งานวิจัย : ปัจจัยบางประการที่ส่งผลต่อนิสัยรักการอ่านของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาในจังหวัดสระบุรี
นายถาวร บุบผาวงษ์ (2546) นิสิตปริญญาโท สาขาวิชาการวิจัยและสถิติทางการศึกษา มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒได้ทำวิจัยเรื่อง ปัจจัยบางประการที่ส่งผลต่อนิสัยรักการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาในจังหวัดสระบุรี เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามด้านความเชื่อในความสามารถของตนเอง แบบสอบถามด้านการส่งเสริมการอ่านที่บ้านของผู้ปกครอง แบบสอบถามด้านการเลี้ยงดูของผู้ปกครอง แบบสอบถามด้านการส่งเสริมการอ่านจากห้องสมุดของโรงเรียน และแบบสอบถามนิสัยรักการอ่าน ผลการวิจัย พบว่า ค่าน้ำหนักความสำคัญสัมพันธ์ของปัจจัย 4ด้านส่งผลต่อนิสัยการอ่านของนักเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และที่ส่งผลมากที่สุดคือ การส่งเสริมการอ่านที่บ้านของผู้ปกครอง (40.69%) รองลงมาตามลำดับคือ การส่งเสริมการอ่านจากห้องสมุดโรงเรียน (32.82%) การเลี้ยงดูแบบประชาธิปไตยของผู้ปกครอง (15.62%) และการเลี้ยงดูแบบเข้มงวดกวดขันของผู้ปกครอง (10.87%)
นายถาวร บุบผาวงษ์. (2546). ปัจจัยบางประการที่ส่งผลต่อนิสัยรักการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาในจังหวัดสระบุรี.ปริญญานิพนธ์กศ.ม. (การวิจัยและสถิติทางการศึกษา). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. คณะกรรมการควบคุม : รองศาสตราจารย์ ดร.บุญเชิด ภิญโญอนันตพงษ์, อาจารย์ ชวลิต รวยอาจิณ.
การวิจัยครั้งนี้มีจุดหมุ่งหมายสำคัญ เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยบางประการกับนิสัยรักการอ่านของนักเรียน กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2546 โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาในจังหวัดสระบุรี เลือกมาโดยวิธีการสุ่มแบบสองขั้นตอน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล เป็นแบบสอบถามด้านความเชื่อในความสามารถของตนเอง แบบสอบถามด้านการส่งเสริมการอ่านที่บ้านของผู้ปกครอง แบบสอบถามด้านการเลี้ยงดูของผู้ปกครอง แบบสอบถามด้านการส่งเสริมการอ่านจากห้องสมุดของโรงเรียน และแบบสอบถามนิสัยรักการอ่าน แต่ละฉบับมีค่าความเชื่อมั่น .8245,.8578,.8763,.9032 และ.8717 ตามลำดับ
ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
- ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรปัจจัยด้านความเชื่อในความสามารถของตนเองด้านการส่งเสริมการอ่านที่บ้านของผู้ปกครอง ด้านการเลี้ยงดูแบบประชาธิปไตยของผู้ปกครองด้านการเลี้ยงดูแบบเข้มงวดกวดขันของผู้ปกครอง ด้านการส่งเสริมการอ่านจากห้องสมุดของโรงเรียนมีความสัมพันธ์กับตัวแปรด้านนิสัยรักการอ่านของนักเรียนในทางบวก อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
- ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์พหุคูณระหว่างเพศ ระดับการศึกษาของผู้ปกครอง ความเชื่อในความสามารถของตนเอง การส่งเสริมการอ่านที่บ้านของผู้ปกครอง ด้านการเลี้ยงดูแบบประชาธิปไตยของผู้ปกครอง ด้านการเลี้ยงดูแบบเข้มงวดกวดขันของผู้ปกครอง การส่งเสริมการอ่านจากห้องสมุดของโรงเรียนกับนิสัยรักการอ่านมีค่า .794 และมีความสัมพันธ์กัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งส่งผลร่วมกันคิดเป็นร้อยละ 63
- ค่าน้ำหนักความสำคัญสัมพันธ์ของปัจจัย 4ด้านส่งผลต่อนิสัยการอ่านของนักเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และที่ส่งผลมากที่สุดคือ การส่งเสริมการอ่านที่บ้านของผู้ปกครอง (40.69%) รองลงมาตามลำดับคือ การส่งเสริมการอ่านจากห้องสมุดโรงเรียน (32.82%) การเลี้ยงดูแบบประชาธิปไตยของผู้ปกครอง (15.62%) และการเลี้ยงดูแบบเข้มงวดกวดขันของผู้ปกครอง (10.87%)