การศึกษาผลของการอ่านหนังสือที่มีเนื้อหาเป็นภาษาเขียนร่วมกับ ภาพท่าภาษามือที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ ความคงทนในการเรียนรู้ และทัศนคติต่อรูปแบบหนังสือของนักเรียนหูหนวก
วิรัตน์ชัย ยงวณิชย์ ( 2535) นิสิตปริญญาโท สาขาจิตวิทยาพัฒนาการ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ได้ทำงานวิจัยเรื่อง การศึกษาผลของการอ่านหนังสือที่มีเนื้อหาเป็นภาษาเขียนร่วมกับ ภาพท่าภาษามือที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ ความคงทนในการเรียนรู้ และทัศนคติต่อรูปแบบหนังสือของนักเรียนหูหนวก กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนหูหนวก จำนวน 48 คน จาก 3 ระดับชั้น คือ ประถมศึกษาปีที่ 2 ปีที่ 3 ปีที่ 4 ชั้นละ 16 คน ซึ่งแต่ละชั้น แบ่งนักเรียนออกเป็น 2 ระดับสติปัญญา คือ ระดับสติปัญญาสูงกว่าค่าเฉลี่ย 8 คน และต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 8 คน แต่ระดับสติปัญญาแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 4 คน สุ่มเข้ากลุ่มทดลองที่ 1 เพื่ออ่านหนังสือที่มีเนื้อหาเป็นภาษาเขียนตามปกติ และ กลุ่มทดลองที่ 2 เพื่ออ่านหนังสือที่มีเนื้อหาเป็นภาษาเขียนร่วมกับ ภาพท่าภาษามือ พบว่า นักเรียนหูหนวกกลุ่มที่อ่านหนังสือที่มีเนื้อหา เป็นภาษาเขียนร่วมกับภาพท่าภาษามือมีผลสัมฤทธิ์ด้านความเข้าใจในการอ่านสูงกว่ากลุ่มที่อ่านหนังสือที่มีเนื้อหาเป็นภาษาเขียนปกติ นักเรียนหูหนวกกลุ่มที่มีระดับสติปัญญาสูงมีผลสัมฤทธิ์ด้านการจัด การเรียงลำดับคำของประโยคสูงกว่ากลุ่มนักเรียนหูหนวกที่มีระดับ สติปัญญาต่ำ รูปแบบของหนังสือกับระดับชั้นมีผลต่อผลสัมฤทธิ์ด้านการจำตัวสะกด ของคำศัพท์ และปฏิสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบของหนังสือกับระดับชั้น มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ด้านความเข้าใจในการอ่าน นักเรียนหูหนวกกลุ่มที่มีระดับสติปัญญาสูงมีความคงทนในการเรียนรู้ด้านการจำการเรียง ลำดับคำของประโยคสูงกว่ากลุ่มนักเรียนหูหนวกที่มีระดับสติปัญญาต่ำ
วิรัตน์ชัย ยงวณิชย์,( 2535). การศึกษาผลของการอ่านหนังสือที่มีเนื้อหาเป็นภาษาเขียนร่วมกับ ภาพ ท่าภาษามือที่มีต่อผลสัมฤทธิ์ ความคงทนในการเรียนรู้ และทัศนคติต่อรูปแบบหนังสือของนักเรียนหูหนวก. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (จิตวิทยาพัฒนาการ). กรุงเทพฯ : บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร
ความมุ่งหมายของการวิจัยนี้เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ และความคงทนในการเรียนรู้ 3 ด้าน คือ ความเข้าใจในการอ่าน การจำตัวสะกดของคำศัพท์ การจำการเรียงลำดับของประโยค และทัศนคติต่อรูปแบบหนังสือของนักเรียนหูหนวก จากอิทธิพล ขององค์ประกอบ 3 องค์ประกอบ คือ รูปแบบหนังสือ ระดับชั้น และระดับสติปัญญา กลุ่มตัวอย่างเป็นนักเรียนหูหนวก มีอายุ ระหว่าง 9 ปี ถึง 11 ปี 11 เดือน จำนวน 48 คน จาก 3 ระดับชั้น คือ ประถมศึกษาปีที่ 2 ปีที่ 3 ปีที่ 4 ชั้นละ 16 คนซึ่งแต่ละชั้น แบ่งนักเรียนออกเป็น 2 ระดับสติปัญญา คือ ระดับสติปัญญาสูงกว่าค่าเฉลี่ย 8 คน และต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 8 คน จากคะแนนการวัดสติปัญญาของแบบทดสอบ THE COLOURED PROGRESSIVE MATRICES Set A, AB., B ของ J.C.Raven แต่ระดับสติปัญญาแบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 4 คนสุ่มเข้ากลุ่มทดลอง ที่ 1 เพื่ออ่านหนังสือที่มีเนื้อหาเป็นภาษาเขียนตามปกติ และ กลุ่มทดลองที่ 2 เพื่ออ่านหนังสือที่มีเนื้อหาเป็นภาษาเขียนร่วมกับ ภาพท่าภาษามือ
ผลการวิจัย พบว่า นักเรียนหูหนวกกลุ่มที่อ่านหนังสือที่มีเนื้อหา เป็นภาษาเขียนร่วมกับภาพท่าภาษามือมีผลสัมฤทธิ์ด้านความเข้าใจ ในการอ่านสูงกว่ากลุ่มที่อ่านหนังสือที่มีเนื้อหาเป็นภาษาเขียนปกติ นักเรียนหูหนวกกลุ่มที่มีระดับสติปัญญาสูงมีผลสัมฤทธิ์ด้านการจัด การเรียงลำดับคำของประโยคสูงกว่ากลุ่มนักเรียนหูหนวกที่มีระดับ สติปัญญาต่ำ ปฏิสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบของหนังสือ ระดับชั้น และระดับสติปัญญามีผลต่อผลสัมฤทธิ์ด้านการจำตัวสะกดของคำศัพท์ และปฏิสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบของหนังสือ ระดับชั้นและระดับสติปัญญา มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ด้านการจำตัวสะกดของคำศัพท์ และปฏิสัมพันธ์ระหว่าง รูปแบบของหนังสือกับระดับชั้นมีผลต่อผลสัมฤทธิ์ด้านการจำตัวสะกดของคำศัพท์ และปฏิสัมพันธ์ระหว่างรูปแบบของหนังสือกับระดับชั้น มีผลต่อผลสัมฤทธิ์ด้านความเข้าใจในการอ่าน นักเรียนหูหนวก กลุ่มที่มีระดับสติปัญญาสูงมีความคงทนในการเรียนรู้ด้านการจำการเรียง ลำดับคำของประโยคสูงกว่ากลุ่มนักเรียนหูหนวกที่มีระดับสติปัญญาต่ำ นักเรียนหูหนวกทุกกลุ่มมีทัศนคติต่อหนังสือที่มีเนื้อหาเป็นภาษาเขียน ร่วมกับภาพท่าภาษามือ