ฉากสุดท้าย 2554 บทสรุปแห่งบรรณพิภพ

ปีกระต่าย 2554 โจนทะยานผ่านไปแล้ว แต่ทิ้งเรื่องราวหลายสิ่งให้จดจำมากมาย บางเรื่องดี บางเรื่องร้าย แต่ทุกเรื่องล้วนควรค่าแก่การจดจำทั้งสิ้น
ในที่สุดปีมังกรทอง 2555 ก็มาถึงพร้อมกับความหวังว่าจะเกิดเรื่องดีๆ ในสังคมไทย สัตว์สมมติอย่างมังกรจึงต้องแบกรับภาระอันหนักหนาเสียแล้ว เพราะตลอดปีที่ผ่านมามีข่าว 'ร้าย' มากกว่าข่าว 'ดี' จนทำให้คนไทยท้อแท้สิ้นหวังกำลังใจกันยกใหญ่ แต่ไม่เป็นไร…ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสงดงามเสมอ ยิ่งได้ชื่อว่าปีนี้เป็นปีมังกรทองก็ยิ่งสร้างเสริมกำลังใจอีกมากโข
อย่างไรก็ตามบทเรียนในวันวานน่าจะเป็นฐานรากสำคัญสำหรับวางนโยบายชีวิตปีนี้ จุดประกายวรรณกรรม จึงคัดสรรเรื่องเด่น เรื่องเด็ดในบรรณพิภพอันไพศาลประจำปี 2554 ให้มิตรรักน้ำหมึกได้หวนรำลึกถึงก่อนพากันขี่มังกรทะยานพุ่งรุ่งโรจน์ในปีนี้
1.The Duang การ์ตูนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก !
เปิดปีกระต่ายไปได้ไม่นานข่าวดีสำหรับคนไทยก็มาถึงเมื่อทางการญี่ปุ่นส่งข่าวล่ามาเร็วว่า "นักเขียนการ์ตูนไทยได้รับรางวัลในงานประกวดการ์ตูนนานาชาติครั้งที่ 4 International MANGA Award" เมื่อรู้เช่นนั้น The Duang วีระชัย ดวงพลา นักเขียนการ์ตูนรุ่นใหม่ไฟแรงเจ้าของผลงานแรงๆ จนได้รับรางวัลดังกล่าวอย่าง 'เรื่องมีอยู่ว่า' รวมทั้งต้นสังกัด 'บันลือบุ๊คส์' ก็ดีใจจนเนื้อเต้น เพราะนี่คือความภาคภูมิใจของ The Duang และสำนักพิมพ์แน่นอน แต่ที่สำคัญยิ่งกว่า นี่คือความภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ
และนับเป็นการหักปากกาเซียนดัง "เป๊าะ !" เพราะ 'เรื่องมีอยู่ว่า' ผงาดคว้า Silver Award เหนือคู่แข่งทุกชาติมหาอำนาจการ์ตูน รวมทั้งเจ้าบ้าน 'เมืองปลาดิบ' ก็ถึงกับโค้งคำนับแล้วกล่าวว่า "สุโค่ย !"
ด้าน The Duang เคยเปิดเผยความรู้สึกเมื่อครั้งได้รับรางวัลมาหมาดๆ ว่าไม่คาดฝันว่าตนจะได้รับรางวัล แต่เมื่อได้ก็ดีใจมาก
"ผมไม่รู้ด้วยว่าส่งไป แต่พอสำนักพิมพ์บอกว่าส่งไปนะก็ไม่ได้หวังครับ เพราะดูจากปีที่แล้วอลังการมาก เราเลยไม่หวัง…พอรู้ว่าได้รับรางวัล ตกใจ ดีใจ ทำอะไรไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้กรี๊ดกร๊าดอะไรมาก แต่ข้างในใจน่ะกรี๊ดกร๊าดมาก"
2.e Book บุกไทย !
