Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

พึงเนตร อติแพทย์

 

 
นักเขียนนามปากกา "แซนดี้" 
เจ้าของผลงาน "เฮ้อ ! ผู้ชาย….เสียเวลานอน", "แรดสิบผับ"
 
• ผลงานที่ผ่านมามีอะไรบ้าง
 
ถ้าเป็นผลงานรวมเล่มของตัวเองเล่มแรกเลย ก็คงเป็นงานกลอนรวมเล่มที่ชื่อ "เพราะหัวใจสั่งมาให้รัก" กับสนพ.ใยไหม ตั้งแต่สมัยเรียนม.4 หลังจากนั้นก็ผลิตงานออกมาเรื่อยๆ ในนามปากกา "กระดิ๊ง" รวมแล้วประมาณ 20 เล่ม 
หลังจากเรียนจบก็ทำงานอยู่พักใหญ่จนกระทั่งตัดสินใจลาออกมาเป็นนักเขียนอิสระ ผลงานเล่มแรกเป็นงานรวมเรื่องสั้นที่ชื่อ "เฮ้อ ! ผู้ชาย..เสียเวลานอน" และตามมาด้วย "แรดสิบผับ" ในนามปากกา "แซนดี้" และตอนนี้ก็มีเรื่องสั้นที่รวมอยู่ในสนามหญ้า 4.2 ฉันจูบปากหลุมดำ ด้วยค่ะ นอกจากนี้ก็เคยมีเรื่องสั้นตีพิมพ์ในแพรวอยู่ 2 เรื่อง ชื่อ "สาย" กับ "คำบอกเล่า"
มีบทกวีประปรายตามหน้าหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์อย่าง "จุดประกายวรรณกรรม" และ "อาทิตย์ทอดวง" แต่ยังมือใหม่มากๆ
นอกจากนี้ก็มีงานเขียนบทความให้กับนิตยสาร ELLE , คอลัมน์ประจำในนิตยสาร BUZZ และ 'm fine รวมถึงงานเขียนเรื่องสั้นอีโรติกให้กับหนังสือ NU ของบก.นิวัต พุทธประสาทด้วย 
 
ปัจจุบันเป็นบรรณาธิการให้กับสำนักพิมพ์เลมอนทีค่ะ
 
• อะไรคือแรงบัลดาลใจในการทำงาน
 
ความฝันและความรักที่มีต่องาน เวลาคิดว่าจะได้นั่งลงเขียนหนังสือ มันเป็นความรู้สึกที่มีความสุขมาก มันมีทั้งอิสระและจินตนาการล่องลอยอยู่รอบตัวเราเต็มไปหมด ซึ่งสิ่งที่ใหญ่กว่านั้นที่ครอบคลุมความรู้สึกนี้อยู่ก็คือ ความสุขที่ได้ทำตามความฝัน การได้เป็นนักเขียนคือสิ่งที่ฝันและตั้งใจมาตลอดชีวิต
 
• ผลงานล่าสุดคือชิ้นไหน
 
ชิ้นนี้ค่ะ "ห่างหนึ่งก้าว…รักเราเท่าเดิม" ซึ่งพิมพ์ครั้งที่ 2 แล้ว เป็นหนังสือรวมบทความและบทกวีเกี่ยวกับความรัก
 
• อยากให้อธิบายถึงจุดเด่นของงานชิ้นล่าสุด
 
อาจจะอยู่ที่ภาษาที่ใช้ (มั้ง) หลายคนที่อ่านแล้วบอกว่าชอบ ภาษาสวย โรแมนติคดี หรือไม่ก็มีมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับความรัก แต่โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นเพราะมันติดดิน หมายถึง เรื่องทุกเรื่องที่เราเขียนถึง มันมีอยู่จริง สัมผัสได้จริง และเกิดขึ้นจริงทุกวันในเกือบทุกคู่ของคนรัก อ่านแล้วก็เลยอาจจะอินได้มากขึ้นนิดหน่อย
 
