จากประถมถึงอุดมศึกษา เส้นทางสู่ชัยชนะของหนังสือการ์ตูน
การใช้หนังสือการ์ตูนเพื่อการศึกษาเป็นเรื่องที่เคยได้รับการขานรับเป็นอย่างดี ในช่วงทศวรรษ 1990 วารสารทางการศึกษา ในสหรัฐอเมริกาให้ความสนใจตีพิมพ์บทความทางวิชาการเกี่ยวกับประเด็นนี้เป็นฉบับพิเศษกันเลยทีเดียว
องค์กรทางการศึกษาก็ให้ความสนับสนุน อาทิ สมาคมการศึกษาของเด็กและเยาวชนอเมริกัน บอกกล่าวแก่ครูอาจารย์ให้ได้รับรู้ว่าหนังสือการ์ตูนมีพลังที่จะเป็นเครื่องช่วยนำไปสู่การเรียนรู้ของเด็กได้เป็นอย่างดี
เมื่อมีผู้สนับสนุนก็มีผู้คัดค้าน ผู้บริหารโรงเรียนหลายแห่งเห็นว่า หนังสือการ์ตูนเป็นอุปสรรคขัดขวางความก้าวหน้าในการเรียน เป็นตัวเหนี่ยวรั้งความสามารถในการอ่าน จินตนาการ ของเด็ก ทั้งมีมีผลทำให้สายตาอ่อนล้า บรรณารักษ์ห้องสมุดของโรงเรียนต่างๆ จึงมีมาตรการไม่ยอมรับหนังสือการ์ตูนและประณามหนังสือการ์ตูนว่าเป็นศัตรูของการอ่านหนังสืออื่นๆ
ในช่วงปลายทศวรรษ 1940 กลุ่มผู้ต่อต้านหนังสือการ์ตูนเป็นฝ่ายมีชัย ผู้นำทางความคิดบางคนถึงกับเตือนชาวอเมริกันเกี่ยวกับอันตรายของหนังสือการ์ตูน ว่าหนังสือการ์ตูนส่งเสริมให้เกิดความก้าวร้าวรุนแรง ล่อแหลมในเรื่องเพศ ทั้งยังทำให้ไม่รู้หนังสือ ดังนั้น “หนังสือการ์ตูนต้องตายไปจากการอ่าน” นี่คือคำประกาศผู้ต่อต้านหนังสือการ์ตูน และภายหลังคณะกรรมการตรวจสอบหนังสือการ์ตูนก็มีมติแจ้งให้กับสถาบันการศึกษาต่างๆ ว่าหนังสือการ์ตูนเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็กๆ การวิจัยเกี่ยวกับคุณค่าและประโยชน์ของหนังสือการ์ตูนจึงแทบสิ้นสุดลงไปโดยปริยาย…
จนกระทั่งในช่วงทศวรรษ 1970 บรรดาครูอาจารย์เริ่มกล้าที่จะนำเอาหนังสือการ์ตูนกลับเข้ามาในห้องเรียนอีกครั้ง บ้างก็นำมาใช้เพื่อเป็นสื่อการสอนระดับประถมในวิชาการใช้ภาษา การอ่านเอาเรื่องหรือความเข้าใจจากการอ่าน ในวารสารทางการศึกษาก็ปรากฏบทความวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า ในช่วงปี 1973 และ 1974 มีการนำหนังสือการ์ตูนไปใช้กับเด็กที่ไม่ชอบการอ่านหนังสือ และในปี 1979 ก็มีนักการศึกษานำหนังสือการ์ตูนเข้ามาใช้เป็นเครื่องป้องกันศัตรูตัวใหม่ในการเรียน นั่นก็คือโทรทัศน์
นักการศึกษาผู้สนับสนุนการใช้หนังสือการตูนส่งเสริมการอ่าน ยืนยันสมรรถนะการอ่านของเด็กได้เป็นอย่างดี โดยพรรณนาให้เห็นว่าหนังสือการ์ตูนที่เด็กชอบหลายเล่ม เขียนได้ยอดเยี่ยมมาก และความเยี่ยมยอดแบบนี้มันจึงสนุกได้เฉกเช่นเดียวกับแฮมเล็ต(วรรณกรรมของเช็คสเปียร์)ที่ใช้ในโรงเรียนมัธยม หรือวรรณกรรมชั้นเลิศของผู้ใหญ่
การสร้างความสัมพันธ์ใหม่ของวงการศึกษากับหนังสือการ์ตูนในช่วงก่อนปี 2000 ค่อยๆกระชับแน่นขึ้น ความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของสื่อประเภทนี้มีมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่เพียงแต่ระดับประถมหรือมัธยมเท่านั้นที่มีนวัตกรรมการเรียนการสอนด้วยหนังสือการ์ตูน ระดับอุดมศึกษาก็มี
ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา หนังสือการ์ตูนได้รับความสนใจในวงการอุดมศึกษา และค่อยๆ ปรากฏในหลักสูตรระดับอุดมศึกษาของสหรัฐอเมริกา ดังปรากฏตัวอย่างต่อไปนี้
ปี 1995 ศาสตราจารย์แห่งสถาบันภาษาของมหาวิทยาลัยนิวยอร์ค นำหนังสือการ์ตูนเข้าไปใช้สอนในหลักสูตรภาษาอังกฤษแทนหนังสือเรียนภาษาแบบเดิม โดยใช้หนังสือการ์ตูน คาล์วินกับฮอบส์ (Calvin and Hobbes)
ปี 2001 ศาสตราจารย์ด้านภาษาอังกฤษ แห่งวิทยาลัยโพลามา ได้ให้นักศึกษาสำรวจและตีความความหมายของคำว่า “วรรณกรรม” โดยใช้หนังสือการ์ตูน
ปี 2002 ศาสตราจารย์ทางฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยมิเนโซตา นำหนังสือการ์ตูนมาใช้เป็นสื่อเพื่อดึงความสนใจสำหรับหลักสูตรฟิสิกส์เบื้องต้น โดยใช้หนังสือ วิทยาศาสตร์ในหนังสือการ์ตูน
นอกจากนี้ก็มีการจัดหลักสูตรโปรแกรมการเรียนในด้านการจัดทำหนังสือการ์ตูนทั้งระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ที่วิทยาลัยศิลปะและการออกแบบแห่งซาวานา
ในที่สุดหนังสือการ์ตูนก็ก้าวขึ้นมาในฐานะ “สื่อ” (medium) ที่มีคุณค่าในทางการศึกษา บรรณารักษ์ในยุคสหัสวรรษใหม่หรือหลังค.ศ.2000 เป็นต้นมา ได้กลายมาเป็นผู้ที่สนับสนุนหนังสือการ์ตูนมากที่สุด เพราะได้พบว่าหนังสือการ์ตูนเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการดึงเด็กๆ ให้ห่างจากโทรทัศน์และวิดีโอเกม และก้าวเข้าสู่โลกของการอ่านที่มีคุณค่า