เทรนด์หนังสือโลก 2009 การหวนคืนของเรื่องเล่า

หลังจากที่ตัวอักษรซึ่งถ่ายทอดเรื่องราวความจริงในชีวิตของคนเขียนผสานกับจินตนาการในการเล่าเรื่องเล็กๆ อย่าง มิส-ลิท (Misery Literature) และเรื่องเล่าเชิงสารคดี ได้สร้างความกระหายใคร่รู้ในเรื่องราวบางเศษเสี้ยวของมุมโลกที่ไม่เคยสัมผัส ที่บางเรื่องงดงาม-แต่บางเรื่องก็เชิญน้ำใสๆมาวิ่งเล่นตรงหน่วยตา ซึ่งเสน่ห์ของความจริงนี้ ก็สร้างอิทธิพล ยึดครองทั้งพื้นที่ของชั้นวางหนังสือ และพื้นที่ในใจคนอ่านมาระยะหนึ่ง โดยเฉพาะในปี 2008 ที่ผ่านมา ซึ่งมิส-ลิท และเรื่องเล่าเชิงสารคดีบูมสุดสุด
พิสูจน์ได้จากทั้งอันดับหนังสือขายดี การสำรวจหนังสือในดวงใจ รวมถึงการนำบทประพันธ์มา สร้างเป็นหนังฟอร์มยักษ์ ส่วนใหญ่มิส-ลิท และเรื่องเล่าเชิงสารคดีจะเป็นรายชื่อลำดับต้นๆ หรือตัวเลือกแรกของผู้สร้างเสมอ
ปรากฏการณ์ข้างต้น ควบคู่กับการหายไปของวรรณกรรมที่สรรค์สร้างโดยนักประพันธ์ชั้นครู
จนก่อเกิดคำถามว่า หรือเรื่องเล่าจากจินตนา การกำลังหายใจรวยริน-รวยริน
แต่ในปี 2009 นี้ เทรนด์หนังสือโลกกำลังขยับที่ทางให้วรรณกรรมชั้นเยี่ยมเหล่านี้ จะกลับมาทวงบัลลังก์อีกครั้ง
เพราะเหล่านักเขียนชื่อดัง กำลังเตรียมสะบัดปลายปากกา
ในอดีต วัตถุดิบที่นักเขียนหยิบจับมานำเสนอ ส่วนใหญ่มักจะมาจากเรื่องราวของผู้คนรอบตัวที่รายล้อมพวกเขา เรารู้เรื่องราวของคนชายขอบหรือคนตัวเล็กๆ ในสังคม ที่มีมุมชีวิตน่าสนใจจากวรรณกรรมที่สร้างขึ้น
ถึงแม้ว่ารูปแบบดังกล่าวจะง่ายและปลอดภัยในการเล่า แต่ก็จะไม่ถูกนำมาผลิตซ้ำอีกครั้งในปี 2009 เพราะจะแทบไม่แตกต่างกับงานเชิงสารคดีหรือมิส-ลิท ทั้งที่นวนิยายหรือเรื่องสั้นมีอภิสิทธิ์พิเศษ สามารถใช้วรรณศิลป์ในการดึงดูดและควบ คุมความสนใจของผู้อ่านได้มากกว่า
นักเขียนจึงจำเป็นต้องหาวัตถุดิบที่แปลกใหม่มาใช้ในการนำเสนอ
Martin Amis นักเขียนและนักวิจารณ์ฝีปาก (กา) คม จากเกาะอังกฤษ เชื่อว่าเสียงซุบซิบนินทาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ต่างๆ ของมนุษย์ที่ฟังแล้วชวนงุนงง และบางครั้งก็ถึงกับ พะอืดพะอมจนต้องหลับตานั่งนิ่ง เมื่อได้สำรวจลึกๆ ลงไปในจิตใจของผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ เป็นข้อมูลที่มีค่าสำหรับงานเขียน ถ้าหากสามารถสวมรูปลักษณ์ที่เหมาะสมได้อย่างพอเหมาะ