ไม่แน่ใจว่าเป็นข่าวดีสำหรับวงการน้ำหมึกไทยหรือไม่ ที่หนังสือไร้หมึกในนาม e Book กำลังบุกตลาดหนังสือไทยอย่างหนัก แต่ที่แน่ๆ นี่คือสัญญาณเตือนคนในวงการนี้ให้เหลียวหน้าแลหลังกันสักทีว่าโลกกำลังรุดหน้าไปถึงแห่งหนตำบลใดแล้ว มิเช่นนั้นอาจกลายเป็น ฒ ผู้เฒ่า เต่าล้านปี ให้หลานๆ ยิ้มเยาะได้
กระแส e Book ที่ถูกโจษขานมาได้ระยะหนึ่งเริ่มเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้นเมื่อ Asia Books เปิดเกมรุกในตลาดนี้ก่อนใคร โดยจับมือ Dell ผู้ผลิตอุปกรณ์ไอทียักษ์ใหญ่ เปิดตัวคลังหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ e Books Store เพื่อค้าขาย e Book เป็นล่ำเป็นสัน
ซึ่ง สิโรตม์ จิระประยูร กรรมการผู้จัดการบริษัท เอเชียบุ๊คส จำกัด เชื่อว่าคลังแสงแห่งนี้จะมอบความสะดวกแก่นักอ่าน
"หลังจากได้ทำธุรกิจในประเทศไทยมายาวนานกว่า 42 ปี เราก็พร้อมแล้วที่จะก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลเต็มตัว"
ณ ขณะนั้นภาพของ e Book อาจยังดูฟุ้งเฟ้อในสายตาคนหนังสือทั้งหลาย แต่ ณ วันนี้ภาพของ e Book กำลังแจ่มชัดทุกขณะจิต ทั้งอุปกรณ์ไอทีที่รองรับเทคโนโลยีนี้ได้ก็กำลังผลิบาน อีกทั้งยังเป็นดั่งขนมหวานซึ่งใครๆ ก็อยากลงมาร่วมชิม สังเกตได้จากสำนักพิมพ์น้อยใหญ่กระโดดลงมาในตลาด eBook กันมากขึ้น รวมทั้งเจ้าตลาดการ์ตูนสัญชาติไทยอย่าง 'บันลือกรุ๊ป' โดยเปิดตัวแอพพลิเคชั่นเจ๋งๆ ในนาม Happlication แหล่งรวบรวมนิตยสารการ์ตูน 'ขายหัวเราะ' ในรูป e Book ไว้อย่างครบครันตั้งแต่เล่มแรกยันปัจจุบัน
สัญญาณเตือนว่าบรรณพิภพกำลังสู่ยุคเปลี่ยนผ่านดังขึ้นแล้ว อยู่ที่ว่าใครได้ยินมัน และจะปฏิบัติตัวอย่างไรต่อไป
3.150 ปี ชาตกาล เมธีปราชญ์ และ 100 ปี ชาตกาล เอตทัคคะของไทย
หากแม้นจะเอ่ยนาม รพินทรนาถ ฐากูร ประชากรในบรรณพิภพต่างน้อมนบเคารพไหว้ในอัจฉริยภาพแห่งผู้สรรค์สร้างวรรณกรรมชั้นเลิศ อาทิ คีตาญชลี บทกวีเสี้ยวจันทร์ บทละครเรื่องจิตรา หิ่งห้อย สาธนา ฯลฯ
ในปี 2554 เป็นปีที่ชาวโลกรำลึกถึงคุรุเทพผู้นี้ในวาระครบรอบ 150 ปี ชาตกาล ซึ่งหลายหน่วยงานในประเทศไทยก็ร่วมระลึกถึงโดยจัดกิจกรรมอันเกี่ยวเนื่องกับท่านมากมาย ทั้งนิทรรศการ งานเสวนา เปิดตัวหนังสือ สะท้อนว่าแม้เมธีปราชญ์แห่งโลกตะวันจะจากไปนานแล้ว แต่คุณค่าแห่งวรรณศิลป์ของท่านยังคงอยู่คู่บรรณพิภพสืบไป
และสำหรับคนไทยในปีเดียวกันนี้ก็ตรงกับวาระ 100 ปี ชาตกาล เอตทัคคะของไทย พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ด้วยบทบาทอันหลากหลายของท่าน ทั้งทางการเมือง ศิลปวัฒนธรรม วรรณกรรม การแสดง สื่อสารมวลชน และอีกมากมายล้วนสร้างคุณูปการแก่ประเทศไทยทั้งสิ้น
โดยเฉพาะความเป็นเลิศด้านภาษาและการสื่อสาร ผลงานของท่านจึงเป็นที่กล่าวขานและยอมรับมากตราบจนปัจจุบัน
