งานวิจัย : การพัฒนาทักษะการอ่านวิชาภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้แบบฝึกการอ่านในใจ
สุคนธ์ กาสุยะ (2538) นักศึกษาปริญญาโท ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาการประถมศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ทำวิจัยเรื่องการพัฒนาทักษะการอ่านวิชาภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้แบบฝึกการอ่านในใจ กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6จำนวน 129คน จากโรงเรียนสังกัดสำนักงานการประถมศึกษาอำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน แบ่งออกเป็น 2กลุ่ม คือ กลุ่มควบคุมให้ครูผู้สอนสอนตามปกติ ส่วนกลุ่มทดลองให้ใช้แบบฝึกทักษะการอ่านในใจพร้อมกับการสอนตามปกติ ผลการวิจัย พบว่า 1) แบบฝึกทักษะการอ่านในใจชั้นประถมศึกษาปีที่ 6ที่สร้างขึ้น จำนวน 9แบบฝึก สามารถพัฒนาทักษะการอ่านในใจของนักเรียนได้ดี โดยกลุ่มทดลองสามารถทำคะแนนเฉลี่ยในการทำแบบทดสอบได้สูงกว่ากลุ่มควบคุม 2) นักเรียนมีความก้าวหน้าและพัฒนาการในการอ่านดีขึ้นเพราะจากคะแนนเฉลี่ยของการทดสอบหลังการเรียนของกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ .01
สุคนธ์ กาสุยะ.(2538).การพัฒนาทักษะการอ่านวิชาภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยใช้แบบฝึกการอ่านในใจ.วิทยานิพนธ์ ศศ.ม.(การประถมศึกษา) เชียงใหม่: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. คณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์:ผู้ช่วยศาสตราจารย์อรุณ กิ่งจันทร์, รองศาสตราจารย์วีณา วโรตมะวิชญ, รองศาสตราจารย์ ดร. สุธรรม์ จันทน์หอม
การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์ คือ (1) เพื่อสร้างและใช้แบบฝึกทักษะการอ่านในใจวิชาภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 (2) เพื่อศึกษาความก้าวหน้าและพัฒนาการการอ่านในใจของนักเรียนที่ใช้แบบฝึกทักษะการอ่านในใจ (3) เพื่อศึกษาพฤติกรรมและความคิดเห็นของนักเรียนเกี่ยวกับการใช้แบบฝึกการอ่านในใจ
กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6จำนวน 129คน จากโรงเรียนสังกัดสำนักงานการประถมศึกษาอำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ภาคเรียนที่ 1ปีการศึกษา 2537โดยแบ่งออกเป็น 2กลุ่ม คือ กลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลอง และใช้แผนการทดลองแบบไซโลมอนกลุ่มควบคุมให้ครูผู้สอนสอนตามปกติ ส่วนกลุ่มทดลองให้ใช้แบบฝึกทักษะการอ่านในใจพร้อมกับการสอนตามปกติ
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลในการวิจัย คือ (1) แบบฝึกทักษะการอ่านในใจ (2) แบบทดสอบการอ่านในใจ (3) แบบสังเกตพฤติกรรมการทำแบบฝึกของนักเรียน และ (4) แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียน แล้วนำคะแนนที่ได้จากการทดสอบมาวิเคราะห์โดยการเปรียบเทียบความแตกต่างของค่าเฉลี่ยจากการทำแบบทดสอบการอ่านในใจ และวิเคราะห์ความแปรปรวนสองทาง ส่วนข้อมูลการสังเกตพฤติกรรมการเรียนและสอบถามความคิดเห็นเสนอเชิงบรรยาย
ผลการวิจัยพบว่า
-
แบบฝึกทักษะการอ่านในใจชั้นประถมศึกษาปีที่ 6ที่สร้างขึ้นจำนวน 9แบบ ประกอบด้วย แบบฝึกทักษะ เคลื่อนสายตา แบบฝึกทักษะหาความหมายคำ แบบฝึกทักษะอ่านเป็นวลี แบบฝึกทักษะการอ่านแบบเจาะจง แบบฝึกทักษะอ่านข้ามคำ แบบฝึกทักษะจับใจความสำคัญ แบบฝึกทักษะคาดการณ์ ลำดับเหตุการณ์ แบบฝึกทักษะความเข้าใจในการอ่าน และแบบฝึกทักษะสรุปเรื่องที่อ่าน สามารถพัฒนาทักษะการอ่านในใจของนักเรียนได้ดีเพราะว่ากลุ่มทดลองสามารถทำคะแนนเฉลี่ยในการทำแบบทดสอบได้สูงกว่ากลุ่มควบคุม
-
นักเรียนมีความก้าวหน้าและพัฒนาการในการอ่านดีขึ้นเพราะจากคะแนนเฉลี่ยของการทดสอบหลังการเรียนของกลุ่มควบคุมและกลุ่มทดลองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ .01
-
นักเรียนมีพฤติกรรมที่ดีในการอ่านในใจแสดงว่าแบบฝึกทักษะการอ่านในใจสามารถพัฒนาความรู้ ความสามารถในการอ่านในใจได้
-
นักเรียนมีความคิดเห็นต่อแบบฝึกทักษะการอ่านในใจว่ามีความเหมาะสม ชัดเจนเข้าใจเนื้อหาได้ดีและสามารถพัฒนาทักษะการอ่านในใจได้ดี