Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

งานวิจัย : ลีลาการเขียนข่าวธุรกิจกับการรับรู้ความน่าเชื่อถือของผู้ส่งสาร

พัชรินทร์ จงยิ่งเจริญวงศ์ (2547) นิสิตปริญญาโท สาขาวารสารสนเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำวิจัยเรื่อง ลีลาการเขียนข่าวธุรกิจกับการรับรู้ความน่าเชื่อถือของผู้ส่งสาร โดยให้กลุ่มตัวอย่างซึ่งแบ่งเป็นผู้ที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคย กับการอ่านข่าวเศรษฐกิจจำนวน 144 คน อ่านข่าวเศรษฐกิจที่เขียนด้วยภาษาภาษาเรียบง่ายและภาษาซับซ้อน ผลการวิจัยพบว่า 1) กลุ่มตัวอย่างประเมินว่าผู้เขียนข่าวที่ใช้ภาษาเรียบง่ายน่าเชื่อถือ ในด้านความเชี่ยวชาญมากกว่าผู้เขียนข่าวที่ใช้ภาษาซับซ้อน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2) ไม่พบปฏิสัมพันธ์ระหว่างลีลาการเขียนและความคุ้นเคยในการอ่านข่าวเศรษฐกิจ ที่อาจมีผลต่อการประเมินความน่าเชื่อถือ 3) ไม่พบปฏิสัมพันธ์ระหว่างลีลาการเขียนและการทราบแหล่งที่มาของข่าว ที่อาจมีผลต่อการประเมินความน่าเชื่อถือ 4) กลุ่มตัวอย่างเข้าใจข่าวเศรษฐกิจที่เขียนด้วยภาษาเรียบง่าย มากกว่าข่าวเศรษฐกิจที่เขียนด้วยภาษาซับซ้อน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 5) กลุ่มตัวอย่างประเมินว่าข่าวเศรษฐกิจที่ใช้ภาษาเรียบง่าย น่าสนใจกว่าข่าวเศรษฐกิจที่ใช้ภาษาซับซ้อน

พัชรินทร์ จงยิ่งเจริญวงศ์. (2547).ลีลาการเขียนข่าวธุรกิจกับการรับรู้ความน่าเชื่อถือของผู้ส่งสาร. วิทยานิพนธ์ นศ.ม. (วารสารสนเทศ). กรุงเทพฯ :บัณทิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. อาจารย์ที่ปรึกษา:อาจารย์ ดวงกมล ชาติประเสริฐ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการใช้ภาษาไทยในการรายงานข่าวเศรษฐกิจว่า ลีลาการเขียนแบบใดสามารถสร้างความน่าเชื่อถือ และสามารถทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้มากที่สุด เพื่อนำผลการวิจัยไปปรับปรุงการเขียนข่าวให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้ภาษาไทยในด้านวารสารสนเทศ งานวิจัยนี้ใช้ระเบียบวิจัยแบบทดลอง โดยให้กลุ่มตัวอย่างซึ่งแบ่งเป็นผู้ที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคย กับการอ่านข่าวเศรษฐกิจจำนวน 144 คน อ่านข่าวเศรษฐกิจที่เขียนด้วยภาษาที่แตกต่างกัน ผู้เข้าทดลองแต่ละคนจะต้องอ่านข่าวเศรษฐกิจที่เขียนภาษาเรียบง่ายและภาษาซับซ้อน หลังจากนั้นจึงทดสอบความเข้าใจและทำแบบสอบถาม ประเมินความน่าเชื่อถือและความน่าสนใจ

ผลการวิจัยพบว่า

  1. กลุ่มตัวอย่างประเมินว่าผู้เขียนข่าวที่ใช้ภาษาเรียบง่ายน่าเชื่อถือ ในด้านความเชี่ยวชาญมากกว่าผู้เขียนข่าวที่ใช้ภาษาซับซ้อน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

  2. ไม่พบปฏิสัมพันธ์ระหว่างลีลาการเขียนและความคุ้นเคยในการอ่านข่าวเศรษฐกิจ ที่อาจมีผลต่อการประเมินความน่าเชื่อถือ

  3. ไม่พบปฏิสัมพันธ์ระหว่างลีลาการเขียนและการทราบแหล่งที่มาของข่าว ที่อาจมีผลต่อการประเมินความน่าเชื่อถือ

  4. กลุ่มตัวอย่างเข้าใจข่าวเศรษฐกิจที่เขียนด้วยภาษาเรียบง่าย มากกว่าข่าวเศรษฐกิจที่เขียนด้วยภาษาซับซ้อน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

  5. กลุ่มตัวอย่างประเมินว่าข่าวเศรษฐกิจที่ใช้ภาษาเรียบง่าย น่าสนใจกว่าข่าวเศรษฐกิจที่ใช้ภาษาซับซ้อน และพบปฏิสัมพันธ์ระหว่างลีลาการเขียนและความคุ้นเคยในการอ่านข่าวเศรษฐกิจคือ ความต่างของค่าเฉลี่ยด้านความชัดเจนและความเข้าใจง่ายของข่าว ในกลุ่มผู้ไม่คุ้นเคยกับการอ่านข่าวเศรษฐกิจ จะเห็นชัดเจนกว่ากลุ่มผู้ที่คุ้นเคยกับการอ่านข่าวเศรษฐกิจ