งานวิจัย : การศึกษาเปรียบเทียบระดับความยากง่ายต่อการอ่านของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์และเดอะเนชั่น
กิตติพงษ์ ทวีวงษ์(2537) นิสิตปริญญาโทสาขาวิชาการหนังสือพิมพ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการวิจัยเรื่อง การศึกษาเปรียบเทียบระดับความยากง่ายต่อการอ่านของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์และเดอะเนชั่น ตัวอย่างข้อเขียนที่สุ่มเลือกมาศึกษามีจำนวน 409 ชิ้น แต่ละตัวอย่างประกอบด้วยคำประมาณ 100 คำจากข่าวและบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ทั้งสองฉบับ (บางกอกโพสต์ 199 และเดอะเนชั่น 210) ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2535 ถึงมิถุนายน พ.ศ.2536 ผลการวิจัยพบว่า เนื้อหาส่วนใหญ่ของหนังสือพิมพ์ทั้งสองในช่วงที่ศึกษามีความยากต่อการอ่านโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับ "ยาก" ตามมาตรฐานของเฟลชและยากในระดับมหาวิทยาลัยปีที่ 1 ของสหรัฐฯตามมาตรฐานของกันนิ่ง ค่าเฉลี่ยระดับความยากง่ายต่อการอ่านระหว่างเนื้อหาของบางกอกโพสต์และเดอะเนชั่น ไม่มีความแตกต่าง "ข่าวเบา" (ข่าวกีฬาและข่าวบันเทิง-สังคม) โดยเฉลี่ยง่ายต่อการอ่านมากกว่า "ข่าวหนัก" (ข่าวการเมืองและข่าวเศรษฐกิจ) ข้อเขียนจากเรื่องที่มาจากสำนักข่าวต่างประเทศโดยเฉลี่ยง่ายต่อการอ่านมากกว่าเรื่องที่เขียนโดยนักเขียนของหนังสือพิมพ์
กิตติพงษ์ ทวีวงษ์. (2537). การศึกษาเปรียบเทียบระดับความยากง่ายต่อการอ่านของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์และเดอะเนชั่น. วิทยานิพนธ์ น.ม. (การหนังสือพิมพ์). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. อาจารย์ที่ปรึกษา : รศ.ดร.พีระ จีรโสภณ.
การวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อประเมินระดับความยากง่ายต่อการอ่านของข่าวและบทบรรณาธิการในหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษบางกอกโพสต์และเดอะเนชั่นโดยใช้ "สูตรประเมินระดับความยากง่ายต่อการอ่าน" (readability formula)ของรูดอล์ฟ เฟลช (Rudolf Flesch) และโรเบิร์ต กันนิ่ง (Robert Gunning) ตัวอย่างข้อเขียนที่สุ่มเลือกมาศึกษามีจำนวน 409 ชิ้น แต่ละตัวอย่างประกอบด้วยคำประมาณ 100 คำจากข่าวและบทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ทั้งสองฉบับ (บางกอกโพสต์ 199 และเดอะเนชั่น 210) ในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2535 ถึงมิถุนายน พ.ศ.2536 แต่ละตัวอย่างถูกนำมาคำนวณระดับความยากง่ายต่อการอ่านตามสูตรของเฟลชและกันนิ่ง สูตรทั้งสองมีวิธีการคำนวณต่างกัน แต่ต่างก็คำนึงถึงปัจจัย 2 ตัวคือ ความยาวของคำและความยาวของประโยค การวิเคราะห์และนำเสนอข้อมูลให้ความถี่ ร้อยละ และค่าเฉลี่ยส่วนการทดสอบสมมุติฐานใช้ t-test และการคำนวณค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์
ผลการวิจัยพบว่า เนื้อหาส่วนใหญ่ของหนังสือพิมพ์ทั้งสองในช่วงที่ศึกษามีความยากต่อการอ่านโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับ "ยาก" ตามมาตรฐานของเฟลชและยากในระดับมหาวิทยาลัยปีที่ 1 ของสหรัฐฯตามมาตรฐานของกันนิ่ง ผลการทดสอบสมมุติฐานเป็นดังนี้
- ค่าเฉลี่ยระดับความยากง่ายต่อการอ่านระหว่างเนื้อหาของบางกอกโพสต์และเดอะเนชั่น ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
- "ข่าวเบา" (ข่าวกีฬาและข่าวบันเทิง-สังคม) โดยเฉลี่ยง่ายต่อ การอ่านมากกว่า "ข่าวหนัก" (ข่าวการเมืองและข่าวเศรษฐกิจ) โดยมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001
- ข้อเขียนจากเรื่องที่มาจากสำนักข่าวต่างประเทศโดยเฉลี่ยง่ายต่อ การอ่านมากกว่าเรื่องที่เขียนโดยนักเขียนของหนังสือพิมพ์ (มีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5).
- ค่าเฉลี่ยของระดับความยากง่ายต่อการอ่านระหว่างบทบรรณาธิการและ "ข่าวหนัก" ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
- ผลการคำนวณโดยใช้สูตรของเฟลชกับสูตรของกันนิ่งมีความสอดคล้องกัน โดยมีสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อยู่ระหว่าง .64 ถึง .84 ความสัมพันธ์ดังกล่าวมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001