งานวิจัย : การพัฒนาแบบฝึกการอ่านจับใจความสำคัญสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3
ศศิธร อินตุ่น (2535) นักศึกษาปริญญาโท ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาการประถมศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ทำวิจัยเรื่องการพัฒนาแบบฝึกการอ่านจับใจความสำคัญสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนโรงเรียนยางคราม สังกัดเชียงใหม่ โดยได้นำแบบฝึกไปทดลองใช้ 3 ครั้ง และทำการหาประสิทธิภาพของแบบฝึกพร้อมกับสังเกตพฤติกรรมผลการวิจัยพบว่า 1) แบบฝึกหัดการอ่านจับใจความสำคัญที่สร้างขึ้น มีประสิทธิภาพ 83.33/84.33 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้ และนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกนี้มีความสนใจ กระตือรือร้นในการทำแบบฝึก 2)คะแนนเฉลี่ยของการทดสอบก่อนเรียน หลังเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
ศศิธร อินตุ่น.(2535).การพัฒนาแบบฝึกการอ่านจับใจความสำคัญสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3.วิทยานิพนธ์ ศศ.ม.(การประถมศึกษา) เชียงใหม่: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. คณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์:อาจารย์ ดร. วิรัตน์ไวยกุล,รองศาสตราจารย์วีณา วโรตมะวิชญ, รองศาสตราจารย์ ดร. สุธรรม์ จันทน์หอม
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและหาประสิทธิภาพของแบบฝึกการอ่านจับใจความสำคัญ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ตามเกณฑ์การหาประสิทธิภาพ 80/80 รวมถึงการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกนี้ด้วย กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยคือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3ปีการศึกษา 2534 กลุ่มโรงเรียนยางคราม สังกัดสำนักงานการประถมศึกษา อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ โดยได้นำแบบฝึกไปทดลองใช้ 3 ครั้ง ครั้งแรกเป็นการทดลองแบบหนึ่งต่อหนึ่ง โดยใช้ผู้เรียนที่มีระดับผลการเรียนปานกลาง จำนวน 2 คน จากโรงเรียนวัดสันพระเจ้า ครั้งที่ 2 เป็นการทดลองแบบกลุ่มเล็กกับนักเรียน โรงเรียนวัดหนองหลั้วที่มีผลการเรียนเก่ง ปานกลาง อ่อน จำนวน 10 คน ทั้งสองครั้งเป็นการทดลองเพื่อการปรับปรุงแบบฝึกการอ่านส่วนการทดลองครั้งที่ 3 เป็นการทดลองภาคสนามกับนักเรียนโรงเรียนกรป. กลางอุปถัมภ์ จำนวน 30คน และทำการหาประสิทธิภาพของแบบฝึกพร้อมกับสังเกตพฤติกรรม
ผลการวิจัยพบว่า
-
แบบฝึกหัดการอ่านจับใจความสำคัญที่สร้างขึ้น มีประสิทธิภาพ 83.33/84.33 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่ตั้งไว้ และนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกนี้มีความสนใจ กระตือรือร้นในการทำแบบฝึก
-
คะแนนเฉลี่ยของการทดสอบก่อนเรียน หลังเรียน แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งแสดงว่าแบบฝึกการอ่านใจความสำคัญสามารถพัฒนาความรู้ ความสามารถในการอ่านจับใจความสำคัญได้
-