Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเสียงเพรียกแห่งความตาย

 

 
แล้วในที่สุดการรอคอยนวนิยายแนวแฟนตาซีที่โด่งดังที่สุดในโลกของศตวรรษนี้ที่ชื่อ Harry Potter and the Deathly Hallows (แฮร์รี่ พอตเตอร์ กับเสียงเพรียกแห่งความตาย) ผลงานของ เจ.เค. โรว์ลิ่ง ซึ่งเป็นเล่มที่ 7 หรือเป็นภาคจบสมบูรณ์เล่มสุดท้ายก็สิ้นลง เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 ที่ผ่านมา ทันทีที่มีการวางจำหน่ายหนังสือเล่มนี้ทั่วโลกพร้อมๆ กัน 
 
รวมทั้งในประเทศไทยของเราได้มีร้านหนังสือหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น Asia Books, นานมีบุ๊คส์, B2S, ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ได้จัดงานกิจกรรมหลากหลายเพื่อต้อนรับหนังสือ Harry Potter and the Deathly Hallows และเหล่าสาวกนักอ่านที่หลงใหลกันตั้งแต่ตีห้าเลยทีเดียว ซึ่งข้อมูลจากร้าน Asia Books เผยว่ามียอดสั่งจองฉบับภาษาอังกฤษนับตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมานับหมื่นเล่ม และคาดว่าอาจจะมียอดขายหลายหมื่นเล่มอย่างแน่นอน…นี่ไม่นับรวมฉบับแปลเป็นภาษาไทยที่บริษัทนานมีบุ๊คส์ได้ซื้อลิขสิทธิ์มาแปลเพียงผู้เดียว ยอดสั่งจองก็ยิ่งพุ่งพรวดและเกินหลักแสนอย่างไม่ต้องสงสัย 
 
 
ต้องยอมรับว่านวนิยายชุด แฮร์รี่ พอตเตอร์ นั้นยิ่งใหญ่และสร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการหนังสืออย่างน่าอัศจรรย์ พร้อมกับก่อให้เกิดกระแสใหม่ขึ้นในวงการธุรกิจหนังสือไปทั่วโลก โดยเฉพาะกระบวนการผลิตนวนิยาย นับตั้งแต่ตัวนักเขียน สำนักพิมพ์ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ตลอดจนกลยุทธ์ทางการตลาด ตลอดจนเหตุการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ ถือเป็นสิ่งแปลกใหม่ทั้งสิ้น 
 
เช่นเหตุการณ์ที่ สำนักพิมพ์บลูมส์บิวรี่ ทุ่มค่าใช้จ่ายในการรักษาความปลอดภัยหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 7 ซึ่งเป็นเล่มสุดท้าย สูงถึง 660 ล้านบาท ก่อนที่หนังสือเล่มนี้จะวางจำหน่ายทั่วโลก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรั่วไหลก่อนกำหนด เป็นมูลค่าสูงถึง 20 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 660 ล้านบาท ออกไปก่อน โดยใช้กฎหมายที่เข้มงวดมาก ใช้กองทัพเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และการใช้ระบบติดตามด้วยดาวเทียม ติดตั้งบนบรรดารถบรรทุกที่ขนย้ายหนังสือไปส่งให้กับผู้ขาย รวมถึงระบบติดตามจะช่วยให้ทราบได้ในทันทีหากรถบรรทุกหันเหออกจากเส้นทางที่กำหนดไว้ 
 
หรืออย่างเช่น เจ.เค. โรว์ลิ่ง ขอให้ร้านค้าทั่วโลกที่ขายหนังสือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 7 ช่วยติดโปสเตอร์ของ แมเดอลีน แมคแคนน์ เด็กหญิงวัย 4 ขวบ ผู้หายตัวไปจากอพาร์ตเมนต์ที่พักร้อนของครอบครัว ที่โรงแรมตากอากาศแห่งหนึ่งของโปรตุเกส เมื่อ 3 พฤษภาคมสองเดือนที่แล้ว ขณะที่ก่อนหน้านี้เธอได้ประกาศให้รางวัลหลายแสนปอนด์ แก่ผู้ที่นำเด็กหญิงแมเดอลีนกลับคืนมาโดยปลอดภัยด้วย 
 
