Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

ความเป็นไทยในการ์ตูนของ ทรงศีล ทิวสมบุญ

 

 
     คุยกับ ทรงศีล ทิวสมบุญ นักเขียน Best Seller สำนักพิมพ์ a book เจ้าของผลงานเด่น "ถั่วงอกกับหัวไฟ" ยัน "ความเป็นไทย" ไม่ใช่แค่ต้นกล้วยกับวัด 
 
     สร้างชื่อจากผลงาน "ถั่วงอก และ หัวไฟ" จากค่าย a day และยังเป็นนักเขียนประจำของสำนักพิมพ์ a book ที่เจ้าสำนัก วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ ยืนยันว่าทำยอดขายสูงกว่าพ็อกเก็ตบุ้คเล่มไหน ชนิดว่าพิมพ์แล้วพิมพ์อีกก็ยังขายได้ นักเขียนแนว กราฟฟิก ฟิกชั่น รายนี้ ก็คือ ทรงศีล ทิวสมบุญ 
 
     ทรงศีล ทิวสมบุญ หนุ่มจากรั้วศิลปากร เริ่มมีผลงานเขียนหนังสือและวาดลายเส้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ เมื่อสร้างชื่อจนที่รู้จักของนักอ่านรุ่นใหม่ได้ถึงขนาดนี้ หลายคนอาจลืมไปว่า อีกหนึ่งในสิ่งที่ "ทรงศีล" มีความถนัดคืองานด้านดนตรี โดยเฉพาะแนวร็อค และด้วยเสียงเพลงกับการวาดรูปนี้เอง ซึ่งเป็นสองสิ่งสำคัญที่ให้ชีวิตและสร้างพลังสำหรับการยืนหยัดของเขาในวันนี้ 
 
     "ผมเบื่อถ้าต้องตอบคำถามแบบเดิมๆ ถ้าอยากรู้ประวัติผมเดี๋ยวส่งเมล์ไปให้ ผมไม่ชอบอะไรที่ซ้ำซากทำเหมือนเดิมอยู่อย่างนั้นทุกวัน" เป็นสิ่งที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนต้นของการสนทนา ซึ่งน่าจะบอกถึงความเป็นตัวเขาได้ไม่น้อย 
 
     ปัจจุบัน "ทรงศีล" เป็นคอลัมนิสต์ให้กับนิตยสาร a day ด้วยการ์ตูนแนวดิบๆ ลายเส้นที่ดูแข็ง แต่เคลือบความอ่อนหวาน อันเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวที่แฝงในลายเส้นของเขา รวมไปถึงภาษาที่ลื่นไหลไม่แตกต่างจากงานวรรณกรรมชั้นดี แต่พิเศษออกตรงที่ผู้เขียนมีความสามารถในการวาดภาพประกอบด้วยตัวเอง 
 
     "งานของผมมีหลายแนว ไม่ซ้ำกัน เพราะอย่างที่บอกไว้แต่แรกว่าผมเบื่อความซ้ำซาก ผมชอบทดลอง ช่วงที่ผมมีความรัก งานของผมก็จะเป็นอีกอย่าง อกหักก็เป็นอีกอย่าง บางทีคิดไม่ออกไม่รู้จะวาดอะไร ก็ลองวาดตามเพลง ลองเล่นกีตาร์แล้ววาดภาพประกอบ แต่งเพลงขึ้นมาสดๆ พอตีพิมพ์ไป หลายคนงง แต่ก็มีคนชอบเยอะเหมือนกันโทรเข้ามาถามว่ามันเป็นเพลงจริงๆ หรือเปล่า ร้องได้เหรอ" 
 
     ทรงศีล ไขข้อข้องใจในเรื่องของแนวการ์ตูน ที่บางคนมองว่ามีกลิ่นอายตะวันตกว่า 
 
     "ผมไม่ได้มองในเรื่องของความเป็นชาตินิยม งานของผมที่วาด แม้ไม่มีต้นกล้วยสักต้น ไม่มีวัดให้เห็น แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ได้มีสำนึกในความเป็นคนไทย ผมรู้สึกว่าของทุกอย่างบนโลกสามารถหยิมยืมมาใช้กันได้ เนื้อหาสาระที่ต้องการสื่อออกไปต่างหากที่ผมให้ความสำคัญ ผมมองว่ามันเป็นเรื่องตลกมากๆ ที่เราจะมานั่งถามกันว่าทำไมต้องวาดการ์ตูนแนวตะวันตกที่ไม่ได้มีความเป็นไทยเลยสักนิด ทำไมล่ะ ถ้ามันไม่มีวัดไทยอยู่ในงานแล้วผมจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับความดีงามไม่ได้เหรอ 
 
