Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

งานวิจัย : ผลของการเรียนแบบร่วมมือต่อผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านและพฤติกรรมทางการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียนโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย อุทัยธานี

นิลุบล  สีเทพ (2546) นิสิตปริญญาโท  สาขาภาษาศาสตร์การศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้ทำวิจัยเรื่อง ผลของการเรียนแบบร่วมมือต่อผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านและพฤติกรรมทางการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียนโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัยอุทัยธานี โดย 1) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนโดยใช้วิธีการเรียนแบบร่วมมือ 2) ศึกษาพฤติกรรมการเรียนทักษะการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนโดยใช้วิธีการเรียนแบบร่วมมือ กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 จำนวน 29 คน จากโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย อุทัยธานี ระยะเวลาในการทดลองทั้งหมด 8คาบ คาบละ 50นาที เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านภาษาอังกฤษ 2) แบบสังเกตพฤติกรรมร่วมมือในการเรียน 3) แผนการสอนอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้วิธีการเรียนแบบร่วมมือ ผลการวิจัยพบว่า 1.ผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนหลังการเรียนแบบร่วมมือสูงกว่าผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านภาษาอังกฤษก่อนการเรียนแบบร่วมมืออย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 2. นักเรียนส่วนใหญ่มีพฤติกรรมต่างๆ ในด้านการร่วมมือในการเรียนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้อยู่ในระดับดี พฤติกรรมด้านการให้ความร่วมมือในการเรียนมีการพัฒนาขึ้นตามลำดับ ส่วนพฤติกรรมที่อาจก่อให้เกิดอุปสรรคในการทำงานกลุ่มก็ปรับลดลงเหลือเพียงร้อยละ 0-14.29

นิลุบล  สีเทพ. (2546). ผลของการเรียนแบบร่วมมือต่อผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านและพฤติกรรมทางการเรียนภาษาอังกฤษของนักเรียนโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย อุทัยธานี. สารนิพนธ์. กศ.ม. (ภาษาศาสตร์การศึกษา). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. คณะกรรมการควบคุม : อาจารย์วรรณกานต์ ลิขิตรัตนพร, อาจารย์ญาณิสา  บูรณะชัยทวี

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนโดยใช้วิธีการเรียนแบบร่วมมือ 2) ศึกษาพฤติกรรมการเรียนทักษะการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนโดยใช้วิธีการเรียนแบบร่วมมือ

กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3/2 จำนวน 29 คน จากโรงเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย อุทัยธานี ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบเจาะจง ระยะเวลาในการทดลองทั้งหมด 8คาบ คาบละ 50นาที เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านภาษาอังกฤษ 2) แบบสังเกตพฤติกรรมร่วมมือในการเรียน 3) แผนการสอนอ่านภาษาอังกฤษโดยใช้วิธีการเรียนแบบร่วมมือ

ผู้วิจัยได้ทำการทดสอบกลุ่มตัวอย่างก่อนและหลังการสอน ด้วยแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านภาษาอังกฤษ แล้วนำคะแนนมาวิเคราะห์หาค่าความแตกต่างของคะแนนโดยใช้สูตร t – test แบบ Dependent group

ผลการวิจัยพบว่า

  1. ผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนหลังการเรียนแบบร่วมมือสูงกว่าผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านภาษาอังกฤษก่อนการเรียนแบบร่วมมืออย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

  2. นักเรียนส่วนใหญ่มีพฤติกรรมต่างๆ ในด้านการร่วมมือในการเรียนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้อยู่ในระดับดี พฤติกรรมด้านการให้ความร่วมมือในการเรียนมีการพัฒนาขึ้นตามลำดับ ส่วนพฤติกรรมที่อาจก่อให้เกิดอุปสรรคในการทำงานกลุ่มก็ปรับลดลงเหลือเพียงร้อยละ 0-14.29