มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน | Reading Culture Promotion Foundation

อัลเฟรด โนเบล ชายผู้เปลี่ยนเงินบาป เป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดแด่มนุษยชาติ

 

 
จั่วหัวบทความอย่างนี้ ใครที่เคยอ่านชีวประวัติของอัลเฟรด โนเบล (ผู้ติดค้นดินระเบิดไดนาไมต์) มาบ้างอาจเห็นแย้งกับชื่อเรื่องข้างต้น เนื่องจากดินระเบิดที่ว่านี้ เคยถูกนำไปผลิตเป็นอาวุธสงคราม 
 
แต่หากดูเจตนารมณ์ในการประดิษฐ์คิดค้นแล้ว ก็เพื่อสร้างความเป็นอารยะให้กับโลกแห่งยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมผ่านการก่อสร้างต่างๆ อย่างการขุดเจาะอุโมงค์ และการทำเหมืองแร่ ฯลฯ และโดยตัวของอัลเฟรดเอง ก็รู้สึกสลดใจและเจ็บปวดเสมอ ที่ดินระเบิดซึ่งเขาคิดค้นนั้น ถูกใช้ไปในสงครามคร่าชีวิตผู้คน 
 
สิ่งที่อัลเฟรดคิดค้นขึ้น จึงเป็นดาบสองคม หากนำไปใช้ในด้านดี ก็จะเกิดประโยชน์มหาศาล ในทางกลับกัน หากนำไปใช้ในทางไม่ดี ก็จะเกิดโทษมหันต์ 
 
ได้อ่านหนังสือการ์ตูนความรู้ชุดคนของโลกเรื่อง "อัลเฟรด โนเบล ผู้ให้กำเนิดรางวัลโน" (เรียบเรียง โดย ศาสตราจารย์โทรุ นาคางาวะ แปลโดย นวลทิพย์ ศุภประการ) เห็นว่ามีแง่มุมที่น่าสนใจและประโยชน์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องราวของทุนชีวิต (Life capital) อันงดงามที่อยู่เบื้องหลังแห่งความสำเร็จในการเป็นคนของโลก 
 
ซึ่งควรกล่าวถึงดังต่อไปนี้ 
 
1.ความพากเพียรอุตสาหะ ในวัยเด็กอัลเฟรดป่วยกระเสาะจนต้องหยุดเรียนบ่อย แต่ก็ได้ใช้เวลาช่วงหยุดนั้นอ่านหนังสือ พอจบประถม 1 อัลเฟรดกลับเรียนได้คะแนนดีที่สุดในชั้น 
 
นอกจากภาษาสวีเดนแล้ว (อัลเฟรดเป็นชาวสวีเดน) ยังได้เรียนภาษารัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมัน เพราะต้องใช้อ่านตำราต่างประเทศมากมาย พออายุ 17 ปี อัลเฟรดไปศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ที่สหรัฐอเมริกา ในระหว่างเดินทางโดยเรือ อัลเฟรดได้ทบทวนและทุ่มเทไปกับการอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ 
 
แต่ไปประทับใจและซาบซึ้งมากกับบทกวีของเชลลีย์ (กวีชาวอังกฤษ) ที่เต็มไปด้วยความรักและสันติภาพของโลก อัลเฟรดจึงรักในงานกวีและวรรณกรรม นอกเหนือจากงานประดิษฐ์กับวิทยาศาสตร์ที่ตั้งใจไว้ 
 
กลับจากเรียนต่อที่สหรัฐ อัลเฟรดทุ่มเทตั้งใจทำงานที่โรงงานของพ่อและช่วยพี่ๆ ทำงาน (ที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก) ยิ่งไปกว่านั้นยังอ่านหนังสือเคมี ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมันจนดึกดื่น 
 
ด้านการค้นคว้าทดลอง อัลเฟรดค้นพบดินระเบิดไดนาไมต์ (ไนโตรกลีเซอรีนผสมดินไดอะตอม) มีอานุภาพระเบิดเท่ากับไนโตรกลีเซอรีน แต่ปลอดภัยกว่าเดิม ค้นพบเจลาตินไดนาไมต์ ซึ่งมีพลังระเบิดที่รุนแรงกว่าไดนาไมต์สูตรเดิม และประดิษฐ์บาริสไตท์หรือดินระเบิดไร้ควันได้เป็นผลสำเร็จ 
 