     "เรื่องที่ผมเขียนมันก็หยิบมาจากเหตุการณ์ในสังคมไทยนี่แหละ อย่างเรื่อง BEANSPROUT & FIREHEAD นี่ชัดเจนเลยนะถ้าใครได้อ่านงานผมมาแต่ต้น มันเป็นเรื่องของเด็กที่พบเห็นได้ในสังคมไทย เด็กที่บ้านแตก สูบบุหรี่ตั้งแต่เด็ก เรื่องจริงในสังคมมันน่ากลัวกว่าในงานของผมเยอะมาก เพราะฉะนั้นใครที่มาถามถึงความเหมาะสมเกี่ยวกับเรื่องความรุนแรงในเนื้อหาของการ์ตูนผมนั้น ผมว่าเกินเลยที่จะถามแล้วไม่มีใครมาทำตามอย่างในการ์ตูนของผมหรอก 
 
     "ความจริงก็คือ มันมีสิ่งต่างๆ ที่รุมเร้าพวกเขาอยู่มากมายทุกวัน อยากให้กลับมาตั้งคำถามเรื่องจริงในสังคมดีกว่า เพราะมันมีอยู่จริง เด็กที่เดินสูบบุหรี่ในขณะที่อายุยังไม่ถึง 10 ขวบ เด็กที่พกปืนไปโรงเรียน และผมก็ได้เข้าไปศึกษากรณีของเด็กที่ต้องอยู่ในบ้านสถานสงเคราะห์โดยตรง ผมเพียงหยิบบางส่วนของความจริงมาใส่ไว้เท่านั้น เป็นความจริงที่มีมาอยู่แล้วแต่ถูกซุกไว้ใต้พรม และขอยืนยันว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงๆของเด็กเหล่านี้เลวร้ายกว่าที่พวกเรารับได้รับรู้จากสื่อต่างๆ อย่างแน่นอน" 
 
     ในอนาคต ผลงานของ ทรงศีล คงจะมีอะไรออกมาที่ดูแปลกใหม่อยู่เรื่อยๆ ตามที่เขาตั้งใจไว้ว่าไม่อยากทำงานแบบซ้ำๆ และผลงานพ็อคเก็ตบุ๊คที่ชื่อ NINE LIVES ก็ได้รับรางวัล เซเว่นบุ๊คอวอร์ด อย่างที่เจ้าตัวไม่คาดฝัน 
 
 
     เร็วๆ นี้ ทรงศีลกำลังจะมีผลงานกับกลุ่มเพื่อนซึ่งตั้งวงดนตรีแนวร็อคตามที่ถนัดและหลงไหล เพื่อออกผลงานเพลงที่เขาเองเป็นนักร้องนำ รวมทั้งแต่งเพลงเอง 
 
     "สมาชิกในวงมี 4 คน เพลงก็คงเหมือนหนังสือ แต่ละเพลงจะออกมาคนละแนวไม่เหมือนกัน แต่ทุกเพลงจะมีเรื่องราวของมันอยู่ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร คาดว่าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด กลางปีนี้น่าจะออกได้ ออกกับค่าย stickyrice music ส่วนงานหนังสือจะมีออกมาแบบเป็นทั้งบรรณาธิการด้วย เขียนด้วย เป็น บรรณาธิการมา 3 เล่มแล้ว ส่วนที่จะออกล่าสุดนี้จะเป็น บรรณาธิการร่วมกับ ภูมิชาย บุญศีลสุข ชื่อหนังสือ บุ๊คกาซีน a book สำนักพิมพ์ ABC Commic เล่มนี้ผมเขียนด้วย" 
 
     ทรงศีลกล่าวสรุปตัวตนของเขาเองว่า "ผมไม่ได้รู้สึกว่าผมเป็นนักเขียนการ์ตูนหรือนักเขียนหนังสือ มันขึ้นอยู่กับว่าผมอยากจะเล่าเรื่องอะไร แล้วผมก็เลือกวิธีการที่จะสื่อออกมามากกว่า ผมมองว่าทุกอย่างมันคือเป็นแค่เครื่องมือที่มาตอบความต้องการของผมเท่านั้น ผมไม่อยากเรียกว่าผมเป็นศิลปินผมไม่กล้าคิด เพราะผมรู้ตัวเองดีว่าผมทำงานเชิงพาณิชย์ ยังต้องตอบสนองความต้องการในแง่ธุรกิจด้วย แต่ในอนาคตการก้าวเดินสู่เส้นทางศิลปะก็เป็นสิ่งที่ผมฝันไว้ ผมอยากวาดรูป ผลิตผลงานขึ้นมาเยอะๆแล้วนำไปแจกให้เด็กที่ยังด้อยโอกาสในสังคมที่ห่างไกล" 
 
     ถึงแม้วันนั้นยังมาไม่ถึง แต่สิ่งที่สัมผัสได้จากตัวตนของเขาจากการพูดคุยในช่วงสั้นๆ คือความเป็นศิลปินที่สะท้อนออกมาในคำพูด ความคิด และการกระทำรวมถึงผลงานที่ปรากฏออกมาสู่สายตาแก่ผู้คน 
 
     ติดตามประวัติและชมผลงานที่ผ่านมา รวมทั้งความเคลื่อนไหวด้านงานดนตรีของ ทรงศีล ทิวสมบุญ ได้ที่ www.BobbySwingers.com 
 
Life Style จาก หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
โดย : อัคคเดช ดลสุข 
วันที่ 13 มีนาคม 2552