แถลงการณ์ของ เจ.เค. โรว์ลิ่ง แสดงความหวังด้วยว่า นอกจากจะขอให้ผู้คนช่วยตามหาเด็กหญิงแมเดอลีนแล้วยังจะช่วยให้มีการตามหาเด็กอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมากที่สูญหายจากบ้านในประเทศต่างๆ ด้วย เพราะบนโปสเตอร์จะมีชื่อเวบของศูนย์ระหว่างประเทศสำหรับเด็กที่สูญหายหรือถูกใช้ประโยชน์ในทางที่ผิดด้วย นอกจากนี้แล้วต่อมาแถลงการณ์ระบุว่าได้มีการยกเลิกแผนการเดิมที่จะสอดที่คั่นหนังสือที่มีภาพของเด็กหญิงแมเดอลีนออกจากหนังสือแต่ละเล่ม เพราะรู้สึกว่าต้องปกป้องผู้อ่านที่ยังมีอายุน้อย ไม่ให้รับข่าวสารโดยที่ผู้ปกครองอาจไม่ยินยอม รวมทั้งมองว่าชื่อของหนังสือทำให้ไม่เหมาะสมที่จะทำแบบนั้น 
 
และปรากฏการณ์สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือตัวผู้เขียนนั่นคือ เจ.เค. โรว์ลิ่ง ซึ่งเธอได้กลายเป็นนักเขียนชื่อดังที่มีรายได้มากที่สุดในโลกก็ว่าได้ เพราะแฮร์รี่ พอตเตอร์ ทั้ง 6 เล่ม ผลงานของเธอก่อนหน้านั้นมียอดจำหน่ายสูงถึง 325 ล้านเล่มทั่วโลก ไม่นับรวมที่ได้มีการแปลออกมาเป็นภาษาอื่นๆ อีกถึง 63 ภาษา ทุบทุกสถิติและสร้างปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในแวดวงวรรณกรรมนั่นเอง อย่างเช่น แฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่มที่ 6 Harry Potter and the Half-Blood Prince แค่เพียงเล่มเดียวที่วางแผงเมื่อ 16 กรกฎาคม 2005 ก็มียอดจำหน่าย ณ วันที่วางแผงเฉพาะในประเทศเครือจักรภพ จำนวนถึง 2,009,574 เล่ม (ข้อมูลจาก http://www.newsmax.com/archives/articles/2007/2/1/125634.shtml) 
 
 
เจ.เค. โรว์ลิ่ง (J.K. Rowling) ได้รับการโหวตจาก The Book Magazine ว่าเป็นนักเขียนอังกฤษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ ก่อนหน้านี้เธอเปิดเผยว่ารู้สึกดีใจและใจหายในคราวเดียวกันที่ แฮร์รี่ พอตเตอร์ งานเขียนของเธอจะจบลงในเล่มที่ 7 รวมถึงข่าวลือต่างๆ นานาที่ทำให้ผู้อ่านได้คาดเดากันว่าตัวละคร 2 ตัวคือใครกันหนอที่จะต้องจบชีวิตลงในท้ายที่สุด และเจ.เค.ยืนยันว่า ในเล่มที่ 7 จะต้องมีคนตายสองคน เล่นเอาสาวกแฮร์รี่ พอตเตอร์นับล้านๆ คน ออกมาแสดงความเห็นตามหน้าเวบไซต์และบล็อกคาดเดากันไปว่าสองคนนั้นคือใครกันหนอ และหลายเสียงไม่อยากให้เป็นแฮร์รี่ เพราะสาวกของแฮร์รี่ต่างมีมติเป็นเสียงเดียวกันว่า การผจญภัยของแฮร์รี่มากล้นจินตนาการและตื่นเต้น จนพวกเขาทนไม่ได้ถ้าแฮร์รี่ฮีโร่ในดวงใจจะต้องตาย จนเกิดกระแสรณรงค์ Save Harry!!! เพื่อให้แฮร์รี่มีชีวิตอยู่ต่อไปในมหากาพย์เล่มสุดท้าย 
 
