Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณ วรรณกรรมผีของนักเขียนโนเบล “เกาสิงเจี้ยน” (Gao Xingjian)

 

 
     วรรณกรรมผีเรื่องขุนเขาแห่งจิตวิญญาณเป็นหนังสือของนักเขียนโนเบลที่แอบซ่อนความสยองขวัญเอาไว้ หากนักอ่านเรื่องผีอยากพิสูจน์ต้องหาอ่านให้ได้ แต่ต้องเผื่อใจเอาไว้ด้วย เพราะงานระดับวรรณกรรมโบเบลไม่ได้เอาไว้อ่านเพื่อความบันเทิงอย่างเดียว ดังนั้นเนื้อหาอาจเข้าใจยากในบางตอน
 
     “ขุนแห่งจิตวิญญาณ” เป็นหนังสือที่เรียกว่าวรรณกรรมผีคงไม่ใช่เรื่องเกินเลยนัก และหากอ่านบทความนี้จบหลายคนคงเห็นพ้องกับคำกล่าวนี้  "ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณ" แปลจากต้นฉบับภาษาจีน เขียนโดย “เกาสิงเจี้ยน” (Gao Xingjian) และ “รำพรรณ รักศรีอักษร” เป็นคนพากย์ไทย หากเจ้าของหนังสือเล่มนี้ไม่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม เมื่อปี ค.ศ.2000 หลายคนอาจไม่รู้จักด้วยซ้ำไป
 
     เกาสิงเจี้ยน เป็นคนจีนโดยกำเนิด แต่ลี้ภัยทางการเมืองไปพำนักอยู่ฝรั่งเศสและโอนสัญชาติอยู่ที่นั้น ถึงอย่างไรเขาก็ได้รับยกย่องว่าเป็นคนเอเชียอันดับ 4 ที่ได้รับรางวัลทรงคุณค่านี้ ถัดจาก รพินทรนาถ ฐากูร ชาวอินเดีย ปี ค.ศ.1913, ยาสุนา คาวาบะตะ ชาวญี่ปุ่น ค.ศ.1968, เคนซาบุโร โอเอะ ชาวญี่ปุ่น ค.ศ.1994
 
     หลายคนอ่าน“ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณ” คงได้รับอรรถรสแตกต่างกันไป ตามพื้นฐานความรู้ของแต่ละคน แน่นอนว่างานระดับวรรณกรรมโนเบลต้องมีแง่มุมหลายมิติและหลายมุมมองให้เราได้ศึกษา หากจะมองงานชิ้นนี้ผ่านแง่มุมของความลี้ลับทางบรรยากาศ ก็น่าจะทำให้งานชิ้นนี้เป็นวรรณกรรมแนวผีได้เหมือนกัน
 
     หาก“ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณ” เป็นนวนิยาย เราต้องยอมรับตรงกันว่าบรรยากาศของฉากในเรื่องมีความอึมครึมซ่อนอยู่ “เกาสิงเจี้ยน” พยายามสร้างความสลัวรางไว้ในหนังสือเล่มนี้เกือบทั้งเล่ม ไม่ว่าจะเป็นตัวละครที่พยายามปกปิดข้อมูลบางอย่างเอาไว้ หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์หลายอย่างจบลงแบบไม่มีคำตอบ
 
 
     “เกาสิงเจี้ยน” (Gao Xingjian)
นักเขียนรางวัลโนเบล ปี 2000 เจ้าของวรรณกรรมผีเรื่อง ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณ
 
     “เกาสิงเจี้ยน” ย้ำไว้ในหนังสือเสมอว่า ตำนานและประวัติศาสตร์ถูกทำให้เป็นเรื่องเดียวกัน และเรื่องจริงกับเรื่องโกหกซ่อนอยู่ในบรรทัดเดียวกันของหนังสือประวัติศาสตร์จีน หากใครเคยอ่านหนังสือประวัติศาสตร์จีนไม่ว่าเล่มใดก็ตาม คงไม่ปฏิเสธคำกล่าวนี้
 
     “เกาสิงเจี้ยน” เขียนงานชิ้นนี้ระหว่างออกเดินทางไปในท้องถิ่นประเทศจีน เพื่อค้นหาความหมายของชีวิต และเขาได้รู้เรื่องราวต่างๆจากคำให้การของชาวบ้านตามชนบท แน่นอนว่ามันคือนิทานผสมผสานกันระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องโกหก แต่ก็นับว่าเป็นความกล้าหาญของ “เกาสิงเจี้ยน” ที่ไม่ได้ปกปิดคำบอกเล่าเหล่านั้น และยังท้าทายพรรคคอมมิวนิสต์โดยการตีแผ่ในหนังสือของตน
 
     หลายเรื่องและหลายบทใน“ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณ” ที่ผู้อ่านปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเรื่องราวชวนขนลุกขนพอง ไม่ว่าจะเป็นตัวละคร ฉาก เวลา และสถานที่ ทั้งหลายทั้งปวงส่อไปในทางหลอกหลอนผู้อ่าน แน่นอนว่าเราจะสัมผัสบรรยากาศแบบเดียวกันนี้ได้ในหนังสือผีทั่วไป แต่เมื่อปรากฏในวรรณกรรมโนเบลก็ต้องยกเอาไว้อีกชั้นหนึ่ง ที่อยู่สูงกว่าหนังสือผีเล่มอื่นๆ
 
