Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

เบื้องหลังวิชาสุดท้าย

 

 
"สฤณี อาชวานันทกุล" เขียนคำนำในหนังสือ "วิชาสุดท้าย ที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน" ว่า การเชิญคนมากล่าวสุนทรพจน์ให้กับบัณฑิตจบใหม่ในวันรับปริญญาเป็นประเพณีประจำมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาที่ทำกันมาช้านาน ผู้ที่ได้รับเชิญมากล่าว สุนทรพจน์มักเป็น "คนนอก" ผู้มีชื่อเสียงในหลากหลายวงการ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในหมู่นักศึกษา หรือไม่ก็เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัย "คนใน" ผู้เป็นที่เคารพรักของนักเรียน 
 
สุนทรพจน์วันรับปริญญาอาจเป็นทั้ง "ปัจฉิมกถา" ปิดท้ายชีวิตนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัย และเป็น "ปฐมกถา" ต้อนรับบัณฑิตใหม่เข้าสู่โลกภายนอก 
 
สำหรับนักศึกษาในมหาวิทยาลัยอเมริกัน วันรับปริญญาอาจมีความหมายพิเศษกว่าวันรับปริญญาในบางประเทศ เพราะมหาวิทยาลัยอเมริกันจำนวนมาก โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยดังๆ เป็นแหล่งรวบรวมนักเรียนจาก ทั่วทุกสารทิศในประเทศ และนักเรียนนานาชาติอีกจำนวนไม่น้อย 
 
นักเรียนส่วนใหญ่หอบสัมภาระ เดินทางไกลจากบ้านนับพันนับหมื่นกิโลมาใช้ชีวิตไกลบ้านสี่ปี ต้องเรียนรู้ทั้งวิชาและนิสัยใจคอของคนต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา หลังจากเรียนจบ นักเรียนเหล่านี้ก็จะแยกย้ายกันไปทำงาน ทางใครทางมัน จะกลับมาเจอกันก็นานๆ ครั้งในงานเลี้ยงรุ่นเท่านั้น 
 
วันรับปริญญาจึงเป็นวันสุดท้ายที่ นักศึกษาปีสี่จะได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เป็นวันสุดท้ายของช่วงเวลาอันคุ้นเคย วันพรุ่งนี้จะเป็นวัน เริ่มต้น "ชีวิตใหม่" อันเต็มไปด้วยคนแปลกหน้าอย่างแท้จริง 
 
ด้วยเหตุนี้กระมัง ผู้กล่าวสุนทรพจน์จำนวนไม่น้อยจึงเน้นเนื้อหาไปที่การให้คำแนะนำบัณฑิตจบใหม่ เกี่ยวกับวิธีบริหารจัดการ "ชีวิตใหม่" ที่พวกเขายังมองไม่เห็นอย่างถนัดชัดเจนนัก 
 
สฤณี หรือ "คุณยุ้ย" เล่าว่า หนังสือเล่มนี้รวบรวมบทแปลสุนทรพจน์วันรับปริญญาที่ผู้แปลคิดว่า "กินใจ" ผู้อ่าน สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้ฟัง และมี "ความเป็นสากล" สูงพอที่จะเป็นประโยชน์สำหรับทั้ง นักศึกษาและผู้อ่านชาวไทยโดยทั่วไป 
 
สิ่งหนึ่งที่ผู้แปลคิดว่าน่าสนใจ คือ ผู้กล่าวสุนทรพจน์ทั้งสิบคนที่รวบรวมไว้ในเล่มนี้ ไม่ได้สอน "สูตรสำเร็จ" ของความสำเร็จให้กับนักศึกษา หลายคนเล่าถึงความล้มเหลวของพวกเขา อย่างสนุกสนานด้วยซ้ำไป 
 
ในภาวะที่คนส่วนใหญ่ในสังคมยังชื่นชมกับใบปริญญาว่าสามารถบันดาลสุขให้กับผู้รับ ผู้แปลหวังเป็นอย่างยิ่งว่า สุนทรพจน์ที่เลือกมานำเสนอในเล่มนี้ อาจช่วยกระตุ้นให้ท่านผู้อ่านมองเห็น "กับดัก" ของใบปริญญา บทบาทของการศึกษาในบริบทของการใช้ชีวิต ทั้งในฐานะปัจเจกชน และในฐานะพลเมืองของสังคม และอาจช่วยทุกท่านในการตอบตัวเองว่า ความหมายของชีวิตอยู่ที่ใด ? 
 
"สฤณี" ทิ้งท้ายว่า ท้ายที่สุดแล้ว การศึกษาของมนุษย์เราทุกคน ย่อมมิได้จบลงเมื่อเดินออกจากรั้วโรงเรียน หากดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้งจวบวันตาย และในหลายแง่มุม การศึกษาใน "โรงเรียนชีวิต" ของเราจะเริ่มต้นได้จริง ก็ต่อเมื่อผ่านพ้นวันรับปริญญาไปแล้วเท่านั้น 
 
ดังที่นักเขียนเอก มาร์ค ทเวน เคยกล่าววาทะอมตะไว้ว่า "ผมไม่เคยยอมให้การไปโรงเรียนมาแทรกแซงการศึกษาของผม" (I have never let my schooling interfere with my education.) 
 

วันที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 32 ฉบับที่ 4023 (3223) 
หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