ตอนแรกสำนักพิมพ์บลูมส์บิวรี่ (BLOOMSBURY) อยากให้ เจ.เค.เขียนแฮร์รี่ พอตเตอร์ให้เสร็จในวันที่ 7/7/07 เพื่อท้าชนกับการประกาศ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก แต่พอมีการประกาศอย่างเป็นทางการจากสำนักพิมพ์ต้นสังกัดว่า Harry Potter and the Deathly Hallows จะมีการเปิดตัวและวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วโลกในวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 เจ.เค.ได้เขียนบันทึกไว้ในเวบไซต์ www.jkrolwling.com ของเธอว่าทำให้มีเวลาในการตรวจทานต้นฉบับมากขึ้น และยังมีอีกหลายอย่างที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำ ซึ่งสำนักพิมพ์คงไม่อยากให้งานออกมาแบบสุกเอาเผากิน และเธอยอมรับว่าเป็นการตรวจทานต้นฉบับที่สุดยุ่งทีเดียว 
 
 
เป็นเวลา 10 ปีแล้วนับตั้งแต่แฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 1 Harry Potter and the Philosopher's Stone (ฉบับพิมพ์ในประเทศสหรัฐอเมริกาใช้ชื่อว่า Harry Potter and the Sorcerer's Stone) ได้ปรากฏสู่สายตานักอ่านเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 1997, เล่ม 2 Harry Potter and the Chamber of Secrets (2 กรกฎาคม 1998), เล่ม 3 Harry Potter and the Prisoner of Azkaban (8 กันยายน 1999), เล่ม 4 Harry Potter and the Goblet of Fire (8 กรกฎาคม 2000), เล่ม 5 Harry Potter and the Order of the Phoenix (21 มิถุนายน 2003), เล่ม 6 Harry Potter and the Half-Blood Prince (16 กรกฎาคม 2005) และเล่ม 7 Harry Potter and the Deathly Hallows (21 กรกฎาคม 2007) 
 
หนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ทุกภาค เจ.เค. โรว์ลิ่ง ไม่อนุญาตให้มีการนำเสนอให้อ่านกันทางอี-บุ๊คส์ ตามหน้าเวบไซต์ต่างๆ และจะไม่มีปรากฏการณ์ขโมยหรือฉก แฮร์รี่ พอตเตอร์ ไปอยู่ตามหน้าเวบไซต์อี-บุ๊คเกิดขึ้นกับแฮร์รี่ พอตเตอร์ทั้ง 7 เล่มอย่างแน่นอน นีล แบลร์ (Neil Blair) ทนายความของโรว์ลิ่งได้ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่นักเขียนดังแห่งทศวรรษไม่อนุญาตให้มีการเผยแพร่แฮร์รี่ พอตเตอร์ในรูปแบบอี-บุ๊คว่า "โรว์ลิ่งได้เหตุผลสองข้อที่ไม่อนุญาตให้มีการเผยแพร่ในรูปแบบดังกล่าว และไม่ยอมให้เกิดขึ้นเด็ดขาดว่า เธอกังวลที่จะมีการขโมยเรื่องของเธอ และปรารถนาให้นักอ่านของเธอได้อ่านหนังสือแฮร์รี่จากหน้ากระดาษในหนังสือมากกว่า อี-บุ๊คเป็นการเผยแพร่สิ่งพิมพ์แห่งอนาคตที่มาแรงและสร้างกระแสให้กับคนอ่านมากในช่วงทศวรรษที่ 1990 สำหรับนักท่องเน็ตทั้งหลาย และยังเป็นอุตสาหกรรมที่ทำมูลค่าหลายพันล้านด้วย" 
 
