งานวิจัย : ความอยากรู้อยากเห็น นิสัยรักการอ่าน และคุณสมบัติส่วนตัวบางประการของนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดมาก และนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดน้อย
อังคณา กล่อมฤทธิ์ (2532)นิสิตปริญญาโท คณะศึกษาศาสตร์ สาขาวิชาบรรณารักษ์มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้ทำการวิจัยเรื่องความอยากรู้อยากเห็น นิสัยรักการอ่าน และคุณสมบัติส่วนตัวบางประการของนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดมาก และนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดน้อย กลุ่มตัวอย่างเป็น นักเรียนชั้นประถมปีที่ 5และ 6 ของโรงเรียนชุมชนประชาธิปัตย์วิทยาคาร อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี จำนวน 354คน แบ่งเป็นกลุ่มผู้เข้าใช้ห้องสมุดมากจำนวน 177คน และกลุ่มผู้เข้าใช้ห้องสมุดน้อย จำนวน 177คน ผลการวิจัยพบว่า ความอยากรู้อยากเห็นและนิสัยรักการอ่านของกลุ่มนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดมาก กลุ่มนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดน้อย และนักเรียนทั้งหมดอยู่ในระดับปานกลาง โดยสรุป นักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดมาก มีความอยากรู้อยากเห็นไม่แตกต่างจากนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดน้อย แต่มีนิสัยรักการอ่านมากกว่ากลุ่มนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดน้อย
อังคณา กล่อมฤทธิ์. (2532). ความอยากรู้อยากเห็น นิสัยรักการอ่าน และคุณสมบัติส่วนตัวบางประการของนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดมาก และนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดน้อย. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (บรรณารักษศาสตร์). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. คณะกรรมการควบคุม : อาจารย์ ดร.สุจินดา ขจรรุ่งศิลป์, รองศาสตราจารย์ นิภา ศรีไพโรจน์.
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบความอยากรู้อยากเห็น และนิสัยรักการอ่านของนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดมาก นักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดน้อย และนักเรียนทั้งหมด และเพื่อเปรียบเทียบคุณสมบัติส่วนตัวบางประการระหว่างนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดมากกับนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดน้อย รวมทั้งศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความอยากรู้อยากเห็นและนิสัยรักการอ่าน กับความถี่ในการเข้าใช้ห้องสมุดของนักเรียน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมปีที่ 5และ 6 ของโรงเรียนชุมชนประชาธิปัตย์วิทยาคาร อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี จำนวน 354คน แบ่งเป็นกลุ่มผู้เข้าใช้ห้องสมุดมากจำนวน 177คน และกลุ่มผู้เข้าใช้ห้องสมุดน้อย จำนวน 177คน โดยวิธีเรียงลำดับความถี่ในการเข้าใช้ห้องสมุดของนักเรียนชั้นประถมปีที่ 5และชั้นประถมปีที่ 6 จำนวน 708คน เป็นเวลา 2 ½เดือนแล้วคิด 25%ของความถี่สูงสุดและต่ำสุดเป็นเกณฑ์ในการแบ่งกลุ่มตัวอย่าง
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (X) และ Z-test
ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้
-
ความอยากรู้อยากเห็นของกลุ่มนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดมาก กลุ่มนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดน้อย และนักเรียนทั้งหมดอยู่ในระดับปานกลาง (36.1694, 36.2316 และ 36.5738 ตามลำดับ)
-
นิสัยรักการอ่านของกลุ่มตัวอย่างที่เข้าใช้ห้องสมุดมากอยู่ในระดับมาก (3.5217) ส่วนกลุ่มนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดน้อย และนักเรียนทั้งหมดอยู่ในระดับปานกลาง (3.2783, 3.3412 ตามลำดับ)
-
ความอยากรู้อยากเห็นระหว่างกลุ่มนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดมาก กลุ่มนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดน้อย และนักเรียนทั้งหมดแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
-
นิสัยรักการอ่านของกลุ่มนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดมาก กับนักเรียนทั้งหมดแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
-
นิสัยรักการอ่านของกลุ่มนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดน้อยกับนักเรียนทั้งหมดแตกต่างกันอย่างไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ
-
นิสัยรักการอ่านระหว่างกลุ่มนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดมาก กับกลุ่มนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดน้อย แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
-
โดยสรุป นักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดมาก มีความอยากรู้อยากเห็นไม่แตกต่างจากนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดน้อย แต่มีนิสัยรักการอ่านมากกว่ากลุ่มนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดน้อย
-
คุณสมบัติส่วนตัวบางประการที่เกี่ยวข้องกับการอ่านของกลุ่มนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดมาก และกลุ่มนักเรียนที่เข้าใช้ห้องสมุดน้อยกว่า
8.1คุณสมบัติที่ใกล้เคียงกัน ได้แก่ อาชีพของบิดามารดา โดยบิดามีอาชีพรับจ้างและมารดามีอาชีพค้าขายเป็นส่วนใหญ่ นักเรียนส่วนมากต้องช่วยผู้ปกครองทำงานบ้าน สิ่งพิมพ์ที่ชอบอ่านเป็นอันดับ 1คือ นิทาน อันดับ 2คือ การ์ตูน นักเรียนมีหนังสือที่ไม่ใช่แบบเรียนในครอบครอง 1-20เล่ม สิ่งที่เป็นอุปสรรคในการอ่าน คือ ไม่มีเวลาว่างพอที่จะอ่านหนังสือ กิจกรรมที่ผู้ปกครองส่งเสริมให้ทำมากที่สุด คือ อ่านหนังสือเรียน ทำการบ้าน
8.2คุณสมบัติที่ต่างกัน คือ กลุ่มผู้เข้าใช้ห้องสมุดมากจะเข้าใช้ห้องสมุดเมื่อว่างจากกิจกรรมอื่น ส่วนกลุ่มผู้เข้าใช้ห้องสมุดน้อยจะเข้าใช้ห้องสมุดเมื่อครูสั่งให้เข้าค้นคว้าทำรายงาน งานอดิเรกที่กลุ่มผู้เข้าใช้ห้องสมุดมากชอบเป็นอับดับ 1, 2 และ 3คือ อ่านหนังสือ ดูโทรทัศน์ และวาดรูป ตามลำดับ ส่วนกลุ่มผู้เข้าใช้ห้องสมุดน้อยชอบดูโทรทัศน์ อ่านหนังสือ และไปเที่ยว เป็นอันดับ 1, 2และ 3ตามลำดับ