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีรัตนโกสินทร์ เคยกล่าวไว้ในงาน อ.ส.ม.ท.ร่วมรำลึก ชาตกาล 100 ปี ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ว่า "ท่านเป็นเอตทัคคะบุคคลคนสุดท้ายของสังคมไทย เป็นที่พึ่ง หมายความว่า เวลามีปัญหาอะไรหรือมีเหตุการณ์สำคัญ เราก็ต้องฟังคึกฤทธิ์ แล้วคุณก็จะเชื่อ คุณก็รู้เรื่อง ลักษณะอย่างนี้ เวลานี้เราไม่มี ในสังคมไทยเราไม่มีแล้ว"
4.กรุงเทพฯ เมืองหนังสือโลก 2556 : ฝันที่เป็นจริง
ตัดอารมณ์ด้วยความประหลาดใจที่ใครๆ ก็แทบไม่เชื่อหู ไม่เชื่อสายตา เมื่อรู้ว่าบ้านเมืองเรากำลังจะกลายเป็นเมืองหนังสือโลกในปีหน้า
ประเด็นนี้ถูกจุดประกายโดยกรุงเทพมหานครและสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทยที่เล็งเห็นว่าบ้านเราเมืองเรามีดีพอจะเสนอชื่อเข้าเป็นเมืองหนังสือโลก หรือ World Book Capital เพื่อยกระดับคุณภาพการอ่านหนังสือของประเทศไทย ซึ่งทุกวันนี้ค่อนข้างตกต่ำดำดิ่งลงหุบเหวลึกให้โผล่พุ่งขึ้นสู่ยอดเขาสูงเสียดฟ้าได้ในระยะเวลาอันสั้น นั่นคือ 2 ปี (2554-2556)
ความคิดอันสร้างสรรค์นี้มีทั้งเสียงสนับสนุนจากองค์กรน้อยใหญ่ และเสียงคัดค้านจากหลายฝ่ายในวงการหนังสือ ด้วยเหตุผลที่รากฐานการอ่านหนังสือของคนไทยยังหยั่งลึกไม่พอ อีกทั้งยังมีเพียงรากฝอยหาได้มีรากแก้วอันกล้าแกร่งไม่ หากได้รับเลือกจริง อาจทัดทานพลังความศักดิ์สิทธิ์ของ 'เมืองหนังสือโลก' ไม่ไหว
หลังจากกลายเป็นประเด็นร้อนในบรรณพิภพได้ไม่นาน ข่าวคราวอันตื่นตะลึงก็หลุดรอดมาว่า กรุงเทพฯ ได้รับเลือกเป็นเมืองหนังสือโลกปี 2556 แล้ว โดยที่ UNESCO ให้เหตุผลว่าเห็นความตั้งใจจัดกิจกรรมส่งเสริมการอ่านและแผนงานอันงดงามของประเทศไทยจึงมอบตำแหน่งนี้ให้ด้วยความยินดี
แต่ภาระหนักนี้จะถูกแบกหามบนบ่าชาวกรุงเทพฯ ได้หรือไม่ อีกเพียงไม่กี่อึดใจเราจะได้รู้กันว่า เมืองหนังสือโลกแบบไทยๆ จะแตกต่างจากเมืองหนังสือโลกที่ผ่านๆ มาเพียงใด…โปรดติดตามชม
5.แด่นักเขียนผู้จากไป..
ปี 2554 ที่ผ่านไป เป็นอีกปีที่วงการวรรณกรรมต้องสูญเสียบุคคลสำคัญไปอย่างไม่มีวันกลับ ไล่เรียงตั้งแต่ ทองใบ ทองเปาด์ อดีตนายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย และ ศิริพงษ์ จันทน์หอม และอีกคนเอนก แจ่มขำ อดีตนายกสมาคมนักกลอนฯ…ซึ่งทุกคนล้วนเคยสร้างสรรค์วรรณกรรมอันมีค่ายิ่งแก่บรรณพิภพไทย
แม้ตัวตาย ร่างกายสูญ แต่วรรณศิลป์ของพวกท่านยังติดตรึงผนึกแน่น ไม่มีวันดับสลายไปจากใจประชาชนคนวรรณกรรมอย่างแน่นอน
ขอพวกท่านจงหลับใหลให้สบายเถิด พวกเราจะดูแลบรรณพิภพนี้อย่างดี…เราสัญญา
6.'แจ่มใส' ขายดีไม่มียอดตก
ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าสำนักพิมพ์สุดหวานอย่าง 'แจ่มใส' จะยังครองเจ้าตลาดนิยายได้อย่างเหนียวแน่น พิสูจน์ได้จากยอดขายที่พุ่งทะลุเพดาน ทั้งในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติฯ ครั้งที่ผ่านไป ซึ่งใครๆ ก็บ่นอุบว่าเงียบเชียบราวป่าช้า ทว่าแจ่มใสก็ยังครองใจวัยโจ๋ได้ดีเยี่ยมทำเอาบูธข้างเคียงอิจฉาตาร้อนผ่าวๆ กันเลยทีเดียว
