Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

การประยุกต์ใช้จำนวนฟีโบนักชีในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์โดยใช้สื่อประสม ผู้วิจัยใช้ลำดับฟีโบนักชีในการหาผลเฉลยของปัญหาทางคณิตศาสตร์ 3 ปัญหา

สายพิณ รากกระโทก (2555) นักศึกษาปริญญาโท  สาขาคณิตศาสตร์และเทคโนโลยีการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา  ได้ทำการวิจัยเรื่องการประยุกต์ใช้จำนวนฟีโบนักชีในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์โดยใช้สื่อประสม ผู้วิจัยใช้ลำดับฟีโบนักชีในการหาผลเฉลยของปัญหาทางคณิตศาสตร์ 3 ปัญหา ผลการวิจัยพบว่าความสัมพันธ์เวียนเกิดสามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างผลเฉลยของปัญหาดังกล่าวและลำดับฟีโบนักชี และได้จัดทำสื่อประสมชนิดสไลด์โดยใช้โปรแกรมไมโครซอฟท์พาวเวอร์พอยท์รุ่น 2007 เพื่ออธิบายการหาผลเฉลย และเขียนโปรแกรมเพื่อให้สื่อประสมแผ่นตารางทำการโดยใช้โปรแกรมไมโครซอฟท์เอ็กเซลรุ่น 2007 แสดงตัวอย่างการหาผลเฉลย

สายพิณ รากกระโทก (2555). การประยุกต์ใช้จำนวนฟีโบนักชีในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์โดยใช้สื่อประสม. วิทยานิพนธ์ ค.ม. (คณิตศาสตร์และเทคโนโลยีการสอน)  นครราชสีมา : สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา.  อาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ : ผศ.ดร.อภิชัย เหมะธุลิน และ ผศ.ดร.เจษฎา ตัณฑนุช.

    การทำวิจัยนี้เพื่อศึกษาการประยุกต์ใช้ลำดับฟีโบนักชีในการหาผลเฉลยของปัญหาทางคณิตศาสตร์
3 ปัญหา ได้แก่ ปัญหาการวางอิฐ ปัญหาเซตย่อยของ {1,2,…,n} ที่ไม่มีตัวเลขเรียงติดกันสองจำนวน และปัญหาการเดินทางระหว่างเมืองทั้ง 5 เมือง และสร้างสื่อประสมเพื่อช่วยอธิบายการหาผลเฉลยของปัญหาดังกล่าว
    ผลการศึกษาพบว่าความสัมพันธ์เวียนเกิดสามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างผลเฉลยของปัญหาดังกล่าวและลำดับฟีโบนักชี และได้จัดทำสื่อประสมชนิดสไลด์โดยใช้โปรแกรมไมโครซอฟท์พาวเวอร์พอยท์รุ่น 2007 เพื่ออธิบายการหาผลเฉลย และเขียนโปรแกรมเพื่อให้สื่อประสมแผ่นตารางทำการโดยใช้โปรแกรมไมโครซอฟท์เอ็กเซลรุ่น 2007 แสดงตัวอย่างการหาผลเฉลย


22. นงลักษณ์ เจนไร่ (2556)  นักศึกษาปริญญาโท  สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้ทำการวิจัยเรื่องการศึกษาความสามารถในการอ่าน การเขียนภาษาไทย และพฤติกรรมการทำงานร่วมกันของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC กลุ่มตัวอย่างมีจำนวน 38 คน  ผลการวิจัยพบว่า ความสามารถในการอ่าน การเขียนภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยทางสถิติที่ระดับ .05
ส่วนความสามารถในการอ่าน การเขียนภาษาไทยของกลุ่มตัวอย่างจากการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และพฤติกรรมการทำงานร่วมกันของกลุ่มตัวอย่างจากการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

นงลักษณ์ เจนไร่.  (2556).  การศึกษาความสามารถในการอ่าน การเขียนภาษาไทย และพฤติกรรมการทำงานร่วมกันของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC.  วิทยานิพนธ์ ค.ม. (หลักสูตรและการสอน).  นครราชสีมา : สำนักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา.  อาจารย์ที่ปรึกษาสารนิพนธ์ : ดร.วิไล วัชรพิชัย.

    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาความสามารถในการอ่าน การเขียนภาษาไทยของนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC 2) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่าน การเขียนภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังจากการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC 3) เพื่อเปรียบเทียบความสามารถในการอ่าน การเขียนภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC หลังเรียนกับเกณฑ์ร้อยละ 70 4) เพื่อศึกษาพฤติกรรมการทำงานร่วมกันของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC 5) เพิ่อเปรียบเทียบพฤติกรรมการทำงานร่วมกันของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนและหลังจากการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC
    กลุ่มตัวอย่างในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนนิคมสร้างตนเองพิมาย 4
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมาเขต 7 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2555 จำนวน 38 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แผนการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC จำนวน 5 แผน แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านภาษาไทย จำนวน 30 ข้อ แบบทดสอบวัดความสามารถในการเขียนภาษาไทย จำนวน 1 ข้อ และแบบสังเกตพฤติกรรมการทำงานร่วมกัน สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าที
    ผลการวิจัย
    1. ความสามารถในการอ่าน การเขียนภาษาไทย ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC พบว่าความสามารถในการอ่านภาษาไทยก่อนเรียนได้คะแนนเฉลี่ย 15.82 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 52.72 หลังเรียนได้คะแนนเฉลี่ย 25.05 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 83.51 ค่าความก้าวหน้า 9.24 คิดเป็นร้อยละ 30.80 ส่วนความสามารถในการเขียนภาษาไทยก่อนเรียนคะแนนเฉลี่ย 7.92 คะแนนคิดเป็นร้อยละ 39.74 หลังเรียนคะแนนเฉลี่ย 16.34 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 81.71 ค่าความก้าวหน้า 8.39 คิดเป็นร้อยละ 41.95
    2. ความสามารถในการอ่าน การเขียนภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยทางสถิติที่ระดับ .05
    3. ความสามารถในการอ่าน การเขียนภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC หลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
    4. พฤติกรรมการทำงานร่วมกันของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่  6 จากการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC ก่อนเรียนได้คะแนนเฉลี่ย 7.50 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 62.50 หลังเรียนได้คะแนนเฉลี่ย 10.30 คะแนน คิดเป็นร้อยละ 85.96 ค่าความก้าวหน้า 2.82 คิดเป็นร้อยละ 23.50
    5. พฤติกรรมการทำงานร่วมกันของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จากการเรียนรู้แบบร่วมมือเทคนิค CIRC หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05