และนั่นก็เป็นที่มาของผลงานชิ้นล่าสุดที่วางไว้ว่าจะตีพิมพ์ในช่วงปลายปี เอมิสบอกว่า เรื่องราวของแม่หม้ายที่กำลังตั้งท้อง ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างไม่เคร่งครัดในเรื่องของข้อมูลทางชีววิทยามากนัก แต่จะค่อยๆ เผยเรื่องเล่าที่แปลกประ หลาดผ่านเสียงซุบซิบที่คล้ายจะเหลวไหล แต่ก็น่าใคร่ครวญ
ถ้าผลงานเล่มใหม่ของเอมิสออกแนวกวนโทสะแฝงการยั่วยุอารมณ์ อย่างที่เจ้าตัวนิยามไว้ ผลงานของ Philip Roth เจ้าของงานเขียนที่ได้รับรางวัลอย่างเพียบ และหนังสือที่สร้างชื่อที่สุดของเขาคือ Portnoy"s Complaint ก็ถือว่าเป็นวรรณกรรมชิ้นเยี่ยมเรื่องหนึ่ง ที่สามารถผสานทั้งความอื้อฉาวทางเพศ ความขบขันบันเทิง ความดีงามทางวรรณ กรรม และความขัดแย้งเชิงวัฒนธรรมได้ลงตัว โมเดิร์นไลบรารีจัดเรื่องนี้ไว้ในลำดับที่ 52 ของหนึ่งร้อยนวนิยายเอกในศตวรรษที่ 20
"The Humbling" ที่จะตีพิมพ์ในช่วงเดียวกัน ก็คงให้อารมณ์ไม่แพ้กัน กับเรื่องเล่าของชายสูงวัยที่มีแรงดึงดูดทางเพศสูงไม่แพ้วัย แต่ดันต้องมาพัว พันยุ่งเหยิงราวขดเชือกที่ยังม้วนไม่เสร็จ ในความสัมพันธ์ล้ำลึกที่คนเขียนบอกว่า ทั้งมหัศจรรย์และสวยงามของเลสเบี้ยนวัยเยาว์
ส่วนเรื่องล่าสุดของ Thomas Pynchon นัก เขียนจากฝั่งอเมริกาแนวโพสต์โมเดิร์นคนแรกๆ ของบรรณพิภพ ถึงแม้หนังสือจะอ่านยาก แต่ก็มีความแปลกประหลาดที่น่าสนใจซ่อนอยู่ในเรื่องราวของสังคมความจริง-ความฝัน และผู้คนที่ไม่ธรรมดา และความน่าสนใจนั้นก็เกือบจะทำให้เขาเกือบได้รางวัลพูลิตเซอร์จากเรื่อง Gravity"s Rainbow แต่อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ มีเสียงเล่าลือว่า กรรมการอาวุโสไม่ชอบงานแนวนี้ ปีนั้นเลยไม่มีใครคว้ารางวัลนี้ไปครอง
ช่วงเดือนสิงหาคมของปีนี้ ก็ติดตามอ่านเรื่องราวของแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ที่ทำให้ผู้คนถึงกับลุกมากระโดดโลดเต้นอย่างสนุกสนานดู
มาที่รุ่นเล็ก แต่แฟนเพียบกันบ้าง
แฟนๆ หนังสืออารมณ์ละเมียดละไมของนักเขียนมือรางวัลอีกคนอย่าง Anita Brookner ก็เตรียมกรี๊ดได้เลย เพราะงานของเจ้าตัวกำลังจะตีพิมพ์แล้ว แต่เธอขออุบเรื่องราวไว้ก่อน บอกแค่เพียงอยากให้รอลุ้นกันเอง
ขณะที่ Geoff Dyer หลังจากหันเหไปเขียนงานเชิงสารคดีว่าด้วยดนตรีแจ๊ซซะนาน ก็เลี้ยวกลับมาหาจินตนาการอีกครั้งใน "Jeff in Venice, Death in Varanasi" จะเคาะสนิมแล้วทำให้สนุกเทียบเคียงกับ Paris Trance ที่เคยเป็นหนังเมื่อปี 2003 ได้รึเปล่าก็คงต้องพิสูจน์อีกที
