป็นละคร ขออย่าได้มีฉากตบตีกันได้ไหมคะ ขอร้องเลย เตะ ต่อย อย่างนี้ ขออย่าให้มีเลย"
 
ด้าน ยิ่งยศ ปัญญา นักเขียนบทโทรทัศน์ที่มีผลงาน เช่น เมื่อดอกรักบาน ดงดอกเหมย ใจร้าว ผู้ใหญ่ลีกับนางมา ฯลฯ ที่ไปร่วมเสวนาในงานนี้ด้วย กล่าวถึงเรื่อง เสื้อสีฝุ่น ของ กฤษณา อโศกสิน ว่า เป็นเรื่องที่ชอบมากและมีโอกาสเสนอทางผู้จัดช่อง 3 และได้ทำเรื่องนี้เป็นนิยายที่เห็นความเป็นมนุษย์ ตัวละครไม่ได้เป็นไปตามสูตร ตัวละครเป็นคนแท้ และเป็นคนที่อยู่ในระดับการสู้ชีวิตที่เราเห็นและสัมผัสได้ในชีวิตประจำวัน
 
นักเขียนบทโทรทัศน์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงผลงาน น้ำผึ้งขม ที่ออกอากาศอยู่ในตอนนี้ว่า ความที่เป็นบทประพันธ์ของ กฤษณา อโศกสิน อายุกว่า 40 ปีแล้ว เมื่อต้องทำตัวละครร่วมสมัยจึงต้องปรับ เช่น นางเอกในนิยายอายุน้อยมาก เราทำให้เขามีวุฒิภาวะมากขึ้น เรียนจบแล้ว และทำให้มีความเป็นตัวของตัวเอง กล้าคิด กล้าตัดสินใจ เห็นผิดเห็นควรด้วยตัวเอง ไม่ใช่ลักษณะแม่บังคับเหมือนในนิยายที่แม่ขายลูกสาวไปเป็นเมียพระเอก ซึ่งคิดว่าแรงไป
 
ส่วนตัวแม่ ปรับให้มีความรู้สึกผิดที่คิดขายลูกสาว มีเรื่องของกรรม อย่างติดการพนัน ขี้เหล้า เป็นหนี้สิน ต้องพบเจอทางตันในการแก้ปัญหา เราปรับให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยเหตุผลที่มนุษย์ควรเป็น
 
บทของ โรส (แม่นางเอก) ในหนังสือกล่าวถึงน้อย ทั้งๆ ที่เป็นตัวสำคัญ และเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้พระเอกโกรธแค้น ในเวอร์ชั่นนี้ โรสมีบทบาทมากขึ้นและกลับมาเป็นคู่ปรับกับจวงจันทน์ เกิดเป็นสงครามในรุ่นดึก ทั้งเรื่องใช้ตัวละครไม่มาก แต่สร้างอุปสรรคให้ตัวละครกอดเกี่ยวกันตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ละตัวจึงมีบทบาทเข้มข้น
 
สำหรับความรุนแรงไม่มี อย่างซีนได้เสียระหว่างนางเอกกับพระเอก ในนิยายผู้ชายเองใช้กำลังตั้งแต่ต้น แต่เวอร์ชั่นนี้ไม่มีการข่มขืน ทำให้เป็นความรักและเป็นความสมยอมพร้อม ใจกัน นอกจากนี้ยังมีบทพูดที่นางเอกสั่งสอนตัวละครชายให้รู้ว่าผู้หญิงไม่ใช่เหยื่อหรือเซ็กซิมโบล ทำให้ละครมีมิติและแง่มุมต่างๆ
 
ยิ่งยศ ปัญญา กล่าวถึงฉากตบตีซึ่งว่ากันว่าเป็นฉากเรียกเรตติ้งของละครว่า ละครเป็นเรื่องของ "คน" จะไม่ใช้คำว่า "มนุษย์" ฉะนั้นคนซึ่งมีพฤติกรรมต่างๆ นานา มีกิเลส ตัณหา ราคะ ดิ้นรนต่อสู้เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ถ้าจะรุนแรงต้องสมเหตุสมผล แต่ถ้าเป็นความรุนแรงซึ่งยัดเยียดลงไป เหมือนตีเกราะเคาะโมงเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนดู ก็เป็นเรื่องที่เป็นส่วนเกิน น่าจะเป็นมลพิษมากกว่า
 
ด้าน ศัลยา สุขะนิวัตติ์ เจ้าของนามปากกา ศัลยา นักเขียนบทโทรทัศน์ชื่อดังอีกท่าน กล่าวว่า ความรุนแรงมีหลายแบบ คำพูดก็เป็นส่วนหนึ่ง การทำร้ายกันต้องแสดงที่มาที่ไป สมเหตุสมผล ที่สำคัญคือมีสิ่งที่ตามมา ละครปัจจุบันรุนแรงต่อกัน ทำร้ายกัน ตบกันในศูนย์การค้า ตบกันที่ตรงนั้นตรงนี้ ทั้งที่สิ่งสำคัญคือต้องทำให้รู้ว่าบ้านเมืองนี้มีขื่อมีแป มีบรรทัดฐาน มีสิ่งที่จะคุ้มครองคนไม่ให้ถูกทำร้ายอย่างง่ายๆ แบบนั้น อันนี้ควรจะเป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับคนทำละคร