Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

งานวิจัย : การศึกษาผลสัมฤทธิ์การอ่านจับใจความภาษาอังกฤษของนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

อัศวิน มณีราษฎร์. (2551). นิสิตปริญญาโท สาขาการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ได้ศึกษาผลสัมฤทธิ์การอ่านจับใจความภาษาอังกฤษของนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1ที่มีผลการเรียนวิชาการอ่านภาษาอังกฤษต่ำกว่าเกณฑ์โดยใช้บทเรียนอิเล็กทรอนิกส์กลุ่มตัวอย่างคือ นักเรียนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ของโรงเรียนอัสสัมชัญ เขตบางรัก จังหวัดกรุงเทพฯมีผลการเรียนวิชาการอ่านภาษาอังกฤษต่ำกว่าเกณฑ์ จำนวน 30 คน โดยให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน ก่อนแล้วจึงเรียนบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ทางอินเตอร์เน็ทที่บ้าน เริ่มจากการศึกษาวิธีการอ่านก่อนแล้ว จึงฝึกอ่านบทอ่านครั้งละ 2 บทเรียน จำนวน 6 บทเรียน ใช้เวลาเรียนทั้งสิ้น 4 สัปดาห์ แล้วจึงทำการทดสอบหลังเรียนอีกครั้ง แล้วทำการเปรียบเทียบผลที่ได้หลังเรียนกับก่อนเรียน ผลวิจัยพบว่า 1. เมื่อเรียนด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์แล้วผู้เรียนมีผลการเรียนดีขึ้น โดยมีค่าความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติของคะแนนก่อนและหลังเรียนอยู่ในระดับ.05 2. ผู้เรียนมีความพึงพอใจในการเรียนด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์อยู่ในระดับ ‘มาก’ แสดงว่kบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์สามารถสร้างแรงจูงใจให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนได้อยู่ในระดับ ‘มาก’  3. บทเรียนอิเล็กทรอนิกส์สามารถใช้เป็นวิธีการเรียนการสอนการอ่านภาษาอังกฤษในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีผลการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจำนวนนักเรียนที่มีพัฒนาการในการอ่านจับใจความภาษาอังกฤษถึงระดับผ่านเกณฑ์คิดเป็น 60% ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด โดยมีคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนทั้งหมดคิดเป็น 51%

อัศวิน มณีราษฎร์. (2551). การศึกษาผลสัมฤทธิ์การอ่านจับใจความภาษาอังกฤษของนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1ที่มีผลการเรียนวิชาการอ่านภาษาอังกฤษต่ำกว่าเกณฑ์โดยใช้
บทเรียนอิเล็กทรอนิกส์. สารนิพนธ์ ศ.ศ.ม. (การสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ) กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. คณะกรรมการควบคุม: อาจารย์ ดร. อรพรรณ วีระวงศ์.

การศึกษาในครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อ

  1. ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้บทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (E- Learning) ในการสอนทักษะ การอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีผลการเรียน
    วิชาการอ่านภาษาอังกฤษต่ำกว่าเกณฑ์ ของโรงเรียนอัสสัมชัญ เพื่อใช้ผลที่ได้จากการศึกษาในครั้งนี้ เป็นแนวทางอันหนึ่ง ในการจัดการเรียนการสอนให้กับนักเรียนที่มีผลการเรียนการอ่านภาษาอังกฤษต่ำกว่าเกณฑ์คนอื่นๆ ต่อไป
  2. ศึกษาความพึงพอใจของผู้เรียนในการเรียนด้วยสื่อบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ ประชากร กลุ่มทดลอง

กลุ่มตัวอย่างประชากรที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าการสอนทักษะการอ่านด้วยสื่อบทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ครั้งนี้ได้แก่นักเรียนในช่วงชั้นที่ 3 ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนอัสสัมชัญ
เขตบางรัก จังหวัดกรุงเทพฯ ที่เรียนวิชาภาษาอังกฤษพื้นฐาน โดยการสุ่มเลือกนักเรียนที่มีผลการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ จำนวน 30 คน จากจำนวนนักเรียน 450 คน จาก 10 ห้องเรียน

วิธีดำเนินการทดลอง

ในการวิจัยครั้งนี้ ได้กระทำโดยให้นักเรียนกลุ่มทดลอง จำนวน 30 คน ที่มีผลการเรียนการอ่านภาษาอังกฤษต่ำกว่าเกณฑ์ทำแบบทดสอบก่อนเรียน ก่อนแล้วจึงเรียนบทเรียน
อิเล็กทรอนิกส์ทางอินเตอร์เน็ทที่บ้าน โดยเริ่มจากการศึกษาวิธีการอ่านก่อนแล้ว จึงฝึกอ่านบทอ่าน ครั้งละ 2 บทเรียน จำนวน 6 บทเรียน ใช้เวลาเรียนทั้งสิ้น 4 สัปดาห์ แล้วจึงทำการทดสอบหลังเรียนอีกครั้ง แล้วทำการเปรียบเทียบผลที่ได้หลังเรียนกับก่อนเรียน

เครื่องมือที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล

แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์การอ่านจับใจความภาษาอังกฤษ (Pretest – Posttest) บทเรียนอิเล็กทรอนิกส์ (E – Learning) และวิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ t – test for Dependent samples

ผลการศึกษาพบว่า

  1. นักเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์การอ่านจับใจความภาษาอังกฤษต่ำกว่าเกณฑ์ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เมื่อเรียนด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์ แล้วสามารถสรุปผลได้ว่า ผู้เรียนมีผลการเรียนดีขึ้น โดยมีค่าความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติของคะแนนก่อนและหลังเรียนอยู่ในระดับ .05
  2. ผู้เรียนมีความพึงพอใจในการเรียนด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์อยู่ในระดับ ‘มาก’ ซึ่งแสดงว่าผู้เรียนชอบการเรียนด้วยสื่ออิเล็กทรอนิกส์นี้ บทเรียนอิเล็กทรอนิกส์สามารถสร้างแรงจูงใจให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนได้อยู่ในระดับ ‘มาก’
  3. บทเรียนอิเล็กทรอนิกส์สามารถใช้เป็นวิธีการเรียนการสอนการอ่านภาษาอังกฤษ ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีผลการเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คิดเป็นจำนวน นักเรียนที่มีพัฒนาการในการอ่านจับใจความภาษาอังกฤษถึงระดับผ่านเกณฑ์ 60% ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด โดยมีคะแนนเฉลี่ยของนักเรียนทั้งหมดคิดเป็น 51%