มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน | Reading Culture Promotion Program

งานวิจัย : ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายกรุงเทพมหานคร

ทัศพร วทานิยานนท์(2542) นิสิตปริญญาโท  คณะครุศาสตร์  สาขาวิชาโสตทัศนศึกษา  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ได้ทำการวิจัยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายกรุงเทพมหานคร  กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนมัธยมศึกษาเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 993 คน ผลการวิจัยพบว่า   พฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของนักเรียนที่พบมากที่สุดคือ ใช้อินเทอร์เน็ต 1 เดือน ถึง 1 ปี ใช้มากในวันจันทร์ถึงวันศุกร์  สัปดาห์ละ 1-5 ชั่วโมง เวลาที่ใช้มากที่สุด คือ เวลา 20.00 ถึงเวลา 22.59 น. โดยใช้ตามลำพังที่บ้านตนเอง บริการที่เลือกใช้มากที่สุดคือ บริการสืบค้นข้อมูล (WWW) เพื่อหาข้อมูลความรู้ทั่วไป เพื่อความบันเทิง  ส่วนในการหาความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของนักเรียนกับผลการเรียนเฉลี่ย พบพฤติกรรมที่มีความสัมพันธ์ทางบวก 3 อันดับแรก ได้แก่ การใช้อินเทอร์เน็ตที่บ้านตนเอง การใช้ WWW ศึกษาค้นคว้าประกอบการเรียนและการติดต่อกับเพื่อนต่างประเทศ/ในประเทศทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ และพบพฤติกรรมที่มีความสัมพันธ์ทางลบ 3 อันดับแรก ได้แก่นักเรียนใช้อินเทอร์เน็ตที่บ้านเพื่อน การใช้อินเทอร์เน็ตกับเพื่อน และการเลือกเนื้อหาเว็บไซด์กีฬา 

ทัศพร วทานิยานนท์.  (2542).  ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย กรุงเทพมหานคร.  ค.ม. (โสตทัศนศึกษา).  กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.  อาจารย์ที่ปรึกษา:รศ.ดร.อรจรีย์ ณ ตะกั่วทุ่ง.

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย 2) ความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตกับผลการเรียนเฉลี่ยและคะแนนวิชาภาษาอังกฤษมาตรฐานพื้นฐาน และ 3) ศึกษาพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตที่ร่วมกันอธิบายความแปรปรวนของผลการเรียนเฉลี่ยและคะแนนภาษาอังกฤษมาตรฐานพื้นฐาน กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนมัธยมศึกษาเขตกรุงเทพมหานครในปีการศึกษา 2542 จำนวน 993 คน 

ผลการวิจัยพบว่า 

  1. พฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในกรุงเทพมหานครที่พบมากที่สุดคือ นักเรียนใช้อินเทอร์เน็ต 1 เดือน ถึง 1 ปี ใช้มากในวันจันทร์ ถึงวันศุกร์สัปดาห์ละ 1-5 ชั่วโมง เวลาที่ใช้มากที่สุด คือ เวลา 20.00 ถึงเวลา 22.59 น. โดยใช้ตามลำพังที่บ้านตนเอง บริการที่เลือกใช้มากที่สุดคือ บริการสืบค้นข้อมูล (WWW) เพื่อหาข้อมูลความรู้ทั่วไป เพื่อความบันเทิง เนื้อหาในเว็บไซต์ที่เลือกมากที่สุดคือ เพลง ใช้ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อส่งจดหมายให้เพื่อน ใช้บริการสนทนาเพื่อคุยกับเพื่อน และใช้บริการถ่ายโอนแฟ้มเพลงมากที่สุด 

  2. ในการหาความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของนักเรียนกับผลการเรียนเฉลี่ย พบพฤติกรรมที่มีความสัมพันธ์ทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จำนวน 12 พฤติกรรม3 อันดับแรก ได้แก่ การใช้อินเทอร์เน็ตที่บ้านตนเอง การใช้ WWW ศึกษาค้นคว้าประกอบการเรียนและการติดต่อกับเพื่อนต่างประเทศ/ในประเทศทางไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ และพบพฤติกรรมที่มีความสัมพันธ์ทางลบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จำนวน 28 พฤติกรรม 3 อันดับแรก ได้แก่นักเรียนใช้อินเทอร์เน็ตที่บ้านเพื่อน การใช้อินเทอร์เน็ตกับเพื่อน และการเลือกเนื้อหาเว็บไซด์กีฬา

  3. ในการหาความสัมพันธ์ระหว่างพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของนักเรียนกับคะแนนวิชาภาษาอังกฤษมาตรฐานพื้นฐาน พบพฤติกรรมที่มีความสัมพันธ์ทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05จำนวน 21 พฤติกรรม 3 อันดับแรก ได้แก่ การใช้อินเทอร์เน็ตที่บ้านตนเอง การใช้ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์และการใช้ WWW พัฒนาทักษะการอ่าน/เขียนภาษาอังกฤษ และพบพฤติกรรมที่มีความสัมพันธ์ทางลบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จำนวน 18 พฤติกรรม 3 อันดับแรก ได้แก่ นักเรียนใช้อินเทอร์เน็ตกับเพื่อน การใช้อินเทอร์เน็ตที่บ้านเพื่อน และการใช้อินเทอร์เน็ตของกลุ่มข่าว 

  4.  ผลการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบปกติ พบพฤติกรรมที่ร่วมกันทำนายผลการเรียนเฉลี่ยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 13 ตัว เป็นพฤติกรรมที่มีความสัมพันธ์ทางบวก 5 ตัวและเป็นพฤติกรรมที่มีความสัมพันธ์ทางลบ 8 ตัว ชุดของพฤติกรรมทั้งหมดร่วมกันอธิบายความแปรปรวนของผลการเรียนเฉลี่ยได้ร้อยละ 21.60 และพบพฤติกรรมที่ร่วมกันทำนายคะแนนวิชาภาษาอังกฤษมาตรฐานพื้นฐานจำนวน 10 ตัว เป็นพฤติกรรมที่มีความสัมพันธ์ทางบวก 5 ตัว และเป็นพฤติกรรมที่มีความสัมพันธ์ทางลบ 5 ตัว ชุดของพฤติกรรมทั้งหมดร่วมกันอธิบายความแปรปรวนของคะแนนวิชาภาษาอังกฤษมาตรฐานพื้นฐานได้ร้อยละ 19.80

  5. ผลการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบเพิ่มตัวแปรเป็นชั้น พบพฤติกรรมที่ร่วมกันทำนายผลการเรียนเฉลี่ยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 16 ตัว ชุดของพฤติกรรมทั้งหมดร่วมกันอธิบายความแปรปรวนของผลการเรียนเฉลี่ยได้ร้อยละ 21.70 และพบพฤติกรรมที่ร่วมกันทำนายคะแนนวิชาภาษาอังกฤษมาตรฐานพื้นฐานจำนวน 17 ตัว ชุดของพฤติกรรมทั้งหมดร่วมกันอธิบายความแปรปรวนของคะแนนวิชาภาษาอังกฤษมาตรฐานพื้นฐานได้ร้อยละ 20.40