Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

งานวิจัย : การศึกษากลวิธีในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษแตกต่างกัน

ดวงพร  จริจิตไพบูลย์ (2545) นิสิตปริญญาโท  คณะครุศาสตร์  สาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษ  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ได้ทำการวิจัยเรื่อง การศึกษากลวิธีในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่5 ที่มีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษแตกต่างกัน  กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียน แผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ ในโรงเรียนสังกัดกรมสามัญศึกษา  กรุงเทพมหานคร จำนวน 48 คน ซึ่งแบ่งเป็น 2 กลุ่ม  คือ  กลุ่มที่มีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษสูง และกลุ่มที่มีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษต่ำ กลุ่มละ 24 คน ผลการวิจัยพบว่า  นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ทั้งสองกลุ่มใช้กลวิธีในการอ่านภาษาอังกฤษด้านความรู้ความคิดมากที่สุด และใช้กลวิธีในการอ่านภาษาอังกฤษด้านอารมณ์และจิตใจน้อยที่สุด  แต่พบว่านักเรียนที่มีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษสูงและต่ำมีการใช้กลวิธีในการอ่านภาษาอังกฤษด้านความรู้ความคิด ด้านอภิปัญญา และด้านการชดเชย  แตกต่างกัน 

ดวงพร จริจิตไพบูลย์.  (2545).  การศึกษากลวิธีในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่5 ที่มีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษแตกต่างกัน.  ค.ม. (การสอนภาษาอังกฤษ). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.  อาจารย์ที่ปรึกษา:ผศ.ดร.สุมาลี ชิโนกุลผศ ดร.อัมพร ม้าคนอง.

 

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษากลวิธีในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษแตกต่างกัน และ 2) เพื่อเปรียบเทียบกลวิธีในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษแตกต่างกัน ตัวอย่างประชากรคือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 แผนการเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ ในโรงเรียนสังกัดกรมสามัญศึกษา กรุงเทพมหานครในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา2545 จำนวน 397 คน ซึ่งผู้วิจัยได้จำแนกตัวอย่างประชากรออกเป็น 2 กลุ่ม ตามความสามารถในอ่านภาษาอังกฤษ คือ กลุ่มที่มีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษสูงจำนวน24 คน และกลุ่มที่มีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษต่ำจำนวน 24 คน รวมจำนวนทั้งสิ้น 48 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ แบบสอบวัดความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษเพื่อความเข้าใจที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น และได้รับการตรวจแก้ไขจากผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน ผู้วิจัยทำการเก็บรวบรวมข้อมูลกับกลุ่มตัวอย่างประชากรดังกล่าวโดยใช้วิธีการรายงานตนเองออกมาเป็นคำพูด (Self-reports) แบบแสดงความคิดย้อนหลังออกมาเป็นคำพูด (Retrospective technique) ซึ่งผู้วิจัยได้ทำการบันทึกเทปข้อมูล และถอดเทปข้อมูลผู้วิจัยและผู้ช่วยวิจัยอีก 1 ท่าน นำข้อมูลมาวิเคราะห์กลวิธีในการอ่านภาษาอังกฤษหาค่ามัชฌิมเลขคณิต ความถี่ ร้อยละ ผู้วิจัยใช้สถิติทดสอบไค-สแควร์ เพื่อทดสอบสมมติฐาน

ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 

  1. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ใช้กลวิธีในการอ่านภาษาอังกฤษด้านความรู้ความคิดมากที่สุด และใช้กลวิธีในการอ่านภาษาอังกฤษด้านอารมณ์และจิตใจน้อยที่สุด และเมื่อจำแนกตามความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษ พบว่านักเรียนที่มีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษทั้งในกลุ่มสูงและกลุ่มต่ำใช้กลวิธีเช่นเดียวกัน คือ ใช้กลวิธีในการอ่านภาษาอังกฤษด้านความรู้ความคิดมากที่สุด และใช้กลวิธีในการอ่านภาษาอังกฤษด้านอารมณ์และจิตใจน้อยที่สุด 
  2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่มีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษแตกต่างกันใช้กลวิธีในการอ่านภาษาอังกฤษแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 โดยนักเรียนที่มีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษสูงและต่ำมีการใช้กลวิธีในการอ่านภาษาอังกฤษด้านความรู้ความคิด ด้านอภิปัญญา และด้านการชดเชย แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05