• ผลงานชิ้นล่าสุดนี้ต้องการสื่ออะไรกับผู้อ่าน
 
มันเป็นเรื่องที่ว่าด้วยความรักล้วนๆ เพราะมันเริ่มมาจากมุมมองที่มีต่อความรัก ซึ่งเกิดมาจากคำถามหนึ่งที่เรามีกับมันตลอดมา ระหว่างอิสระและพันธนาการ รักแล้วเป็นอิสระได้ไหม หรือรักแล้วต้องถูกผูกมัดแน่นหนาแค่ไหน มันมีทางสายกลางสำหรับเรื่องนี้หรือเปล่า มันเป็นปัญหาโลกแตก ก็เลยทำให้อยากถ่ายทอดออกมา เหมือนกับย้อนถามคนอ่าน ให้คนอ่านย้อนถามตัวเอง ไม่เชิงว่าอ่านแล้วคุณต้องคิดได้ คุณต้องเดินทางสายกลางได้ เพราะความรักในอุดมคติแบบนั้นมันไม่มีอยู่จริง เพียงแต่อยากจะบอกว่า รักแล้วปล่อยวางนิดนึง ทำตัวให้สบายๆ มากขึ้น แล้วบางทีความรักอาจจะเต็มใจที่จะอยู่กับเรานานขึ้นก็ได้
 
 
• จากจำนวนผลงานที่ผ่านมาทั้งหมด ผลงานชิ้นไหนถือผลงานชิ้นโบว์แดง และเพราะอะไร
 
ยังไม่รู้สึกว่ามีชิ้นไหนเป็นชิ้นโบว์แดง เพราะคิดว่าเส้นทางนักเขียนของตัวเองเพิ่งเริ่มต้น ยังอ่อนประสบการณ์มากเลย ต้องเรียนรู้อีกเยอะ และอีกไกล แต่ถ้าถามว่าชอบเล่มไหน ก็คงบอกว่าชอบทุกเล่ม เพราะผลงานทุกเล่มคืองานที่เราตั้งใจทำทั้งนั้น เพียงแต่มันอาจจะโตขึ้นและแตกต่างกันตามวันและวัย
 
• อยากทราบชื่อหนังสือในดวงใจสักหนึ่งเล่ม แล้วทำไมถึงชอบหนังสือเล่มนี้
 
ขอเป็นสองเล่มแล้วกัน เพราะชอบมากๆ ทั้งสองเล่ม แต่มันคนละแนวกันเลย เล่มแรกคือ "มาทิลดา" เป็นวรรณกรรมเยาวชนของ โรอัน ดาห์ล เล่มนี้อ่านแล้วรู้สึกว่า ขอบคุณที่มีเด็กแบบมาทิลดาอยู่ในโลก เธอเป็นเด็กฉลาด มีความเป็นตัวของตัวเอง และกล้าที่จะทำตามความฝันตัวเอง ซึ่งบางทีเด็กดีอาจไม่จำเป็นต้องเรียบร้อย เพราะมาทิลดาแสบสันต์ได้ถึงใจจริงๆ 
ส่วนอีกเล่มก็คือ "คนไต่ลวดบนดาวสีฟ้า" ของทินกร หุตางกูร ชอบในทุกอย่างของหนังสือเล่มนี้ โดยเฉพาะภาษาและการดำเนินเรื่อง
 
 
• ใครคือนักเขียนในดวงใจ และเพราะอะไร
 
แน่นอนว่าต้องเป็น ทินกร หุตางกูร เพราะรู้สึกว่าเขามีมุมมองและภาษาที่มีเสน่ห์มาก เศร้าและเหงาอย่างแปลกประหลาด อีกทั้งยัดเยียดข้อมูลความรู้รอบตัวใส่ลงไปในงานได้อย่างแนบเนียน เป็นนักเขียนคนแรกที่อ่านงานแล้วทำให้
อยากรู้จักตัวจริงของเขา
 
• ความใฝ่ฝันสูงสุดในการเป็นนักเขียนคืออะไร
 
ได้พัฒนางานเขียนไปจนถึงจุดที่คนอ่านยอมรับ ไม่ต้องถึงกับดังเป็นพลุแตกหรอก แค่มีคนเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการจะสื่อออกไป มีความสุขกับงานของเราก็พอแล้ว นอกจากนั้นก็คือ สามารถทำงานนี้ไปได้จนแก่ตายภายใต้คอนเซ็ปต์ชีวิตแบบพอเพียงอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
 
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจากนิตยสาร YES