ห้องสมุดสีเขียว เคยู อีโคไลบรารี

ปรากฏการณ์น้ำอันมากมายมหาศาลที่ท่วมทับประเทศไทยเกือบครึ่งประเทศอยู่ในเวลานี้ ช่างเป็นอะไรที่ไม่เคยพบเจอ อีกทั้งยังสาหัสสากรรจ์วันเวย์ เพราะน้ำเดินทางเดียวอันเป็นไปภายใต้กฎธรรมชาติสากล รีเวอร์ ออฟ โน รีเทิร์น น้ำไหลมาแล้วไม่ไหลกลับ แต่ย่อมจะไหลลงทะเลโดยผ่านกรุงเทพมหานคร!!! เรื่องราวต่อไปนี้คือหนึ่งในความพยายามเพื่อโลก KU EcoLibrary : ห้องสมุดเพื่อความยั่งยืน ภายใต้โครงการเกษตรศาสตร์รักษ์สิ่งแวดล้อม โดยศูนย์ปฏิบัติการออกแบบจากวัสดุเหลือใช้ (Scrap Lab) คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และสำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ต้นไม้แห่งความรู้
ย้อนรอยมหาภัยพิบัติแห่งมวลน้ำก้อนเหลือจะกลืน ที่สืบเนื่องมาจากปัญหาโลกร้อนที่วิกฤตยิ่งกว่าวิกฤต ดร.สิงห์ อินทรชูโต หัวหน้าโครงการเกษตรศาสตร์รักษ์สิ่งแวดล้อม เล่าว่า เคยู อีโคไลบรารี หรือห้องสมุดรักษ์สิ่งแวดล้อมเป็นห้องสมุดต้นแบบ เพื่อการเรียนรู้ด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์พลังงานผ่านสื่อความรู้ ด้วยการสัมผัสจริงจากงานออกแบบสร้างสรรค์บนเส้นทางสีเขียว
สำหรับแนวคิดการออกแบบ(Design Approach) ก็เก๋เสียยิ่งกว่าใคร ถ้าน้ำไม่พัดจมไปเสียก่อน เราก็จะได้เห็นความพยายามของการออกแบบและการพัฒนาแหล่งบริการความรู้แห่งนี้ ที่มุ่งเน้นการใช้ครุภัณฑ์เก่าและวัสดุเหลือใช้ โดยนำองค์ความรู้จากศูนย์ปฏิบัติการจากวัสดุเหลือใช้ (Scrap Lab) มาใช้ในการคัดเลือกวัสดุ ศึกษาและออกแบบ โครงการใช้งบก่อสร้างเพียง 6 แสนบาท โดยพื้นที่การใช้งานแบ่งเป็น 3 ส่วน
1.Common Reading Space หรือ EcoSpace
2.Kid’s PlaySpace เพื่อการใช้งานที่หลากหลายสำหรับเด็ก
3.Alumni Space สำหรับให้บริการศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ห้องสมุดอีโคไลบรารี ถูกออกแบบโดยไม่มีประตูปิดกั้น เพื่อเปิดให้กับทุกคนที่ใฝ่รู้เข้ามาใช้งาน สีสันเลือกใช้สีขาวด้านในเห็นลายไม้ให้ความรู้สึกสงบอบอุ่นเหมือนกับเป็นห้องสมุดในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น 100% ผลิตมาจากวัสดุเก่า เศษวัสดุ และวัสดุเหลือใช้ ซึ่งพัฒนาขึ้นร่วมกับผู้ประกอบจากหลากหลายภาคส่วน
“จุดเด่นของ EcoSpace คือ Trees of Knowledge ซึ่งเป็นชั้นวางหนังสือทรงกลมขนาดใหญ่ทำจากแผ่น MDF คละสี ซึ่งเหลือใช้จากโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์เสมือนต้นไม้ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความรู้ และมีพื้นที่ภายในที่สงบเป็นจุดรวมสายตาของห้อง” ดร.สิงห์ เล่า
รอบๆ ห้องประกอบด้วย Waterfall of Intelligence ซึ่งเป็นม่านที่มีวารสารต่างๆ สอดอยู่มากมาย ม่านแห่งความรู้จะช่วยลดเสียงสะท้อน (Echo) และเพิ่มความอบอุ่นให้กับผู้ใช้แถบสีต่างๆ ของผ้าม่านมาจากการคัดเลือกและตัดเย็บจากผ้าคงคลังของโรงงาน
อีกด้านหนึ่งของ EcoSpace คือ Canyon of Discovery ออกแบบให้มีจังหวะและจัดวางชั้นหนังสือคล้ายซอกหินผา เป็นบริเวณอ่านหนังสือที่มีแสงธรรมชาติ และช่องสำหรับยืมหนังสือด้วยตนเอง ส่วน Kid’s PlaySpace และ Alumni Space อยู่ด้านในสุด มีชั้นวางหนังสือที่ประกอบจากไม้ ผ้าพื้นเมืองและกระจกเหลือใช้ สีสันหลากหลายสามารถมองทะลุถึงกันได้
ห้องสมุดเพื่อความยั่งยืน
ดร.อารีย์ ธัญกิจจานุกิจ ผู้อำนวยการสำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า เคยู อีโคไลบรารี เป็นส่วนหนึ่งของสำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แนวคิดหลักคือการส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตหมายถึง นักเรียนนิสิต บุคลากร และประชาชนทั่วไป ที่สามารถอ่านหาความรู้ได้ทุกวัย ไม่คิดค่าธรรมเนียม รวมทั้งเป็นแหล่งบริการความรู้สำหรับศิษย์เก่า