อัลเฟรดไม่เพียงแต่คิดค้นดินระเบิดอย่างไดนาไมต์เท่านั้น ยังได้ประดิษฐ์คิดค้นสิ่งต่างๆ อีกมากมาย เช่น ยางสังเคราะห์ เครื่องหนังเทียม อัญมณีเทียม เป็นต้น โดยได้จดทะเบียนสิทธิบัตรกว่า 300 ชนิด 
 
จากการดำเนินชีวิตในแต่ละช่วงวัยและผลงานการประดิษฐ์คิดค้นด้านวิทยาศาสตร์ แม้จะแสดงว่าโดยพื้นฐานแล้ว อัลเฟรดเป็นคนเก่งก็ตาม แต่ทว่าไม่ขยันหมั่นเพียรทุ่มเทตั้งใจกับงานที่ทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านกิจกรรมและการมีทักษะการอ่าน ตลอดจนการค้นคว้าทดลองอย่างหนักแล้ว ก็คงไม่ประสบความสำเร็จในการเป็นนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกได้ 
 
2.ความเข้มแข็งของครอบครัว ช่วงที่อัลเฟรดเริ่มเข้าโรงเรียน ครอบครัวมีฐานะยากจน พ่อ (ซึ่งมีอาชีพเป็นสถาปนิก แต่ว่าชอบงานประดิษฐ์มากกว่า) ไปทำงานที่ประเทศฟินแลนด์ ส่วนแม่หาเลี้ยงชีพดูแลลูกๆ ด้วยการขายของ อาทิ ผัก นมสด และไม้ขีดไฟ 
 
ต่อมาพ่อไปทำงานที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประดิษฐ์ทุ่นระเบิดเป็นผลสำเร็จได้รับเงินรางวัลจากรัฐบาลรัสเซีย จึงตั้งโรงงานขึ้นที่นั่น อัลเฟรดกับพี่ๆ รักและภูมิใจในตัวพ่อซึ่งเป็นนักประดิษฐ์มาก สำหรับอัลเฟรดแล้วมักไปที่ห้องทำงานและเฝ้าดูพ่อทำงาน อยากเป็นนักประดิษฐ์ที่เก่งเหมือนพ่อ 
 
อัลเฟรดช่วยงานพี่ๆ ที่โรงงานของพ่อ ขณะเดียวกันพี่ๆ ก็ให้กำลังใจอัลเฟรดในการค้นคว้าทดลองทดสอบเกี่ยวกับดินระเบิดชนิดต่างๆ 
 
โดยเฉพาะอย่างยิ่งดินระเบิดชนิดไดนาไมต์ได้แสดงพลังและอานุภาพได้อย่างน่าทึ่งในการก่อสร้างต่างๆ ได้แก่ การสร้างอุโมงค์ และการทำเหมืองแร่ ทำให้เริ่มแพร่หลายเข้าไปในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ส่งผลให้อุตสาหกรรมของโลกเจริญรุดหน้าไปได้มาก ทั้งนี้ อัลเฟรดได้ก่อตั้งโรงงานผลิตดินระเบิดไดนาไมต์และบริหารงานเองถึง 19 แห่ง ใน 13 ประเทศ 
 
แม้ชีวิตของอัลเฟรดจะเริ่มต้นจากความยากจน แต่ก็ได้รับความอบอุ่นดูแลใกล้ชิดจากแม่ โดยมีพ่อเป็นแบบอย่างงานประดิษฐ์วิทยาศาสตร์ ส่วนพี่ๆ และอัลเฟรดเองก็ช่วยทำงานให้พ่อ คนในครอบครัวก็ให้กำลังใจและช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ซึ่งทุนชีวิตเหล่านี้ แม้จะเป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่ก็เป็นส่วนที่สำคัญที่ส่งผลให้อัลเฟรดประสบความสำเร็จและมีฐานะร่ำรวย ตลอดจนช่วยเหลือผู้อื่นได้ 
 
