Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

กาพย์ยานี : ตำนานฉันทลักษณ์กับหลักการใหม่

 

 
 
     การถอดทิ้งตำราเก่าซึ่งคนเขารับรู้มานานมนาน ยิ่งถือเป็นโบราณลีลายิ่งยากกว่าขึ้นไปอีก เมื่อต้องฉีกกฎเกณฑ์สารพัด แถมถูกคัดค้านพิพากษาราวกับว่าเป็นมหาโจรไปโน่น ทั้งที่บางทีลีลาใหม่มิใช่ความเลวร้ายอันใดเลย
 
     การคุ้นเคยอันนานยาวยากแก่การฝ่าก้าวฉะนี้แล…แต่สำหรับร้อยกรอง (ครรลองใหม่) ต้องอาศัยกาลเวลา ใครจะคิดว่ากลอนแบบสุนทรภู่ซึ่งมีอิทธิพลอยู่ยาวนานนั้น มาถึงวันนี้จะถูกตีแนบโดยกลอนแบบบทละคร หรือกลอนกลบทอันเป็นกฎบนการสำแดงฝีมือแห่งกวีแทบจะมิมีบทบาทเท่าไหร่ในวงฉันทลักษณ์
 
     ฉันใดกาพย์ยานี ๑๑ ของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศวร์จักต้องสั่นสะเทือนให้แก่การเคลื่อนตัวของกาพย์ยานี แบบนายผี ที่ว่า
 
๏ในฟ้าบ่มีน้ำ                   ในดินซ้ำมีแต่ทราย
น้ำตาที่ตกราย                  ก็รีบซาบบ่รอซึม
แดดเปรี้ยงปานหัวแตก       แผ่นดินแยกอยู่ทึบทึม
แผ่นอกที่ครางครึม            ขยับแยกอยู่ตาปี
 
     คือลีลาที่ทิ้งสัมผัสใน แล้วหันมาใช้สัมผัสตัวอักษรแทน และเดินความหนักแน่นในจังหวะเกือบชัดเจน เป็น ๒ (-๑)-๒ ในวรรคที่มี ๕ คำ และเป็น ๒-(๑) –(๑)-๒ ในจังหวะมี ๖ คำ ถ้าใช้ความสังเกตสังกาอีกตลบจะพบว่า วรรค ๒ และวรรค ๔ คำที่ ๑,๒ และ ๔ จะมีน้ำหนักเบากว่าคำที่ ๓,๕ และ ๖ ส่วนวรรคที่มี ๕ คำ คำที่ ๓ จะมีน้ำหนักเบาเช่นกัน และมักจะเป็นคำโดดด้วยอ่านแล้วจะสละสลวย คล้ายอินทรวิเชียรฉันท์กลายๆ นั่นเอง
 
     แต่การประเลงลีลาใหม่นี้นายผียังมีจุดมิลงตัวอยู่ ๒-๓ แห่ง ดังจะแสดงให้เห็นเป็นฉากๆ
 
– ทิ้งสัมผัสในมากไป เพราะในการเขียนหรืออ่านงานยาวจักต้องตละเค้ากันคือ บางวรรคนั้นถ้าทำได้จะช่วยในการสร้างความอลังการได้ดี
– วรรคที่ ๒ มีการลงท้ายด้วยเสียงจัตวาซึ่งผมย้ำนักหนาว่าไม่น่าจะทำในกาพย์ยานีและฉันท์ที่มี ๔ วรรค เป็น ๑ บท แม้มิใช่กฎเกณฑ์แน่นเหนียว แต่จงเฉลียวคิดสักนิดหนึ่ง ถึงอย่างไรก็บั่นทอนความไพเราะลงจริงๆ ยิ่งลงด้วยเสียงเอกหรือโท ยิ่งจะเห็นช่องโหว่ยิ่งขึ้น
 
– พื้นฐานของกาพย์ยานี อยู่ที่จังหวะลีลาโดยอาศัยการเดินคำเป็นสำคัญ และนายผีก็ทำได้ดี แต่เห็นว่ามีคำอยู่หลายคำที่สื่อความหมายไม่กระชับชัดนัก ดัง :-
 
๏เมื่อใดทั้งสองเสียง            อันครางคร่ำอยู่ในโหยหวน
จากสองใจรำจวน              จะเป็นเสียงอันเดียวกัน
เมื่อนั้นแลทั้งสอง               ก็จะสิ้นที่โศกศัลย์
เมื่อนั้นแลสองขัน               ก็จะขุกได้สุขสม
จึงทิพรูปแสน                    จะระทดระทมตรม              
เตร็จในพนมงม                  ดูเง่าเพชรอยู่งึมงำ
 
