Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

งานวิจัย : ตัวแปรคัดสรรที่ส่งผลต่อนิสัยรักการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ในจังหวัดเชียงราย

ปราณี  รัตนัง (2541)  นิสิตปริญญาโท  คณะศิลปศาสตร์  สาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์   มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ  ได้ทำการวิจัยเรื่องตัวแปรคัดสรรที่ส่งผลต่อนิสัยรักการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1ในจังหวัดเชียงราย กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนและผู้ปกครองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1ในจังหวัดเชียงราย  จำนวน 454คน  ผลการวิจัยพบว่า 1.นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1ในจังหวัดเชียงรายโดยรวม  มีนิสัยรักการอ่านอยู่ในระดับปานกลาง 2.เปรียบเทียบนิสัยรักการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1จำแนกตามตัวแปรคัดสรร พบว่านักเรียนที่มีเพศแตกต่างกัน มีระดับคะแนนเฉลี่ยแตกต่างกัน  ผู้ปกครองมีระดับการศึกษาและรายได้แตกต่างกัน   และได้รับการส่งเสริมการอ่านที่บ้านแตกต่างกัน  มีนิสัยรักการอ่านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ   แต่นักเรียนที่มีที่อยู่อาศัยปัจจุบันแตกต่างกันมีนิสัยรักการอ่านไม่แตกต่างกัน

ปราณี  รัตนัง.  (2541).  ตัวแปรคัดสรรที่ส่งผลต่อนิสัยรักการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1ในจังหวัดเชียงราย.  ปริญญานิพนธ์ ศศ.ม. (บรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.  คณะกรรมการควบคุม : อาจารย์ นงนวล  พงษ์ไพบูลย์, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ เกสร  เจริญรักษ์.

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษานิสัยรักการอ่านของนักเรียนและเปรียบเทียบนิสัยรักการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1จำแนกตามตัวแปรคัดสรร  ได้แก่  เพศ  ระดับคะแนนเฉลี่ย  ที่อยู่อาศัยปัจจุบันของนักเรียน  และรายได้  ระดับการศึกษา  สภาพการส่งเสริมการอ่านที่บ้านของผู้ปกครอง  กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย  คือ  นักเรียนและผู้ปกครองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1ในจังหวัดเชียงราย  ซึ่งได้มาจากการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม  แบ่งโรงเรียนเป็น 2กลุ่ม  ได้แก่  โรงเรียนในเขตอำเภอเมืองและโรงเรียนในอำเภออื่นๆ แล้วสุ่มอย่างง่ายมากลุ่มละ 2โรงเรียน ได้โรงเรียนในเขตอำเภอเมือง 2 โรงเรียน  ได้แก่  โรงเรียนสามัคคี 2  โรงเรียนดอนชัยวิทยาคม  โรงเรียนในเขตอำเภออื่นๆ 2โรงเรียน  ได้แก่  โรงเรียนเทิงวิทยาคม  และโรงเรียนไม้ยาวิทยาคม  ในแต่ละโรงเรียนสุ่มนักเรียน ชั้น ม.1มาโรงเรียนละ 3ห้อง จะได้กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนและผู้ปกครองนักเรียน  จำนวน 454คน

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่  แบบสอบถาม มี 2ชุด  ชุดที่ 1เป็นแบสอบถามนิสัยรักการอ่านของนักเรียน  ซึ่งเป็นแบบสอบถามสำหรับนักเรียน  ชุดที่ 2เป็นแบบสอบถามสภาพการส่งเสริมการอ่านที่บ้านของผู้ปกครอง  ซึ่งเป็นแบบสอบถามสำหรับผู้ปกครอง  สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่  ค่าร้อยละ  ค่าเฉลี่ย  ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน  t-testและ F-test

ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้

  • 1. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1ในจังหวัดเชียงรายโดยรวม  มีนิสัยรักการอ่านอยู่ในระดับปานกลาง
  • 2. เปรียบเทียบนิสัยรักการอ่านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1จำแนกตามตัวแปรคัดสรร  พบว่า
    • 2.1  นักเรียนที่มีเพศแตกต่างกันมีนิสัยรักการอ่านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
    • 2.2  นักเรียนที่มีระดับคะแนนเฉลี่ยแตกต่างกันมีนิสัยรักการอ่านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
    • 2.3  นักเรียนที่มีที่อยู่อาศัยปัจจุบันแตกต่างกันมีนิสัยรักการอ่านไม่แตกต่างกัน
    • 2.4  นักเรียนที่ผู้ปกครองมีรายได้แตกต่างกันมีนิสัยรักการอ่านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
    • 2.5  นักเรียนที่ผู้ปกครองมีระดับการศึกษาแตกต่างกันมีนิสัยรักการอ่านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
    • 2.6  นักเรียนที่ได้รับการส่งเสริมการอ่านที่บ้านแตกต่างกันมีนิสัยรักการอ่านแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01