Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

จะพัฒนาสมองของเจ้าตัวเล็กได้อย่างไร ?

จะพัฒนาสมองได้อย่างไร ?
    
    สมองเด็กที่กำลังเจริญเติบโตต้องการการเรียนรู้และการกระตุ้น การเข้าใจพัฒนาการของเด็กจะช่วยให้เราสามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของสมองเด็กได้อย่างเหมาะสม ไม่ควรเร่งรีบ และก็ไม่ช้าจนเกินไป จะเห็นความมหัศจรรย์ของชีวิตอย่างยิ่ง

สมองของเด็กวัยแรกเกิด – 1 ปี

    
    สมองของเด็กสามารถเรียนรู้ได้ตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ โดยเฉพาะช่วง 3 เดือน ก่อนคลอด อารมณ์ความรู้สึกของแม่มีผลกระทบถึงลูกในท้องได้ด้วย ถ้าแม่มีจิตใจแจ่มใส ลูกก็จะมีจิตใจที่แจ่มใส ไม่เครียด พ่อแม่สามารถกระตุ้นสมองของลูกด้วยการเริ่มอ่านหนังสือให้ลูกฟัง พูดคุยกับลูกในท้อง
    เมื่อเด็กคลอดออกมาแล้ว ก็สามารถเพิ่มการกระตุ้นสมองได้มากขึ้น เพราะเด็กสามารถมองเห็น ได้ยิน และเริ่มเรียนรู้การโต้ตอบจากพ่อและแม่ เช่น ร้องไห้เมื่อหิว เป็นต้น
    ช่วงแรกเกิดเป็นช่วงที่เด็กสามารถจดจำใบหน้าของคนได้แล้ว พ่อแม่สามารถกระตุ้นด้วยการให้ลูกเห็นหน้าบ่อยๆ พูดคุย และกระตุ้นการมองเห็นของลูก โดยอาจใช้ ของเล่น โมบาย หรือหนังสือ
    สภาพแวดล้อมสำหรับเด็กในช่วงวัยนี้ก็มีส่วนสำคัญ ควรมีสภาพแวดล้อมที่โปร่ง โล่ง สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆได้ ไม่เงียบจนเกินไป
    เสียงเป็นปัจจัยในการกระตุ้นพัฒนาการทางสมองของเด็กได้ด้วย หากบรรยากาศเงียบจนเกินไป อาจส่งผลเสียให้กับเด็กด้วยซ้ำ ที่สำคัญ ต้องมีสภาพแวดล้อมที่ดี สะอาด การที่เด็กได้เห็นสิ่งต่างๆรอบตัว จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการของเด็กได้
    เมื่อถึงวัยที่เด็กเริ่มคลาน เด็กจะสนใจของเล่นมากขึ้น การให้ของเล่นแก่เด็กในวัยนี้ มีข้อควรระวังในเรื่องของความปลอดภัย เพราะเป็นวัยที่มักหยิบของเข้าปาก
    ของเล่นก็ไม่ควรมีมากชิ้นเกินไปเพราะจะทำให้เด็กเสียสมาธิ เลือกไม่ถูกว่าจะเล่นชิ้นไหน ของเล่นน้อยชิ้นจะสร้างเรื่องสมาธิ เพราะเด็กจะมีเวลาศึกษาของเล่นชิ้นนั้นอย่างละเอียด เป็นพื้นฐานของการสร้างสมาธิในอนาคตอีกด้วย

