Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

เมื่อ “บ่มีแต่เจ้า!” พา “ดวงจำปา” คว้าซีไรต์ลาวล่าสุด ( 2553 )

 

 
บทประพันธ์ชิงซีไรต์ของลาวนั้นพ้องกันกับไทย ปีนี้เป็นบทกวีหรือบทกาพย์กลอนเหมือนกัน แต่วิธีการตัดสินนั้นต่างกัน
 
 
บ่ายของวันที่ 6 กันยายน 2553 ณ ห้องเจ้าพระยา โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพมหานคร ทำให้เซียนซีไรต์ต้องตะลึงที่หนังสือกลอนเปล่าอย่าง "ไม่มีหญิงสาวในบทกวี" ของ ซะการีย์ยา อมตยา คว้ารางวัลซีไรต์ไทยไปอย่างผิดความคาดหมาย
 
 
แต่เมื่อบ่ายวันที่ 4 สิงหาคม 2553 ณ ห้องประชุมกระทรวงแถลงข่าวและวัฒนธรรม นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว สมาคมนักประพันธ์ลาว ประธานฯ จันที เดือนสะหวัน ที่ล้มป่วยได้มอบหมายให้ ผิวลาวัน หลวงวันนา รองประธานสมาคมนักประพันธ์ลาว คนที่ 1 และสมสุก สุกสะหวัด รองประธานสมาคมนักประพันธ์ลาว คนที่ 2 ได้นำ ดารา กันละยา เจ้าของนามปากกา "ดวงจำปา" เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทุกแขนงเวลา 13.00-15.00 น.ว่าบทกลอนที่ชื่อ "บ่มีแต่เจ้า!" พา "ดวงจำปา" คว้าซีไรต์คนล่าสุดของลาวซึ่งเป็นคนที่ 13 แล้วในปีนี้
 
คอซีไรต์ลาวไม่แปลกใจอะไร เพราะก่อนหน้านี้ประมาณหนึ่งสัปดาห์วันที่ 29 กรกฎาคม 2553 คณะกรรมการตัดสินซีไรต์ลาว นำโดย สมสุก สุกสะหวัด ประธานคณะกรรมการ พร้อมด้วยกรรมการ ทองใบ โพทิสาน กงเดือน เนดตะวง หงเหิน ขุนพิทัก และโอทอง คำอินซู ได้พิจารณาตัดสินเสร็จเรียบร้อยอย่างเอกฉันท์ และข่าวคราวอย่างไม่เป็นทางการก็แพร่กระจายรู้กันทั่วไปแล้วนั่นเอง 
 
ใช่..ประเภทบทประพันธ์ชิงซีไรต์ของลาวนั้นพ้องกันกับไทย ปีนี้เป็นบทกวีหรือบทกาพย์กลอนเหมือนกัน แต่วิธีการตัดสินนั้นต่างกัน กล่าวคือไม่ใช้การพิจารณาตลอดทั้งเล่มอย่างของไทย แต่ให้ยกบทกลอนขึ้นมาชิง 1 บทจากรวมบทกวีเล่มนั้นๆ คณะกรรมการทั้งห้าคนก็จะลงคะแนนแล้วส่งให้เลขานุการรวมคะแนนออกมาตัดสินกันเลย
 
การส่งผลงานชิงซีไรต์ของลาวปีนี้ข่าวแจ้งว่าคึกคักกว่าทุกปีที่ผ่านๆ มาเพราะมีส่งชิงตั้ง 30 ผลงานเลยทีเดียว โดยเฉพาะนักเขียนรุ่นใหม่ๆ มีส่งเข้ามามาก ซึ่งปีก่อนๆ นั้นมีอย่างมากก็แค่ 15 ผลงาน มีข่าวเบื้องลึกจากผู้สันทัดกรณีบอกอีกว่าบทกลอน "บ่มีแต่เจ้า!" ของดวงจำปามีคะแนนนำลิ่ว ที่น่าสนใจอีก  2 ชิ้นต่อมาก็คือ "ซิ่นแม่" ของ ชายดอนใต้ และ"ไม้ล้มคนล้ม" ของ อ่อนสี ปะชาวง นั้นมีคะแนนเท่ากันเบียดเข้ามาเป็นอันดับสองทั้งคู่ วงการนักประพันธ์ลาวนับวันจะคึกคักเฟื่องฟูมากขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะปีนี้เป็นปีร่วมเฉลิมฉลองการสถาปนานครหลวงเวียงจันทน์ครบรอบ 450 ปีอีกด้วย
 
ดวงจำปา คือใคร?
 
