Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

งานวิจัย : การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ในการอ่านจับใจความภาษาไทย และเจตคติต่อวิชาภาษาไทยของนักศึกษาการศึกษานอกโรงเรียน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น

เอกชัย ยุติศรี. (2550). นิสิตปริญญาโท สาขาการจัดการการเรียนรู้ มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ได้ทำการวิจัยเรื่อง การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ในการอ่านจับใจความภาษาไทย และเจตคติต่อวิชาภาษาไทยของนักศึกษาการศึกษานอกโรงเรียน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ระหว่างกลุ่มที่เรียนโดยกระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ กับการเรียนด้วยตนเอง กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอพระนครศรีอยุธยา จำนวน 2 กลุ่ม รวม 56 คน แบ่งเป็นกลุ่มทดลองที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยกระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ และกลุ่มควบคุม ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยการเรียนด้วยตนเอง ระยะเวลาในการทดลอง 18 ชั่วโมง ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ในการอ่านจับใจความภาษาไทย และเจตคติต่อวิชาภาษาไทยของกลุ่มที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยกระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ สูงกว่ากลุ่มที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยการเรียนด้วยตนเอง อย่างมี นัยสำคัญทางสถิติ

เอกชัย ยุติศรี. (2550). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ในการอ่านจับใจความภาษาไทย และเจตคติต่อวิชาภาษาไทยของนักศึกษาการศึกษานอกโรงเรียน ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ระหว่างกลุ่มที่เรียนโดยกระบวนการกลุ่มสัมพันธ์กับการเรียนด้วยตนเอง.วิทยานิพนธ์ (สาขาการจัดการการเรียนรู้). พระนครศรีอยุธยา: มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา. อาจารย์ที่ปรึกษา : รองศาสตราจารย์ ดร.วิชา ทรวงแสวง, รองศาสตราจารย์ ดร.สมพร แมลงภู่.

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ในการอ่านจับใจความภาษาไทยและเจตคติต่อวิชาภาษาไทยของนักศึกษาการศึกษานอกโรงเรียนรดับมัธยมศึกษาตอนต้น ระหว่างกลุ่มที่เรียนโดยกระบวนการกลุ่มสัมพันธ์กับการเรียนด้วยตนเอง กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนอำเภอพระนครศรีอยุธยา ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2550 จำนวน 2 กลุ่ม รวม 56 คน เป็นกลุ่มตามสภาพจริง จับฉลากเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม  โดยกลุ่มทดลองได้รับการจัดการเรียนรู้โดยกระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ กลุ่มควบคุม ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยการเรียนด้วยตนเอง ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง 18 ชั่วโมง ใช้รูปแบบ การวิจัยกึ่งทดลอง มีกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม ทั้งสองกลุ่มสอบก่อนการทดลองและหลังการทดลอง วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้การวิเคราะห์ความแปรปรวนร่วมแบบหลายตัวแปร (MANCOVA) โดยใช้ความถนัดทางการเรียนเป็นตัวแปรร่วม

ผลการวิจัยพบว่า

  1. ผลสัมฤทธิ์ในการอ่านจับใจความภาษาไทยของกลุ่มที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยกระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ สูงกว่ากลุ่มที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยการเรียนด้วยตนเอง อย่างมี นัยสำคัญทางสถิติ
  2. เจตคติต่อวิชาภาษาไทยของกลุ่มที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยกระบวนการกลุ่มสัมพันธ์ สูงกว่ากลุ่มที่ได้รับการจัดการเรียนรู้โดยการเรียนด้วยตนเอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