บรรดานักเขียนในสังกัดก็ต่างพาเหรดเป็นนักเขียนขายดีประจำปีไปด้วย อาทิ หนุ่มกรุงโซล, ลูกชุบ, ปุยฝ้าย, เจ้าปลาน้อย, เจ้าหญิงผู้เลอโฉม เป็นต้น
แม้ในมุมหนึ่งวรรณกรรมของแจ่มใสจะถูกตีค่าเป็นเพียงวรรณกรรมตาหวาน รักใคร่ใสปิ๊ง หาสารประโยชน์ได้ยากยิ่ง แต่ในอีกมุมหนึ่งวรรณกรรมจากผลงานของวัยรุ่นก็เข้าถึงวัยรุ่นได้ง่ายดาย ซึ่งอาจเป็นกลวิธีอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้เด็กไทยรักการอ่าน เพราะมีนักเขียนและนักอ่านหลายคนพัฒนาจากวรรณกรรมรักหวานแหววไปสู่วรรณกรรมระดับยากขึ้น ดังนั้นหากมองว่าแจ่มใสช่วยปูพื้นฐานแก่เด็กไทยก็คงไม่ผิดนัก
แต่ถึงกระนั้นก็ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของนักอ่านตัวน้อยและการพัฒนาความคิดเมื่อผ่านช่วงวัยหวานแหววไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่
7.'ดอกส้มสีทอง' กับ 'รอยไหม' จากนิยายสู่ละครที่ฮือฮาแห่งปี
ตลอดระยะเวลาที่ประเทศไทยมีศิลปะการแสดง วรรณกรรมกับละครก็เกื้อหนุนกันเสมอมา ละครเกือบทั้งหมดล้วนมาจากปลายปากกาของนักเขียนแทบทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้แต่ยุคนี้ยุคที่ละครไทยกำลังเฟื่องฟู
ที่ว่าเฟื่องฟูนั้นมิใช่เพียงความนิยมชมชอบของพ่อแม่พี่น้องเท่านั้น แต่ละครในยุคสมัยนี้กลับสร้าง 'ปรากฏการณ์' บางอย่างแก่สังคมไทยได้เหลือคณา ทำเอาบรรดา 'ผู้จัด' ต้องคัดสรรหรือเลือกเฟ้นหาบทประพันธ์ที่ แรง ! พอจะเอาคนดูให้อยู่หมัดได้
ชื่อ 'ดอกส้มสีทอง' ของ ถ่ายเถา สุจริตกุล และ 'รอยไหม' ของ หมอพงศกร คงต้องอยู่ในบัญชีรายชื่อละครที่สร้างแรงกระเพื่อมต่อสังคมไทยอย่างแน่นอน เพราะหากไม่นับจากเรทติ้งอันมากมายมหาศาล กระแสปากต่อปากก็ยังสะพัดจนกระทั่งคนไม่ชอบดูละครน้ำเน่าต้องแอบหมุนเปลี่ยนช่องมาทดลองดู
8."เรยา" ตัวละครที่ทรงอิทธิพลแห่งปี
แน่นอนที่สุด ชื่อตัวละครอย่าง 'เรยา' กับ 'ผีอีเม้ย' ถือเป็นตัวละครที่ร้อนแรงและมีคนพูดถึงทั่วบ้านทั่วเมืองมากที่สุด
โดยเฉพาะ "เรยา"ตัวละครเอกในเรื่อง"ดอกส้มสีทอง"นั้น ทำให้เกิดการถกเถียงและกลายเป็นประเด็นทางสังคมอย่างมากมาย นอกจากนี้แล้วชื่อของ "เรยา" ยังแทรกไปมีบทบาททุกวงการอีกด้วย…แม้กระทั่งในรัฐสภาและในทำเนียบรัฐบาล น้อง "เรยา" ก็ยังตามไปอาละวาด โดยมีการนำเอาพฤติกรรมของเธอไปเปรียบเปรยสารพัดเลยทีเดียว
แต่ถึงอย่างไร "เรยา" ก็เป็นตัวแทนภาพแห่งความเป็นจริงที่ปรากฏให้เห็นอย่างมากมาย ในสังคมไทยยุคปัจจุบันนี้
9.แดดเช้าฯ เข้าวิน ซีไรต์ 2554