ดวงจำปา เป็นนามปากกาของ ดารา กันละยา เกิดเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 1940 (พ.ศ. 2483) ที่บ้านหนองปลาไน (อูบมุง) เวียงจันทน์ เป็นลูกสาวคนแรกของมหาสิลา วีระวงส์ กับนางมาลี วีระวงส์ เริ่มประกอบอาชีพเป็นครูสอนชั้นประถม และเขียนหนังสือไปพร้อมๆ กัน สมรสกับนักการทูต มีบุตรธิดาด้วยกัน 4 คน แต่เพราะสามีเป็นนักการทูตจึงออกจากหน้าที่ครู แล้วไปหาประสบการณ์ในโลกกว้าง อันเป็นเงื่อนไขเสริมส่งให้สามารถสร้างสรรค์ผลงานด้านวรรณกรรม ผลงานนวนิยายและเรื่องสั้นกว่า 60 เรื่อง และบทกวีกว่า 80 ชิ้น
 
การศึกษาเรียนชั้นประถมศึกษาที่จังหวัดหนองคาย (ประเทศไทย) จบชั้นประถมที่โรงเรียนวัดไต เวียงจันทน์ เรียนมัธยมที่โรงเรียนมัธยมปาวี จบประกาศนียบัตรครูชั้นกลางที่วิทยาลัยปาวี ในเวียงจันทน์ และศึกษาต่อศึกษาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเซาเทิร์น รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา (1961-1963) ผลงานการเขียนที่รวมเล่มกับนักเขียนคนอื่นๆ ช่วงปี 1972-1975 (2515-2518) ได้แก่ กุยกลิ่นสาวคาวผู้ชาย, ทะเลชีวิต, บ่บานบ่หอม, หนาวใจ, ฟ้าใหม่ และลืมสัญญา
 
ผลงานเดี่ยวได้แก่ ก่อนจะถึงวันนี้, เธอคนนั้น, ฟ้าปลิ้น, ฮักดอก..จึ่งบอกมา และบทละครเรื่อง "หอมกลิ่นบัวแดง" (1985/2528) ซึ่งได้สร้างเป็นละครโทรทัศน์ปี 1987/2530
 
ปี 1979/2522 ดวงจำปาเป็นคนหนึ่งในคณะผู้ร่วมก่อตั้งวารสารวันนะสิน และต่อมาก็เป็นผู้มีบทบาทสำคัญของวารสารดังกล่าว
 
ตั้งแต่ปี 1989/2532 เป็นต้นมา ดวงจำปาทุ่มเทเวลาให้กับงานปกปักรักษาหนังสือใบลาน อันเป็นโครงการร่วมมือระหว่างลาวกับเยอรมนี ซึ่งถือว่าเป็นการเข้าสู่รากเหง้าแหล่งภูมิปัญญาของบรรพบุรุษของลาวที่ทิ้งไว้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติ ซึ่งดวงจำปาทุ่มเทเอาใส่ใจเป็นพิเศษ
 
ปี 1994/2537 ดวงจำปาจัดตั้งศูนย์วัฒนธรรมเด็ก ซึ่งในปัจจุบันได้มีการเคลื่อนไหวอย่างกว้างขวางทั่วประเทศ เพื่อตอบสนองเจตนารมณ์อันสูงสุด  กล่าวคือ การสร้างคนรุ่นใหม่ให้รู้จักรักษาวัฒนธรรมของชาติ อีกทั้งยังเป็นการปลูกฝังส่งเสริมเด็กในเรื่องการอ่าน การเขียน และการวาดภาพ ตั้งแต่เยาว์วัย
 
ผลงานแปล "แม่น้ำดิน" ของ โชโลคอฟ, "มหาวิทยาลัยของฉัน" และ "แม่" ของ แม็กซิม กอกี้ ชาวรัสเซีย และแปลผลงานของแพทริก แฮนรี ชาวสหรัฐอเมริกา ปัจจุบัน นวนิยาย "คู่สัญญา" กำลังลงตีพิมพ์ในวารสาร "ลานคำ" รายไตรมาส
 