และก็ถึงคราวของนักเขียนดาวรุ่งที่มีแฟนคลับเป็นชาวไทยอยู่ไม่น้อยอย่าง Nick Hornby เจ้าของผลงานเด็ด อาทิ About a Boy, High Fidelity ที่เคยถ่ายทอดบนแผ่นฟิล์มได้คมคายและน่ารักไม่แพ้หนังสือมาแล้ว ก็จะมาว่าด้วยเรื่องของร็อคสตาร์ชาวอเมริกันที่จำต้องมาใช้ชีวิตอยู่ทางเหนือของอังกฤษ
และยังมีอีกหลายคนที่ตั้งใจเอาจินตนาการมาผสานกับบางเหตุการณ์ในอดีต อย่าง Chloe Hooper นักเขียนชาวออสเตรเลียที่หยิบเอาคดีที่ตำรวจยิงชนพื้นเมืองอย่างอะบอริจิ้นตายอย่างไร้เหตุผลในปี 2004 มาถ่ายทอด ถือเป็นเรื่องที่สืบค้นบนพื้นฐานความจริง แต่ก็ไม่ใช่เชิงมิส-ลิท เพราะมีจินตนาการนำหน้าไปมากพอตัว
นอกจากนี้แล้วเรื่องราวในช่วงศตวรรษที่ 1980 จะได้รับความนิยมอีกครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มของนักเขียนนวนิยายเชิงประวัติศาสตร์ ที่หยิบเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในช่วงดังกล่าวมาเล่นกับความฝันในการสร้างสรรค์ อาทิ Jason Cowley กับเรื่อง The Last Game เกมส์ครั้งสำคัญระหว่างอาร์เซ นอลกับลิเวอร์พูล ในปี 1989 หรือ Kenan Malik ที่ขอเสนอชีวิตของนักเขียนระดับโลกซาลมาน รัชดี และมรดกที่เขาทิ้งไว้ให้แก่คนรุ่นหลัง
นี่แค่บางส่วนเท่านั้น ยังมีอีกหลายคนที่ไม่สามารถยกมาไว้ในหน้านี้ได้หมด
และถ้านี่เป็นสัญญาณที่สื่อให้เห็นถึงการขยับตัวอีกครั้งของเรื่องเล่าในจินตนาการ ก็หมายความว่าเรื่องเล่าในชีวิตจริงคงต้องเจอศึกหนักในปีนี้อย่างแน่นอน
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความมิส-ลิท หรือเชิงสารคดีจะถอดใจยอมแพ้หรอกนะ เพราะยังมีหลายเรื่องให้ได้อ่านกันในปีนี้ อาทิ ชีวิตที่หายไปพร้อมกับกัญชา ของลูกชายวัย 17 ปี โดย Julie Myerson เรื่องราวในแวดวงนักร้องที่ยากเย็นเหลือเกินกว่าจะก้าวสู่ฝันโดย William Fiennes หรือ ความจริง-ความรักที่ค่อยๆ สานขึ้นมาในร้านตัดผมที่ร่วมด้วยช่วยกันทำ ระหว่างเด็กสาวและชายสูงวัย (เรื่องนี้นิค ฮอนร์นบี้ กำลังพัฒนาบทเพื่อจะไปเป็นหนังอยู่) และในช่วงปลายปี ก็จะได้อ่านเล่มใหญ่ยักษ์ที่ว่าด้วยศาสนาในอินเดีย จาก William Dalrymple และการตกอยู่ในสภาวะโรคจิตที่หวาดระแวงทุกสิ่งอย่างมากกว่า 7 ปี ของ Francis Wheen
แต่ไม่ว่าเทรนด์ไหนจะมา เทรนด์ไหนจะไป คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดก็คือ คนอ่านอย่างเราๆ ท่านๆ นั่นเอง
วันที่ 03 มกราคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11256
มติชนสุดสัปดาห์