การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านภาษาอังกฤษและความพึงพอใจในการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างการสอนโดยใช้เทคนิค Jigsaw กับเทคนิคการสอนอ่านตามปกติ
ธิวาพร วิริยมานุวงษ์ (2551) นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้ทำการวิจัยเรื่องการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านภาษาอังกฤษและความพึงพอใจในการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างการสอนโดยใช้เทคนิค Jigsaw กับเทคนิคการสอนอ่านตามปกติ กลุ่มตัวอย่างมีจำนวน 105 คน ผลการวิจัยพบว่าการสอนโดยใช้เทคนิค Jigsaw และการสอนโดยใช้เทคนิคการสอนอ่านตามปกติของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านภาษาอังกฤษไม่แตกต่างกัน เมื่อกำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านภาษาอังกฤษก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่ได้รับการสอนโดยใช้เทคนิค Jigsaw และการสอนโดยใช้เทคนิคการสอนอ่านตามปกติ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านภาษาอังกฤษหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นักเรียนที่ได้รับการสอนโดยใช้เทคนิค Jigsaw และการสอนโดยใช้เทคนิคการสอนอ่านตามปกติ มีผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านภาษาอังกฤษสูงกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 70 เมื่อกำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และนักเรียนทั้งสองกลุ่มมีความพึงพอใจในการเรียนอยู่ในระดับมาก
ธิวาพร วิริยมานุวงษ์ (2551). การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านภาษาอังกฤษและความพึงพอใจในการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างการสอนโดยใช้เทคนิค Jigsaw กับเทคนิคการสอนอ่านตามปกติ. วิทยานิพนธ์ ค.ม. (หลักสูตรและการสอน). นครราชสีมา : สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา. อาจารย์ที่ปรึกษาสารนิพนธ์ : ผศ.ดร.เฉลิมศรี จอกทอง (ประธานกรรมการ) นางลลิตา ธงภักดี (กรรมการ).
เทคนิค Jigssaw เป็นเทคนิคการเรียนการสอนแบบหนึ่งของการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ (Cooperative Learning) ซึ่งส่งเสริมให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์จากการเรียนรู้ร่วมกัน สร้างแรงจูงใจในการเรียนและผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ดีขึ้น การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาการสอนอ่านโดยใช้เทคนิค Jigsaw โดยศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กับการสอนโดยใช้เทคนิคการสอนอ่านตามปกติเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านภาษาอังกฤษกับเกณฑร้อยละ 70 และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านภาษาอังกฤษก่อนและหลังการสอนโดยใช้เทคนิค Jigsaw และการสอนโดยใช้เทคนิคการสอนอ่านตามปกติและศึกษาความพึงพอใจในการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2549 โรงเรียนระดมวิทยานุสรณ์ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครราชสีมา เขต 4 จำนวน 105 คน แบ่งเป็น 2 กลุม กลุ่มละ 1 ห้อง ห้องละ 35 คน จากจำนวนทั้งหมด 3 ห้องเรียน โดยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster random sampling) คือ กลุ่มที่ 1 ได้รับการสอนโดยใช้เทคนิค Jigsaw และกลุ่มที่ 2 ที่ได้รับการสอนโดยใช้เทคนิคการสอนอ่านตามปกติ
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค Jigsaw และแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิคการสอนอ่านตามปกติ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านภาษาอังกฤษและแบบประเมินความพึงพองใจในการเรียนโดยใช้เทคนิค Jigsaw และเทคนิคการสอนอ่านตามปกติ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และการทดสอบค่าที (t-test for one example, t-test for dependent และ t-test for independent)
ผลการวิจัยพบว่าการสอนโดยใช้เทคนิค Jigsaw และการสอนโดยใช้เทคนิคการสอนอ่านตามปกติของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านภาษาอังกฤษไม่แตกต่างกัน เมื่อกำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 เมื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านภาษาอังกฤษก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนที่ได้รับการสอนโดยใช้เทคนิค Jigsaw และการสอนโดยใช้เทคนิคการสอนอ่านตามปกติ นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านภาษาอังกฤษหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 นักเรียนที่ได้รับการสอนโดยใช้เทคนิค Jigsaw และการสอนโดยใช้เทคนิคการสอนอ่านตามปกติ มีผลสัมฤทธิ์ด้านการอ่านภาษาอังกฤษสูงกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 70 เมื่อกำหนดนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และนักเรียนทั้งสองกลุ่มมีความพึงพอใจในการเรียนอยู่ในระดับมาก