Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

งานวิจัย : การพัฒนาบทเรียนที่ใช้กลยุทธ์ในการอ่านเพื่อส่งเสริมความสามารถทางการอ่านวรรณคดีและระดับการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมของนักศึกษาชั้นปีที่ 3 สถาบันราชภัฎเชียงใหม่

สุกัญญา  เกาะวิวัฒนากุล (2543) นักศึกษาปริญญาโท ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาการสอนภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ทำวิจัยเรื่องการพัฒนาบทเรียนที่ใช้กลยุทธ์ในการอ่านเพื่อส่งเสริมความสามารถทางการอ่านวรรณคดีและระดับการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมของนักศึกษาชั้นปีที่ 3สถาบันราชภัฎเชียงใหม่ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3คณะมนุษศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ สถาบันราชภัฎเชียงใหม่ ที่ลงทะเบียนวิชา 1552303 (วรรณคดีสำหรับเด็ก) จำนวน 18 คน โดยสำรวจความสนใจในการอ่านวรรณคดีและความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของนักศึกษา เพื่อนำไปประกอบการสร้างหลักสูตรแม่แบบและแผนการสอน หลังจากการสอนมีประเมินความสามารถทางการอ่านวรรณคดีของ และสอบถามความคิดเห็นของนักศึกษาเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการอ่านวรรณคดี และการทดสอบการให้เหตุผลเชิงจริยธรรม ผลการวิจัย พบว่า 1)  บทเรียนที่ใช้กลยุทธ์ในการอ่านนี้ได้พัฒนาให้ความเหมาะสมกับระดับความรู้ความสามารถของนักศึกษาเป็นอย่างมาก โดยได้รับประเมินว่ามีประสิทธิภาพอยู่ในระดับมาก 2)  ความสามารถด้านการอ่านวรรณคดีของนักศึกษา หลังการทดลองพบว่า อยู่ในเกณฑ์ดีผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 3) ผลจากการศึกษาระดับการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมของนักศึกษาพบว่า อยู่ในระดับการตามกฎเกณฑ์ ที่มีการกระทำตามเกณฑ์ของกลุ่มของตน เช่น ตามเพื่อนหรือบุคคลในวัยเดียวกันเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของสังคมในกลุ่มของตน

สุกัญญา  เกาะวิวัฒนากุล .(2543).การพัฒนาบทเรียนที่ใช้กลยุทธ์ในการอ่านเพื่อส่งเสริมความสามารถทางการอ่านวรรณคดีและระดับการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมของนักศึกษาชั้นปีที่ 3สถาบันราชภัฎเชียงใหม่.วิทยานิพนธ์  ศศ.ม.(การสอนภาษาอังกฤษ) เชียงใหม่: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. คณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์:ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นิธิดา อดิภัทรนันท์,  ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นันทิยา  แสงสิน และรองศาสตราจารย์ พัฒนาจันทนา

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาบทเรียนที่ใช้กลยุทธ์ในการอ่านวรรณคดี ศึกษาความสามารถทางการอ่านวรรณคดี และระดับการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมของนักศึกษาที่ได้อ่านวรรณคดีประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ได้แก่ นักศึกษาชั้นปีที่ 3คณะมนุษศาสตร์และสังคมศาสตร์ สาขาวิชาภาษาอังกฤษ สถาบันราชภัฎเชียงใหม่ ที่ลงทะเบียนวิชา 1552303 (วรรณคดีสำหรับเด็ก) ในภาคเรียนที่ 1ปีการศึกษา 2543จำนวน 18 คน

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยแบ่งเป็น 4 ประเภทคือ ประเภทที่ 1เครื่องมือที่ใช้ประกอบการสร้างหลักสูตรแม่แบบได้แก่ แบบสอบถามความสนใจในการอ่านวรรณคดีสำหรับเด็กและความสามารถทางภาษาอังกฤษ ประเภทที่ 2เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการทดลองได้แก่ แผนการสอนที่ใช้กลยุทธ์ในการอ่านวิชาวรรณคดีสำหรับเด็ก จำนวน 5 แผน ประเภทที่ 3 เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินผลเพื่อพัฒนาบทเรียนได้แก่ แบบประเมินประสิทธิภาพของบทเรียนที่ใช้กลยุทธ์ในการอ่านวรรณคดี และแบบประเมินความสามารถทางการอ่านวรรณคดี ประเภทที่ 4 เป็นเครื่องมือเก็บรวบรวมข้อมูลได้แก่ แบบสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการอ่านวรรณคดี และแบบทดสอบการให้เหตุผลเชิงจริยธรรม

ขั้นตอนการวิจัยประกอบด้วยการสำรวจความสนใจในการอ่านวรรณคดีและความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของนักศึกษา เพื่อนำไปประกอบการสร้างหลักสูตรแม่แบบและแผนการสอนบทเรียนที่ใช้กลยุทธ์ในการอ่านวิชาวรรณคดีสำหรับเด็ก หลังจากการสอนแต่ละแผนได้ทำการประเมินความสามารถทางการอ่านวรรณคดีของนักศึกษาพร้อมทั้งปรับแผนการสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และหลังการทดลองได้มีการสอบถามความคิดเห็นของนักศึกษาเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการอ่านวรรณคดี รวมทั้งมีการทดสอบการให้เหตุผลเชิงจริยธรรมด้วย

ผลการวิจัย สรุปได้ดังนี้

  1. บทเรียนที่ใช้กลยุทธ์ในการอ่านนี้ได้รับ การพัฒนาให้มีความเหมาะสมกับระดับความรู้ความสามารถของนักศึกษาเป็นอย่างมาก โดยได้รับการประเมินว่ามีประสิทธิภาพอยู่ในระดับมาก

  2. ความสามารถด้านการอ่านวรรณคดีของนักศึกษาหลังจากการเรียนด้วยบทเรียนที่ใช้กลยุทธ์ในการอ่าน พบว่า นักศึกษามีความสามารถทางการอ่านวรรณคดีอยู่ในเกณฑ์ดีเป็นส่วนใหญ่ โดยสามารถผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และผลจากการสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับกลยุทธ์ในการอ่านพบว่า กลยุทธ์ที่นักศึกษาคิดว่าช่วยให้ทำความเข้าใจ เนื้อเรื่องได้มากที่สุดคือ กลยุทธ์กรอบเรื่อง และกลยุทธ์ที่ช่วยให้ทำความเข้าใจเนื้อเรื่องได้น้อยที่สุดคือ กลยุทธ์คำทำนายเรื่อง

  3. ผลจากการศึกษา ระดับการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมของนักศึกษาพบว่า ระดับการใช้เหตุผลเชิงจริยธรรมของนักศึกษาอยู่ในขั้นที่ 3เป็นระดับตามกฎเกณฑ์ (Conventional Level) ที่มีการกระทำตามเกณฑ์ของกลุ่มของตน เช่น ตามเพื่อนหรือบุคคลในวัยเดียวกันเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของสังคมในกลุ่มของตน