 
     รางวัลโนเบล ก่อตั้งตามพินัยกรรมของ อัลเฟรด เบิร์นฮาร์ด โนเบล นักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดน (ค.ศ.1833-1896) เป็นรางวัลเกียรติคุณที่มอบให้แก่ผู้ที่สร้างผลงานอันเป็นประโยชน์สูงสุดแก่มวลมนุษย์ชาติ
 
     ตัวละครหลายตัวใน“ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณ” มีความลึกลับและไม่รู้ที่มาที่ไป บางครั้งก็ผุดขึ้นมาดื้อๆเหมือนหายตัวได้ โดยเฉพาะตัวละครที่เป็นผู้หญิง มักจะมาปรากฏตัวในบางบทเพื่อพร่ำรำพันถึงความทุกข์ยากและการถูกเอารัดเอาเปรียบแล้วก็หายไป แน่นอนว่า“เกาสิงเจี้ยน” พยายามจะให้ตัวละครเหล่านั้นซ่อนความนัยเอาไว้ เพื่อท้าทายผู้อ่านให้ค้นหาเอาเอง ไม่ต่างอะไรกับวรรณกรรมแนวผี ที่กล่าวถึง ภูต ผี ปิศาจ และวิญญาณ สิ่งลึกลับเหล่านี้มักจะมาแบบฉาบฉวยแล้วจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งเพียงความอกสั่นขวัญแขวนเอาไว้เบื้องหลัง
 
     วรรณกรรมที่นำเสนอข้อมูลแบบซ่อนเร้นอย่างนี้ เราจะพบทั่วไปในประเทศที่ประชาชนถูกปิดกั้นทางความคิด เช่นเดียวกับหนังสือของ“เกาสิงเจี้ยน” ที่ถูกประณามจากพรรคคอมมิวนิสต์จีนว่าเป็นมลพิษทางปัญญา ในยุคนั้นคงไม่ใช่ข้อกล่าวหาที่ผิดปกติ เพราะผู้ที่มีความคิดก้าวหน้าไม่ตรงกับท่านผู้นำ ต้องถูกกล่าวโทษในข้อหาเดียวกันเสมอ ไม่ต่างกับประเทศไทยในยุคเผด็จการครองเมืองก่อนช่วง 14 ตุลาคม 2516 นักเขียนไทยได้สร้างสรรค์ผลงานเชิงสัญลักษณ์เช่นนี้ออกมาเป็นจำนวนมาก มีนักเขียนบางคนเหมือนกันที่หันไปเขียนงานแนวพาฝันเพื่อความอยู่รอดของตัวเอง
 
 
     วรรณกรรมผีเรื่อง ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณ (หลิงซาน)(Soul Mountain) เขียนโดย “เกาสิงเจี้ยน” (Gao Xingjian)
นักเขียนรางวัลโนเบล ปี 2000 แปลโดย รำพรรณ รักศรีอักษร
 
     “เกาสิงเจี้ยน” ไม่ได้เป็นขบถกับอุดมการณ์ของตัวเอง เขาได้ยืนยันที่จะทำงานเพื่อความถูกต้อง เห็นได้จาก“ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณ” ที่บริภาษสังคมคอมมิวนิสต์ค่อนข้างรุนแรง แต่ใช้ความละมุนละไมทางด้านภาษา เพื่อส่งสารอะไรบางอย่างสู่ชาวโลก แน่นอนว่า หากนำเสนอแบบตรงไปตรงมาและไม่มีชั้นเชิง“เกาสิงเจี้ยน” คงไม่ได้รับยกย่องเป็นนักเขียนรางวัลโนเบล
 
     ภูต ผี ปิศาจ และวิญญาณ ที่ปรากฏใน“ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณ” สื่อความหมายหลายแง่หลายมุม ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้อ่านจะตีความหมายไปในทิศทางไหน สำหรับนักอ่านเรื่องผีพันธุ์แท้คงได้รับประสบการณ์แปลกใหม่ในงานเขียนระดับโนเบลนี้ และคงหางานประเภทนี้ได้ยาก เพราะกว่าจะมีชาวเอเชียได้รับยกย่องทางวรรณกรรมถึงขั้นนี้ นับเวลาก็นานพอสมควร
 
     ถึงอย่างไร“ขุนเขาแห่งจิตวิญญาณ” ก็ไม่ใช่หนังสือผีอย่างที่นักอ่านเรื่องผีพันธุ์แท้คาดหวังอยากเห็นเหมือนในหนังสือผีทั่วไป เพราะ“เกาสิงเจี้ยน” ไม่ใช่นักเขียนผี ดังนั้นก่อนเสพงานชิ้นนี้ควรเปิดใจกว้างยอมรับสิ่งแปลกใหม่ที่ผู้อ่านจะพบในหนังสือเล่มนี้ อีกอย่างที่ต้องเตือนไว้ก่อนคือ รูปแบบการนำเสนอค่อนข้างทำความเข้าใจได้ยาก กลัวว่าผู้อ่านจะขว้างหนังสือทิ้งก่อนอ่านจบ ดังนั้นควรใช้วิจารณญาณในการอ่านอย่างยิ่งยวด

ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.mattha.ob.tc