งานวิจัย : ความสามารถในการอ่านและการเขียนคำถูกอักขรวิธีของนักเรียน
เกศแก้ว เพ็งพริ้ง (2547) นิสิตปริญญาโท สาขาวิชาภาษาไทย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้ทำวิจัยเรื่อง ความสามารถในการอ่านและการเขียนคำถูกอักขรวิธีของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน โดยศึกษาเปรียบเทียบความสามารถจำแนกตามกลุ่มแผนการเรียนและเพศ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบทดสอบความสามารถการอ่านคำถูกอักขรวิธีจำนวน 30 ข้อ และแบบทดสอบความสามารถการเขียนคำถูกอักขรวิธี จำนวน 30ข้อ ผลการวิจัยพบว่า ระดับความสามารถของนักเรียนทั้งในการอ่านคำถูกอักขรวิธี การเขียนคำถูกอักขรวิธีและความสามารถโดยรวมการอ่านคำกับการเขียนคำถูกอักขรวิธีอยู่ในระดับปานกลาง นักเรียนกลุ่มแผนการเรียนต่างกันมีความสามารถการอ่านคำถูกอักขรวิธีแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 ส่วนนักเรียนที่มีเพศต่างกันมีความสามารถการอ่านคำ การเขียนคำถูกอักขรวิธีและโดยรวมการอ่านคำและการเขียนคำถูกอักขรวิธี แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
เกศแก้ว เพ็งพริ้ง. (2547). ความสามารถในการอ่านและการเขียนคำถูกอักขรวิธีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน. สารนิพนธ์ กศ.ม. (ภาษาไทย). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. อาจารย์ที่ปรึกษาสารนิพนธ์ : รองศาสตราจารย์อัครา บุญทิพย์.
การวิจัยในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อศึกษาระดับความสามารถในการอ่านคำและการเขียนคำถูกอักขรวิธีของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน ปีการศึกษา 2546 และศึกษาเปรียบเทียบความสามารถจำแนกตามกลุ่มแผนการเรียนและเพศ
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบทดสอบความสามารถการอ่านคำถูกอักขรวิธีจำนวน 30 ข้อ และแบบทดสอบความสามารถการเขียนคำถูกอักขรวิธี จำนวน 30ข้อ ที่สร้างจากคำที่มักอ่านและเขียนผิดอักขรวิธี คัดเลือกโดยผู้เชี่ยวชาญภาษาไทยที่สอนในระดับอุดมศึกษาและมัธยมศึกษา สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าร้อยละของคะแนนเฉลี่ย ค่าร้อยละของการแจกแจงความถี่ ค่า F-test (แบบ One-Way ANOVA) และค่า t-test
ผลการวิจัยพบว่า ระดับความสามารถของนักเรียนทั้งในการอ่านคำถูกอักขรวิธี การเขียนคำถูกอักขรวิธีและความสามารถโดยรวมการอ่านคำกับการเขียนคำถูกอักขรวิธีอยู่ในระดับปานกลาง
นักเรียนกลุ่มแผนการเรียนต่างกันมีความสามารถการอ่านคำถูกอักขรวิธีแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 โดยนักเรียนกลุ่มแผนการเรียนที่ 1 (คณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์) มีความสามารถอ่านคำถูกอักขรวิธีสูงกว่านักเรียนกลุ่มแผนการเรียนที่ 2(คณิตศาสตร์-ภาษาอังกฤษ กับ ภาษาอังกฤษ-คณิตศาสตร์ ก) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 นักเรียนกลุ่มแผนการเรียนต่างกัน มีความสามารถการเขียนคำถูกอักขรวิธีไม่แตกต่างกัน นักเรียนกลุ่มแผนการเรียนต่างกัน มีความสามารถโดยรวมการอ่านคำกับการเขียนคำถูกอักขรวิธีแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยนักเรียนกลุ่มแผนการเรียนที่ 1 (คณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์) มีความสามารถโดยรวมการอ่านคำกับการเขียนคำถูกอักขรวิธีสูงกว่านักเรียนกลุ่มแผนการเรียนที่ 2 (คณิตศาสตร์-ภาษาอังกฤษ กับ ภาษาอังกฤษ-คณิตศาสตร์ ก) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
เพศต่างกันมีความสามารถการอ่านคำ การเขียนคำถูกอักขรวิธีและโดยรวมการอ่านคำและการเขียนคำถูกอักขรวิธี แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยนักเรียนหญิงมีความสามารถการอ่านคำถูกอักขรวิธีสูงกว่านักเรียนชายอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และนักเรียนหญิงมีความสามารถการเขียนคำถูกอักขรวิธี และมีความสามารถโดยรวมการอ่านกับการเขียนคำถูกอักขรวิธีสูงกว่านักเรียนชายอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 การให้เหตุผลในการตอบถูกหรือผิด พบว่านักเรียนที่ตอบถูกให้เหตุผลได้ดีกว่าคนที่ตอบผิด