การที่ เจ.เค. โรว์ลิ่ง เขียนต้นฉบับด้วยลายมือก่อนจะพิมพ์ลงคอมพิวเตอร์เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้แฮร์รี่ พอตเตอร์เล่มสุดท้ายวางแผงช้ากว่ากำหนดการ แรกที่คิดว่าจะวางได้ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เธอบอกว่าชอบการเขียนต้นฉบับด้วยลายมือมากกว่า และบางครั้งรู้สึกว่ามันยากเหลือเกินที่จะหาซื้อกระดาษในใจกลางกรุงเอดินเบรอะ ประเทศสกอตแลนด์ที่เธอพำนักอยู่ เธอจะมีกระดาษแบบมีเส้นบรรทัดติดกระเป๋าไว้ตลอดเพื่อเขียนต้นฉบับเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์ และบอกติดตลกว่า "อุ๊ย…ทำไมมันหาซื้อกระดาษยากเย็นแสนเข็ญแบบนี้หนอ ทั้งๆ ที่เธอเตร่อยู่ในมหาวิทยาลัยแท้ๆ" 
 
ด้านสำนักพิมพ์ต้นสังกัดอย่างบลูมส์บิวรี่ได้จัดงานเปิดตัวหนังสือ Harry Potter and the Deathly Hallows เล่ม 7 ขึ้นที่ Natural History Museum กรุงลอนดอน ในวันที่ 21 กรกฎาคม 2007 เวลา 00.01 ตามเวลาท้องถิ่นที่ผ่านมา และในวันปิดตำนานแฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 7 และวันเปิดตัวหนังสือเล่มดัง เจ.เค. โรว์ลิ่ง จะไปร่วมในงานดังกล่าว พร้อมอ่านหนังสือแฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 7 ประมาณ 2-3 บทให้แก่บรรดาสาวกจำนวน 500 คนที่ถูกจับสลากเป็นชื่อผู้โชคดีในการเข้าร่วมงานดังกล่าวได้ฟังกันในเวลาหลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป พร้อมกับการแจกลายเซ็น โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านทางเวบไซต์ของบลูมส์บิวรี่ www.bloomsbury.com เรียกได้ว่าสร้างความตื่นเต้นไปได้พร้อมๆ กันทั่วโลกผ่านทางเวบไซต์อย่างเป็นทางการ 
 
แต่ถึงอย่างไรตำนานทั้งหลายของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ก็ไม่ได้จบลงเพียงแค่หนังสือวางแผงเท่านั้น สถานที่หลายแห่งในกรุงเอดินเบรอะที่เจ.เค. โรว์ลิ่ง ได้ใช้เป็นที่เขียนต้นฉบับแฮร์รี่ พอตเตอร์ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร Nicolson ซึ่งตอนนั้นน้องเขยของเธอเป็นเจ้าของและตอนนี้ได้กลายเป็นภัตตาคารอาหารจีนไปแล้ว ณ ร้านอาหาร Nicolson เป็นร้านที่เธอได้นั่งเขียนต้นฉบับแฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่มแรก Harry Potter and the Philosopher’s Stone และยังมีอีกสองแห่งที่เธอไปเป็นประจำคือ Elephant House Cafe ตั้งอยู่แถวสะพานจอร์ชที่ 4 เธอจะเขียนต้นฉบับด้วยลายมือก่อน แล้วกลับมาพิมพ์ต้นฉบับด้วยเครื่องพิมพ์ดีดที่บ้าน (ตอนนี้เธอเปลี่ยนมาใช้คอมพิวเตอร์แล้ว) เธอชอบที่จะออกไปนั่งเขียนงานข้างนอกมากกว่าขลุกตัวเองอยู่ในห้องนอนเพื่อเขียนต้นฉบับ โดยทุกที่ได้กลายเป็นแหล่งที่ผู้คนอยากไปสัมผัสทั้งสิ้น 
 
สำหรับสถานที่แห่งตำนานของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 7 www.scotsman.com ได้เสนอข่าวผ่านทางเวบไซต์ดังกล่าวว่า เจ.เค. โรว์ลิ่ง ได้เขียนต้นฉบับแฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 7 จบลงที่ห้อง 652 เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2007 ณ โรงแรมหรูชื่อดัง Balmoral (มีบริการห้องสูทเพียง 188 ห้องเท่านั้น) ของประเทศสกอตแลนด์ โดยโฆษกของโรงแรมดังได้ยืนยันว่า เจ.เค.ได้เช็คอินห้องในโรงแรมดังกล่าวเพื่อเขียนต้นฉบับ Harry Potter and the Deathly Hallows 
 