สมองของเด็กวัย 1 – 2 ปี
    
    กล้ามเนื้อของเด็กในวัยนี้แข็งแรงขึ้นแล้ว สามารถเดินได้ ทรงตัวได้ดีขึ้น ทำงานที่ละเอียดได้มากขึ้น มีการประสานความสัมพันธ์ระหว่างกล้ามเนื้อต่างๆได้ดีขึ้น สามารถขีดเขียนได้ แยกความแตกต่างของอวัยวะได้ และทานอาหารเองได้บ้างแล้ว
    การพัฒนาสมองของเด็กในช่วงวัยนี้ทำได้โดย ฝึกให้เด็กหยิบจับสิ่งของด้วยตนเอง โดยสิ่งของเหล่านั้นต้องไม่เป็นอันตรายต่อตัวเด็ก พ่อแม่ไม่ควรช่วยเหลือไปเสียทุกเรื่อง ควรหัดให้เด็กได้ลองผิดลองถูก แม้เด็กจะไม่สามารถทำกิจกรรมต่างๆได้ดีเท่าผู้ใหญ่ แต่การทดลองทำนั้นเป็นการเรียนรู้ที่มีค่ามหาศาล การชวนพูดคุย ให้ลูกได้ออกเสียงพูด คือการช่วยฝึกลูกเข้าสังคมได้ด้วย
    สมองของเด็กวัย 1 ปี พร้อมที่จะจำตัวอักษรต่างๆ พอๆกับการฟังและเข้าใจภาษาได้หลายภาษา เราสามารถมอบโอกาสการเรียนรู้ภาษาให้แก่เด็กโดยการอ่านหนังสือ ถ้าเด็กฟังโดยไม่มีท่าทีที่เบื่อหน่าย แสดงว่าเขาสนใจและเข้าใจเรื่องที่เราอ่าน หรือสอน เพราะสมองของเด็กในวัยนี้ จะรับความรู้ต่างๆได้ง่าย ไม่รู้สึกเบื่อหน่าย ท้อถอยหมดกำลังใจในการเรียนรู้  เราจึงสามารถสอดแทรกการสอนอ่านหนังสือและการพูดไปพร้อมๆกันได้
    สมองของคนเรามีลักษณะพิเศษที่ต่างจากอุปกรณ์เก็บข้อมูลอื่นๆคือ ยิ่งใส่ความจำเข้าไปมากเท่าใด สมองก็จะยิ่งแสดงผลได้ดีขึ้น เพราะข้อมูลที่ใส่เพิ่มเข้าไป เมื่อเข้าไปรวมกับความรู้เดิม จะช่วยในเรื่องการคิดวิเคราะห์ สถาบันวิจัยด้านสมองหลายสถาบันมีข้อมูลยืนยันว่า สมองของคนเรานั้นมีความสามารถในการจดจำที่มากกว่าคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์เก็บข้อมูลใดๆในโลก
    พ่อแม่อย่าด่วนกลัวว่า การให้ลูกเรียนรู้มากเกินไป จะทำให้สมองลูกรับไม่ได้ เพราะ เรื่องการให้ความรู้มากเกินไปนั้น ไม่น่าห่วงเท่า การละเลย หรือการให้น้อยจนเกินไป เพียงแต่เรียนรู้ช่วงเวลาแห่งการ “ ให้ ” อย่างเหมาะสม นั่นคือ ต้องเป็นช่วงขณะที่ลูกกำลังรื่นรมย์

สมองของเด็กวัย 2 – 6 ปี
    
    ร่างกายของเด็กวัยนี้มีความแข็งแรงมากขึ้น สามารถเดินและวิ่งได้ เริ่มเข้าสังคมเป็น ชอบทำกิจกรรมต่างๆ ชอบเล่นกับเพื่อน ช่างสงสัย ชอบถาม เพราะต้องการจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พ่อแม่ควรตอบคำถามเด็กทุกคำถาม เพราะการตอบคำถามจะทำให้เด็กได้แนวคิด ช่วยพัฒนาสติปัญญา การไม่ตอบหรือตัดบทจะทำให้ความคิดของเด็กถูกทำลาย การต่อไม้บล็อก การเล่นต่อภาพ หรือ อ่านหนังสือ จะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการทางด้านภาษา รู้จักความหมายของสิ่งต่างๆมากขึ้น สามารถแยกความแตกต่าง และความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นพื้นฐานในการพัฒนาสมองของเด็ก
    การส่งเสริมเรื่องจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ของเด็กในวัยนี้ก็มีความสำคัญและเป็นวัยที่เหมาะสมที่สุดในการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เพราะเมื่อเด็กโตขึ้น ความคิดสร้างสรรค์จะลดน้อยลง และถูกแทนที่ด้วยหลักเหตุผล ยกตัวอย่าง เช่น เด็กวาดรูปช้างที่มีหลายสี ทั้งที่ในความเป็นจริงช้างมีสีเดียว และเมื่อโตขึ้น ความจริงและเหตุผลจะมากำหนดให้เขาวาดรูปช้างด้วยสีเทา เพื่อให้เหมือนกับช้างจริงๆ เป็นต้น หากเด็กได้รับการส่งเสริมในเรื่องจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ในช่วงนี้อย่างดีแล้ว เขาก็จะมีความคิดสร้างสรรค์ติดตัว และสามารถนำมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
    การอ่านหนังสือ ดูสารคดี และการไปเที่ยวในที่ต่างๆ เป็นการสร้างประสบการณ์ที่หลากหลายให้กับเด็ก ยิ่งสร้างมาก เด็กก็จะยิ่งมีความรู้มาก และเรียนรู้เรื่องต่างๆได้ง่ายขึ้น เพราะเขามีพื้นฐานประสบการณ์ที่แข็งแรงแล้ว เช่น  ถ้าเด็กได้อ่านหนังสือ ดูสารคดีสัตว์ หรือไปเที่ยวสวนสัตว์ ถ้าครูสอนเรื่องสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เด็กก็จะสามารถเรียนรู้และเข้าใจได้เร็วเพราะมีพื้นฐานความรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว เป็นต้น