Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนเชิงสร้างสรรค์ระหว่างการใช้วิธีสอนแบบอภิปรายกลุ่มกับการใช้แบบฝึกหัดการเขียนเชิงสร้างสรรค์

นัยนา พลศร (2542)  นักศึกษาปริญญาโท สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน  มหาวิทยาลัย สุโขทัยธรรมาธิราช  ได้ทำการวิจัยเรื่องการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนเชิงสร้างสรรค์ระหว่างการใช้วิธีสอนแบบอภิปรายกลุ่มกับการใช้แบบฝึกหัดการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มโรงเรียนวัดป่า จังหวัดนครศรีธรรมราช  กลุ่มตัวอย่างเป็นเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มโรงเรียนวัดป่า จังหวัดนครศรีธรรมราช  ภาคการศึกษาที่ 2  ปีการศึกษา 2542  จำนวน 3 ห้องเรียน  นักเรียนจากห้องเรียนแรกใช้วิธีสอนแบบอภิปรายกลุ่ม  ห้องเรียนที่ 2 ใช้วิธีสอนที่ใช้แบบฝึกหัดการเขียนเชิงสร้างสรรค์  กลุ่มควบคุมใช้วิธีสอนแบบปกติ  ผลการวิจัยพบว่า 1)  ผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนเชิงสร้างสรรค์หลังการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้วิธีสอนแบบอภิปรายกลุ่มสูงกว่านักเรียนที่เรียนโดยใช้วิธีสอนที่ใช้แบบฝึกหัดการเขียนเชิงสร้างสรรค์  และสูงกว่าการใช้วิธีสอนแบบปกติ 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนเชิงสร้างสรรค์หลังการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกหัดการเขียนเชิงสร้างสรรค์สูงกว่าการใช้วิธีสอนแบบปกติ 3) การสอนโดยใช้วิธีสอนแบบอภิปรายกลุ่ม  วิธีสอนที่ใช้แบบฝึกหัดการเขียนสร้างสรรค์  มีผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนเชิงสร้างสรรค์หลังการเรียนสูงกว่าก่อนการเรียน


นัยนา พลศร.  (2542).  การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนเชิงสร้างสรรค์ระหว่างการใช้วิธีสอนแบบอภิปรายกลุ่มกับการใช้แบบฝึกหัดการเขียนเชิงสร้างสรรค์ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มโรงเรียนวัดป่า จังหวัดนครศรีธรรมราช.  วิทยานิพนธ์ กศ.ม (หลักสูตรและการสอน). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.  อาจารย์ที่ปรึกษา : รศ ธีรยุทธ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา รศ.นภาลัย สุวรรณธาดา  ผศ.ดร.จินตนา ธนวิบูลย์ชัย

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนเชิงสร้างสรรค์ระหว่างการใช้วิธีสอนแบบอภิปรายกลุ่มกับการใช้แบบฝึกหัดการเขียนเชิงสร้างสรรค์สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มโรงเรียนวัดป่า  จังหวัดนครศรีธรรมราช  กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มโรงเรียนวัดป่า จังหวัดนครศรีธรรมราช  ภาคการศึกษาที่ 2  ปีการศึกษา 2542  จำนวน 3 ห้องเรียน  แต่ละห้องมีนักเรียน 30 คนขึ้นไป  นักเรียนจากห้องเรียนแรกใช้วิธีสอนแบบอภิปรายกลุ่ม  ห้องเรียนที่ 2 ใช้วิธีสอนที่ใช้แบบฝึกหัดการเขียนเชิงสร้างสรรค์  กลุ่มควบคุมใช้วิธีสอนแบบปกติ  


เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่  แผนการสอนที่ใช้วิธีสอนแบบอภิปรายกลุ่ม  แผนการสอนที่ใช้แบบฝึกหัดการเขียนเชิงสร้างสรรค์  และแผนการสอนแบบปกติ  เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบทดลองที่ใช้วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนเชิงสร้างสรรค์  สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่  ค่าเฉลี่ยเลขคณิต (-,x) และสถิติทดสอบที (t-test) โดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สำเร็จรูป SPSS/PC(+)


ผลการวิจัยพบว่า


1.  ผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนเชิงสร้างสรรค์หลังการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้วิธีสอนแบบอภิปรายกลุ่มสูงกว่านักเรียนที่เรียนโดยใช้วิธีสอนที่ใช้แบบฝึกหัดการเขียนเชิงสร้างสรรค์อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05  

2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนเชิงสร้างสรรค์หลังการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้วิธีสอนแบบอภิปรายกลุ่มสูงกว่าการใช้วิธีสอนแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนเชิงสร้างสรรค์หลังการเรียนของนักเรียนที่เรียนโดยใช้แบบฝึกหัดการเขียนเชิงสร้างสรรค์สูงกว่าการใช้วิธีสอนแบบปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05             
4. การสอนโดยใช้วิธีสอนแบบอภิปรายกลุ่ม  วิธีสอนที่ใช้แบบฝึกหัดการเขียนสร้างสรรค์  มีผลสัมฤทธิ์ทางการเขียนเชิงสร้างสรรค์หลังการเรียนสูงกว่าก่อนการเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05