3.การเสียสละ นอกจากความเป็นคนตั้งอกตั้งใจเรียน ทุ่มเทช่วยงานพ่อ และทำการคว้าทดลองอย่างหนัก รวมทั้งมีความอบอุ่นในครอบครัวแล้ว อัลเฟรดยังมีทุนชีวิตที่สำคัญยิ่งอีกสิ่งหนึ่งคือ เรื่องของการเสียสละ ซึ่งอัลเฟรดได้รับอิทธิพลสิ่งนี้จากครูชาวรัสเซียที่เคยสอนเขาว่า "การเป็นคนที่ดีอย่างแท้จริง ไม่เพียงแต่เป็นคนหัวดี หากต้องเป็นคนที่เสียสละเพื่อสังคมเพื่อโลก" อันเป็นถ้อยคำที่อยู่ในใจของอัลเฟรดตลอดมา 
 
กอปรกับการที่อัลเฟรดประทับใจและซาบซึ้งมากกับบทกวีของเชลลีย์ ที่เต็มไปด้วยความรักและสันติภาพของโลก รวมทั้งการได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกับนางซุดเนอร์ ผู้เขียนนวนิยายเรื่อง "ทิ้งอาวุธกันเถิด" ที่สะท้อนให้เห็นถึงความโหดร้ายและน่าชิงชังของสงคราม ซึ่งอัลเฟรดประทับใจหนังสือเล่มนี้มาก โดยความคิดเกี่ยวกับการรณรงค์เพื่อสันติภาพของนางซุดเนอร์นี้ มีอิทธิพลต่ออัลเฟรดในเวลาต่อมา 
 
อัลเฟรดซึ่งกลายเป็นมหาเศรษฐีจากการมีกิจการโรงงานผลิตไดนาไมต์ในหลายประเทศทั่วโลก ได้บริจาคเงินให้กับองค์กรที่รณรงค์เพื่อสันติภาพ และช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อน 
 
ก่อนที่อัลเฟรดเสียชีวิต ได้แสดงเจตจำนงอยากจะทำประโยชน์เพื่อความก้าวหน้าทางอารยธรรมและสันติสุขของโลก โดยระบุในพินัยกรรมว่า "กรุณานำทรัพย์สินของผมมอบเป็นรางวัลให้กับบุคคลดีเด่นที่ทำประโยชน์แก่มวลมนุษย์ในแต่ละปี" อันเป็นที่มาของการมอบรางวัลโนเบลที่มีมายาวนานกว่าศตวรรษ (เริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1901) 
 
การสั่งสมทุนชีวิตดังกล่าวข้างต้น บางสิ่งมีอยู่แล้วในตัวของอัลเฟรด แต่บางอย่างก็ได้รับการปลูกฝังจากครอบครัว บ่มเพาะจากการศึกษา และเกื้อกูลจากสภาพแวดล้อมที่ดี ผสมผสานแต่งเติมเป็นทุนชีวิตที่งดงาม อันเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนตลอดทั้งชีวิตที่ได้ทุ่มเทให้กับการประดิษฐ์คิดค้นทางวิทยาศาสตร์ประสบผลสำเร็จ 
 
อีกทั้งยังสานสร้างความเจริญก้าวหน้าและสันติภาพให้แก่โลกใบนี้อย่างต่อเนื่องผ่านการมอบรางวัลโนเบลตามเจตนารมณ์ที่ตั้งไว้ 
 
หมายเหตุ : วันที่ 10 ธันวาคมที่จะถึงนี้ (ซึ่งตรงกับวันที่อัลเฟรด โนเบล เสียชีวิต) จะมีพิธีมอบรางวัลโนเบลประจำปี 2009 ณ กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ (ในสาขาสันติภาพ) และ ณ กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน (ในสาขาฟิสิกส์ เคมี สรีรศาสตร์หรือการแพทย์ วรรณกรรม และเศรษฐศาสตร์) สนใจข้อมูลเกี่ยวกับผู้ได้รับรางวัล งานสัปดาห์โนเบล และพิธีการมอบรางวัล ดู www.nobelprize.org 
 
 
โดย สุทิพันธุ์ บงสุนันท์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี 
วันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 32 ฉบับที่ 11600 
จาก : หนังสือพิมพ์มติชนสุดสัปดาห์