             การทำกาพย์ยานีลีลาใหม่ แม้จะไม่แพร่หลายในช่วงแรก แต่ก็ถือว่าแหวกวงล้อมแบบเก่าได้สำเร็จ กาพย์ยานี ๑๑ ของนายผีได้รับการคลี่คลายโดยจิตร ภูมิศักดิ์ ที่ตระหนักเห็นทั้งพลังทั้งคุณค่า จึงนำมาใช้โดยไม่ตะขิดตะขวง มิติดบ่วงบาศแห่งอัตตา และถูกนำมาขยายแนว จากแนวร่วมทางความคิดอีกครั้ง ภายหลังปี ๒๕๑๔ ถึงช่วงปี ๒๕๑๕ กาพย์ยานีลีลาใหม่กลายเป็นไฟลามทุ่งรุ่งเรืองแล้วตกต่ำ (เพราะย้ำคำคิดคล้ายจิตร คล้ายนายผีโดยมิมีการเคลื่อนขบวน ชวนให้อ่านแล้วน่าเบื่อยิ่งเมื่อยุคสมัยไร้ป่าไร้ดาว ก้าวของกาพย์ยานีลีลาใหม่ก็ต้องถอยหลังถอยจังหวะอีกระยะหนึ่ง)
 
             กวีซึ่งจับกาพย์ยานี และยังมีผลงานออกมาเช่น สถาพร ศรีสังจัง ไพวรินทร์ ขาวงาม เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ และคมทวน คันธนู เป็นต้น ผลงานของเขาเหล่านี้ส่วนมากเป็นกาพย์ยานีลีลาใหม่ทั้งสิ้นต่างคนต่างเดินลีลาเฉพาะตัว
 
ลองดูตัวอย่าง:
 
๏ การเกิดต้องเจ็บปวด             ต้องร้าวรวดและทรมา
ในสายฝนมีสายฟ้า               ในผาทึบมีถ้ำทอง
มาเถิดมาทุกข์ยาก                มาบั่นบากกับเพื่อนพ้อง
อย่าหวังเลยรังรอง                จะเรืองไรในชีพนี้
ห้าวแรกที่เราย่าง                  จะสร้างทางในทุกที่
ป่าเถื่อนในปฐพี                    ยังมีไว้รอให้เดิน
 
(หนทางแห่งหอยทาก:เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์)
 
และ:-
 
๏ด้วยธรรมนั้นเทียมเท่า          แต่ใครเล่าที่ครอบงำ
เอาเปรียบและเหยียบย่ำ          มวลชีวิตจนผิดไป
ในน้ำทุกหยดน้ำ                   หรือใช่น้ำเฉพาะใคร
ลมแดดหรือดินใด                ล้วนสมบัติอันเป็นกลาง
โลกนี้คือที่อยู่                     ให้หมู่สรรพสัตว์สร้าง
เลี้ยงธรรมชาติวาง                ตำแหน่งไว้ชั่วนิรันดร์
 
(เพลงไทยของคนทุกข์:ไพวรินทร์ ขาวงาม)
 
     จะเห็นได้ว่า ความ – คำ – ลีลา – และจังหวะของกวีทั้งสองอยู่ใกล้ร่องรอยเดียวกัน การเดินกาพย์นั้นราบรื่นดี แต่ยังมีอะไรหลวมๆ ปรากฏร่วมทาง ฉะนั้นการวางจังหวะ – ลีลากาพย์ยานีใหม่ (หลังจากพัฒนาไปอีกก้าวหนึ่ง ซึ่งนายผีได้ปูทอดวิถีไว้ก่อน) จักต้องมีขั้นตอนยกระดับรับขึ้นด้วย จังหวะอันสละสลวยก็ดี ลีลาสง่างามก็ดี น่าจะเป็นกาพย์ยานีที่ลงตัวที่สุด เท่าที่ขุดค้นพบและตกแต่งต่อ!
 
(คัดจาก วรรณวิเคราะห์ ตำนานฉันทลักษณ์กับหลักการใหม่, คมทวน คันธนู,สำนักพิมพ์สุขภาพใจ,พิมพ์ครั้งที่ ๑ พ.ศ ๒๕๔๕)