เป็นประจำทุกปีที่คนในวงการหนังสือจะคอยลุ้นคอยเชียร์หนังสือในดวงใจของตนให้เข้ารอบลึก 'รางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน (ซีไรต์)' ยิ่งถ้าได้รับรางวัลนี้ได้ก็นับเป็นเกียรติยศแก่นักเขียนเจ้าของผลงานอย่างยิ่ง
ซึ่งในปีที่ผ่านไป หนุ่มแดนสะตอ จเด็จ กำจรเดช หรือชื่อจริง สถาพร จรดิฐ ก็กรำชัยไปอย่างไม่พลิกโผสักเท่าไร เพราะมีหลายคนเชียร์ 'แดดเช้าร้อนเกินกว่าจะนั่งจิบกาแฟ' แต่เหรียญไม่ได้มีด้านเดียว เพราะรวมเรื่องสั้นเล่มนี้ก็ได้รับคำวิพากษ์หนักหน่วงพอตัว เช่น ประเด็นไม่ชัด แต่จเด็จก็กลบรอยตำหนินั้นด้วยสิ่งที่รวมเรื่องสั้นเล่มอื่นๆ มีไม่เท่าแดดเช้า นั่นคือ กลวิธีเล่าเรื่อง ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากงานศิลปะที่เขารัก และภาพยนตร์ที่เขาหลงใหล เรื่องสั้นของเขาจึงฉายภาพอย่างภาพยนตร์ บางเรื่องทำเอาคนดู (คนอ่าน) ถึงกับอ้าปากค้างด้วยประหลาดใจ
จเด็จ เคยกล่าวถึงกลวิธีอันไร้รูปแบบนี้ว่าเป็นการเล่าเรื่องจากภายใน "เขียนข้างนอกมีโอกาสผิดเยอะ เราไม่รู้จริงๆ ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ถ้าเราเขียนข้างในมันคือความรู้สึกของผม คนอื่นก็ไม่มีโอกาสที่จะรู้ เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ผิด มันเสนอง่าย ไม่ต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติม แค่ใช้ความรู้สึกข้างใน"
ถึงแม้แรงเสียดทานจากนักวิจารณ์จะมากมาย แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า แดดเช้าฯ ก็นับเป็นรวมเรื่องสั้นที่น่าอ่านและน่าศึกษาอย่างยิ่ง
10.สตีฟ จ็อบส์ : อัจฉริยะไอทีผู้จากไป
ชื่อของ สตีฟ จ็อบส์ โด่งดังไม่นามของผู้ผลิตอุปกรณ์ไอทีที่มีสาวกมากมายทั่วโลกในชื่อ Apple ซึ่งแตกแขนงออกเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างความลุ่มหลงแก่ผู้ใช้มากมาย อาทิ iPod, iPhone, iPad และคอมพิวเตอร์ตระกูล Mac
แต่อีกนัยหนึ่งผลิตภัณฑ์ของเขาคือนวัตกรรมที่พลิกโฉมวงการหนังสือทั่วโลก เพราะความแพร่หลายของผลิตภัณฑ์เหล่านี้ช่วยเปิดโลกทัศน์แก่ผู้ใช้ให้รู้จัก eBook มากขึ้น และเป็นผลให้ตลาด eBook เติบโตมากขึ้นอย่างรวดเร็ว นับเป็นบุคคลที่มีส่วนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการอ่านหนังสือของมนุษยชาติเลยทีเดียว
จนกระทั่งวันที่ 25 ตุลาคม 2554 ข่าว สตีฟ จ็อบส์ เสียชีวิตถูกตีแผ่ทางสื่อต่างๆ เท่ากับว่าโลกได้สูญเสีย 'นวัตกร' มือทองคนนี้ไปแล้ว
แต่สิ่งที่เขาทิ้งไว้คือวัฒนธรรมใหม่ที่กำลังเจริญเติบโตบนพื้นพิภพนี้อย่างไม่มีทีท่าจะสิ้นสุด
และทำให้เราได้เห็นกระแสหนังสือชีวประวัติ สตีฟ จ็อบส์ ที่ถูกตีพิมพ์วางเต็มแผงหนังสือทั่วโลก
11.มหาอุทกภัยในบรรณพิภพ
รับรู้กันดีว่าในยามปกติสุข วงการวรรณกรรมไทยก็หาได้คึกคักครึกครื้นไม่ แล้วยิ่งต้องประสบกับปัญหาใหญ่อย่างมหาอุทกภัย วงการวรรณกรรมก็แทบจะเงียบงัน