 
เจ.เค. โรว์ลิ่ง ยืนยันแน่นอนว่าจะไม่มีแฮร์รี่ พอตเตอร์ เล่ม 8 แต่เธอกำลังอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูลเก็บตกต่างๆ จากงานเขียนทั้ง 7 เล่มของแฮร์รี่ พอตเตอร์ เพื่อเขียนเป็นสารานุกรมแฮร์รี่ พอตเตอร์ (ลักษณะเหมือนกับเบื้องหลังภาพยนตร์) รับรองว่าจะมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยและอีกหลายเรื่องทั้งเบื้องลึก เบื้องหลัง และเบื้องหน้าให้แก่สาวกได้ตื่นตาตื่นใจอีกรอบอย่างแน่นอน โดยรายได้จากการจำหน่ายสารานุกรมดังกล่าวเธอจะมอบให้กับองค์กรการกุศล 
 
แต่ในตอนนี้ เจ.เค. โรว์ลิ่ง ได้เขียนเรื่องสั้นเสร็จไปแล้วประมาณ 3-4 เรื่องแล้ว และยังมีหนังสือสำหรับเด็กอีกหนึ่งเล่ม เนื้อหาของหนังสือสำหรับเด็กอีกเล่มที่เธอเขียนเสร็จแล้วนั้น เธอตั้งความหวังเอาไว้ว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ใหญ่กว่ากลุ่มที่อ่านแฮร์รี่ พอตเตอร์ เพราะเป็นนิทานแฟนตาซีเกี่ยวกับการเมืองนั่นเอง 
 
ปรากฏการณ์ของกระแสแฮร์รี่ พอตเตอร์ ฟีเวอร์ คงไม่จบลงแค่นี้ แม้ว่าหนังสือนวนิยายเรื่องนี้จะจบลงไปแล้วก็ตาม เนื่องจากคนที่ยังไม่ได้เล่มสุดท้ายก็คงต้องลุ้นกันว่าตัวละครสองคนที่ต้องตายนั้น จะทำให้สาวกแฮร์รี่ พอตเตอร์หัวใจสลายหรือไม่ 
 
และหนึ่งทศวรรษแฮร์รี่ พอตเตอร์ ของนักเขียนดังแห่งทศวรรษอย่าง เจ.เค. โรว์ลิ่ง นั่นอีก ใครจะไปคาดคิดว่าผู้หญิงที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร เที่ยวซอกๆ เขียนหนังสือตามร้านกาแฟและร้านอาหาร ห้องที่พักไม่มีแม้แต่เครื่องทำความร้อน ทว่า 10 ปีผ่านไป เธอได้กลายเป็นมากกว่าผู้ทรงอิทธิพลแห่งทศวรรษไปเสียแล้ว แม้แต่ตัว เจ.เค. โรว์ลิ่งเอง เธอยังบอกว่า 10 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ตอนนี้ลูกสาวของเธอโตเป็นวัยรุ่นและมีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเหลือเกิน 
 
นอกจากนี้แล้วเธอยังบอกด้วยว่า… 
 
แม้จะรู้สึกใจหายที่ต้องจบแฮร์รี่ พอตเตอร์ลง แต่เธอก็อิ่มใจกับห้วงเวลาที่ผ่านมาระหว่างเธอกับหนังสือเล่มดังกล่าวนี้จากปลายปากกาสีดำ (เธอชอบใช้ปากกาหมึกสีดำมากกว่าหมึกสีน้ำเงิน) ของเธอ…
 
นงค์ลักษณ์ เหล่าวอ nonglakspace@gmail.com 
โดย จุดประกาย วรรณกรรม ปีที่ 20 ฉบับที่ 6877 
วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2550