สำหรับระบบห้องสมุดใช้ระบบห้องสมุดเปิดเผยรหัส “จินดามณี” ที่พัฒนาขึ้นร่วมกับการใช้โปรแกรมโอเพ่นซอร์สอื่นๆ ส่งเสริมการให้บริการแบบพึ่งตนเอง บริหารจัดการแบบประหยัดทรัพยากร สร้างความมีส่วนร่วม มีสัจจะและมีจิตสาธารณะ
“หนังสือบางส่วน ยืมเอง คืนเอง ถือสัจจะการยืม ไม่ต้องถือบัตร ไม่อยากยืมหนังสือกลับบ้านก็อ่านฟรี ไม่ต้องมีบัตรหนังสือ หรือบริจาคเงิน 200 บาท ได้รับบัตรสมาชิก ซึ่งมีสิทธิยืมหนังสือกลับบ้านได้ 3 เล่ม” ดร.อารีย์ กล่าว ห้องสมุดที่นี่ไม่เพียงยั่งยืนด้วยเศษวัสดุเหลือใช้ หากผนึกความยั่งยืนด้วยองค์ความรู้ โดยเนื้อหาของหนังสือต่างๆ มุ่งให้เป็นแหล่งรวมศูนย์การให้บริการความรู้ด้านการรักษาสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์พลังงาน
ดร.อารีย์ กล่าวว่า อาคารสำนักหอสมุดเป็นอาคารประหยัดพลังงานที่กำกับการใช้พลังงานอย่างเคร่งครัด โดยปีนี้มีค่าพลังงานที่ประหยัดได้จากปีที่แล้วถึง 20% อย่างไรก็ตาม พื้นที่ในส่วนของ เคยู อีโคไลบรารี ได้ติดตั้งหลอดไฟประหยัดพลังงานและหลอดไฟทั่วไปที่ไม่ประหยัดพลังงานไว้ควบคู่กัน ด้วยถือเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ให้ผู้ใช้บริการได้เรียนและได้รู้ สัมผัสได้ด้วยตัวเอง
พลังแห่งแนวร่วม
ธีรวิทย์ กิ่มมณี อีกหนึ่งขุนพลแห่งโครงการห้องสมุดเคยู อีโคไลบรารี ศิษย์เก่าคณะสถาปัตยกรรม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้ออกแบบโครงการฯ คู่กับ ผศ.ดร.สิงห์ อินทรชูโต กล่าวว่า จากอาคารห้องสมุดเก่าแก่อายุกว่า 40 ปี แปลงโฉมเป็นห้องสมุดใหม่เอี่ยมที่มีภาระหน้าที่สำคัญในการส่งผ่านความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม เมื่อสำเร็จเสร็จสิ้นก็ถือเป็นความภาคภูมิใจ
“ห้องสมุดแห่งนี้เป็นความสำเร็จของความร่วมมือ ผนึกและประสานกำลังของผู้รักษ์สิ่งแวดล้อมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นผู้ร่วมพัฒนาวัสดุ อ.รุ่งทิพย์ ลุยเลา อาจารย์ประจำภาควิชาคหกรรมศาสตร์ ผู้พัฒนาการเย็บม่านให้เป็นที่เก็บหนังสือในตัวที่สำคัญคือ รศ.วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผู้สนับสนุนและทำให้โครงการห้องสมุดเพื่อความยั่งยืนได้เกิดขึ้น” ธีรวิทย์ กล่าว
นอกจากนี้ คือ บรรดาผู้ประกอบการที่ร่วมเดินบนเส้นทาง ได้แก่ บริษัท เทคโนกลาส ให้เศษกระจก บริษัท โมเดิร์นฟอร์ม ให้เศษไม้เหลือ ธนาคารไทยพาณิชย์ ให้ยูนิฟอร์มของพนักงาน บริษัท โมเบลลา แกลเลอเรีย ให้ยูนิฟอร์มมาหุ้มเบาะ บริษัท โซไนต์ อินโนเวทีฟ เซอร์เฟเซส ให้เศษกระดุมทำหน้าท็อปเคาน์เตอร์ บริษัท แนเชอรัล นีช ให้เศษผ้าม่าน บริษัท แกรนด์เนส ให้เศษลูกตุ้มผ้าม่านทำโคมไฟ บริษัท เอสทีคลาสสิค ช่วยในการทดลองขึ้นต้นแบบวัสดุต่างๆ เพื่อผลิตเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน บริษัท ฟูนิเทค บริจาคเศษป้ายอะครีลิก สนับสนุนการทำโต๊ะต้นแบบ และบริษัท โอซิซู ให้เศษวัสดุทำเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวกับโต๊ะเก้าอี้
ตบท้ายด้วย ดร.สิงห์ ซึ่งหลายคนรู้จักดีแล้วในฐานะผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์สีเขียว นำเศษวัสดุมาแปรรูปเป็นเฟอร์นิเจอร์รักษ์โลก วันนี้เขาบอกว่าอยากทำอะไรที่มากกว่าเฟอร์นิเจอร์ นั่นคือการให้ความรู้คน “เราต้องให้ความรู้กับคนของเรา เพราะเด็กรุ่นใหม่เยาวชนรุ่นนี้คือ คนที่จะต้องไปแก้ปัญหาอนาคตสิ่งแวดล้อม โครงการนี้ปลูกฝังความยั่งยืนที่จะยั่งยืนต่อไป สำหรับผมแล้ว อีโคไลบรารี คือประจักษ์พยานที่สัมผัสได้และประกาศความเป็นไปได้ของสิ่งแวดล้อมที่จะดีขึ้น”
โดย วันพรรษา อภิรัฐนานนท์ 18 พฤศจิกายน 2554 จาก posttoday.com