รางวัลที่ได้รับ ทูตกิตติมศักดิ์ขององค์การ Unesco ปี 1990/2533 รางวัล NIKKEI Asia  Prize สาขาวัฒนธรรมจากประเทศญี่ปุ่น 1996/2539 รางวัลโกมลคีมทอง, ประเทศไทย 2002/2545 รางวัลช่อการะเกดเกียรติยศ จากสำนักช่างวรรณกรรม ประเทศไทย ปี 2008/2551 (ได้รับร่วมกับบุนทะนอง ชมไชผน และน้องสาวที่ใช้นามปากกาว่า "ดอกเกด")…
 
และล่าสุดรางวัลซีไรต์ ปี 2010/2553 จากผลงานบท "บ่มีแต่เจ้า!" ของรวมบทกลอน "ฮักดอก..จึ่งบอกมา"
 "บ่มีแต่เจ้า!" เป็นบทกลอนผญา 1 ใน 36 บทหรือชิ้น ในหนังสือรวมบทกลอนชุด "ฮักดอก..จึ่งบอกมา" ของ ดวงจำปา  โดยพิมพ์ครั้งที่ 1 เมษายน 2005/2548 จำนวน 3,000 เล่ม โดยบริษัท ดอกเกดจัดพิมพ์ จำกัด ไม่เคยส่งชิงซีไรต์มาก่อน ซึ่งปีนี้เป็นปีเรื่องสั้นชิงซีไรต์ผู้ได้ไปครองคือบุนเสิน แสงมะนี จากรวมเรื่องสั้นชุดประเพณีกับชีวิต
 
ต่อมาปี 2007/2550 เป็นปีบทกวีซีไรต์ก็ไม่ได้ส่งชิงซึ่งผู้ที่ได้ครองรางวัลซีไรต์ปีนี้คือ หุมพัน ลัดตะนะวง จากบทกวีชุดสุดอาลัย สำหรับ 2010/2553 ปีนี้ก็น่าจะถูกรบเร้าจากผู้หลักผู้ใหญ่ในแวดวงวรรณกรรมให้ส่งเข้าร่วมเพราะหลายปีก็ถูกเชิญถูกรบเร้ามาแล้ว แต่ดวงจำปาก็ไม่เคยส่งผลงานเข้าร่วมชิงซีไรต์มาก่อนเลย
 
หนังสือรวมบทกลอน "ฮักดอก..จึ่งบอกมา" ของ ดวงจำปา เล่มนี้มีการออกแบบอย่างประณีตเฉพาะเล่ม เพราะมีขนาดไม่เท่าเล่มอื่นใดเลย เป็นเล่มรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาด 14.5X14.5 เซนติเมตร ด้วยกระดาษปอนด์อย่างดี ปกอาบมันสองชั้นมีปกชั้นนอกพับหุ้มไว้ด้วย ความหนา 96 หน้า ปกรูปใบหน้าหญิงสาวขาวนวลบทพื้นสีม่วงอ่อนที่น่ารักมาก
 
บทกลอนผญาทั้ง 36 ชิ้น คัดสรรมาจากผลงานของดวงจำปาทั้งหมดอดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นการบันทึกเหตุการณ์ ความรู้สึกนึกคิด ความประทับใจ  และความสะเทือนใจที่ควบคู่มากับประวัติศาสตร์ลาวอย่างนั้นเลย แบ่งออกเป็น 3 ภาคด้วยกัน ภาคที่ 1 ความงาม ความรัก ครอบครัว มีบทกลอน 14 ชิ้น  ภาคที่ 2 ไปตามทาง มีบทกลอน 9 ชิ้น
 
และภาคที่ 3 ฮักดอก..จึ่งบอกมา มีบทกลอนจำนวน 13 ชิ้น ซึ่งบท "บ่มีแต่เจ้า!" ที่คัดออกมาชิงนั้นอยู่ในภาคที่ 1 ราคาขายคิดเป็นเงินไทยเล่มละ 120 บาทเท่านั้น
 
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก http://www.bangkokbiznews.com