นับตั้งแต่ฤดูมรสุม เค้าลางของหายนะในบรรณพิภพก็เริ่มแจ่มชัด ความเสียหายอันเกิดขึ้นตลอดระยะทางที่มหามวลน้ำไหลบ่าเพื่อจะออกสู่ทะเล ได้ชี้ให้เห็นว่าทุกวงการต้องเปียกน้ำกันหมด แต่สำหรับวงการหนังสือ ซึ่งทำจากกระดาษ ย่อมไม่ถูกโรคกับน้ำอย่างแน่นอน
สำนักพิมพ์หลายแห่ง สายส่งหลายเจ้า ร้านหนังสือหลายที่ ตระหนักถึงปัญหานี้ดี ทว่าจะป้องกันได้อย่างไร เมื่อมวลน้ำมาพร้อมกับความขัดแย้งทางการเมือง น้ำที่บ่าไหลจึงมีมากมายมหาศาลและเน่าเหม็น ท้ายที่สุดบรรณพิภพก็จมอยู่ใต้บาดาลอย่างหนีไม่ได้
หลังจากน้ำเข้ายึดพื้นที่บ้านนักเขียน บ้านบรรณาธิการ สำนักพิมพ์ สายส่ง ร้านหนังสือ เป็นที่เรียบร้อย ความเห็นอกเห็นใจของคนในวงการหนังสือจึงเริ่มฉายชัด สมาคมต่างๆ เริ่มสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น และพยายามจัดกิจกรรมเพื่อช่วยเหลือมิตรน้ำหมึกผู้ประสบภัย ทั้งระดมทุน บริจาค และให้กำลังใจ จนกระทั่งหลายคนหลายแห่งลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
นอกจากการแสดงน้ำใจที่เราเห็นได้ตั้งแต่น้ำมาจนน้ำลด เรายังได้เห็นสิ่งสร้างสรรค์มากมาย อาทิ ได้ฟังบทเพลง 'น้ำท่วม' ของ ไพบูลย์ บุตรขัน ในรูปแบบใหม่, ได้เห็นนวัตกรรมสู้อุทกภัยฝีมือคนไทย เป็นต้น
ตั้งแต่น้ำท่วม น้ำเน่า จนน้ำแห้ง จุดประกายวรรณกรรมยังห่วงใยมิตรน้ำหมึกเสมอ ขอเป็นกำลังใจให้
12.หนังสือ 84 พรรษามหาราชันย์
ส่งท้ายปีกระต่ายด้วยความอิ่มเอมใจกันถ้วนหน้า ในวโรกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช มีพระชนมายุครบ 84 พรรษา ตลอดระยะเวลาเกือบศตวรรษ พระองค์ทรงเป็นมิ่งขวัญแก่ปวงชนชาวไทยเสมอมา จึงไม่แปลกหากจะเห็นพสกนิกรของพระองค์ท่านแซ่ซ้องสรรเสริญด้วยวิถีทางต่างๆ
ไม่เว้นแม้แต่ในบรรณพิภพก็มีหนังสือเกี่ยวกับพระองค์ท่านออกมามากมายเพื่อเฉลิมพระเกียรติ และที่โดดเด่นเหนือเล่มอื่นใด เห็นจะเป็น 'King Bhumibol Adulyadej : A Life's Work' ซึ่งเกิดขึ้นจากฝีไม้ลายมือของนักเขียนชื่อดังชาวต่างชาติหลายชีวิต อีกทั้งยังมี อดีตนายกรัฐมนตรี อานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานกองบรรณาธิการอีกด้วย
ในหนังสือเล่มดังกล่าวอาจแตกต่างจากพระราชประวัติที่คนไทยคุ้นเคยจากหนังสือเล่มอื่นๆ เพราะเล่มนี้อุดมด้วย 'ความจริง' มิใช่การเขียนเพื่อถวายพระเกียรติอย่างฟุ้งเฟ้อ และนี่น่าจะเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับบอกเล่าเรื่องราวอันแท้จริงของพระมหากษัตริย์ไทยเพียงแห่งเดียว
…
หวังว่าทุกเรื่องราวตลอดปีที่ผ่านไปคงเป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า เพื่อเริ่มต้นปีใหม่ 2555 อย่างมั่นคง แข็งแรง
สุขสันต์ปีใหม่…และขอมิตรรักนักอ่านชาวจุดประกายวรรณกรรมทุกท่านจงมีความสุขอย่างอมตะนิรันดร์กาล
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก : http://www.bangkokbiznews.com