บ้านหนังสือ กทม.
แนวคิด “น้อยได้มาก” นั้นถูกนำมาใช้กับโครงการส่งเสริมการอ่านอย่างหวังผลได้ในหลายโอกาส ซึ่งรวมถึง “บ้านหนังสือกรุงเทพมหานคร” ด้วย
บ้านหลังนี้มีชั้นเดียว ดูเรียบง่าย เนื้อที่ใช้สอยจริงราว 36 ตารางเมตร (เท่าคอนโดมิเนียมขนาดเล็กพอดี) ด้วยนำเอาตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งสินค้า ขนาด 3×6 เมตร จำนวน 2 ตู้ มาประกอบ และตกแต่งภายในลักษณะคล้ายบ้านที่โปร่งสบาย ใช้เงินเพียง 1 ล้านบาทก็สร้างได้ 1 หลัง เรียกว่าเป็นโครงการขนาดเล็กกะทัดรัดยิ่ง
แต่ที่ว่า “ได้มาก” เพราะ…ข้อแรก-บ้านหลังนี้เป็นบ้านหนังสือหรือห้องสมุด เปิดให้บริการตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น หนังสือประมาณ 2,000 เล่มภายในบ้านประกอบด้วย หนังสือวิชาการ นิยาย วรรณกรรมเยาวชน นิทาน ฯลฯ ไม่รวมถึง หนังสือพิมพ์รายวัน นิตยสาร วารสาร คอมพิวเตอร์สำหรับค้นคว้า-ท่องอินเทอร์เน็ต 1 เครื่อง และพื้นที่บริการยืม-คืน สรุปว่ามีมุมสำหรับใช้งานประมาณ 5 มุม
ข้อสอง-บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในชุมชนต่างๆ ในเขตกรุงเทพฯ ซึ่งมีคนทุกเพศทุกวัย หลากหลายอาชีพอาศัยอยู่หนาแน่น และสามารถสร้างเพิ่มได้อีกมากต่อมาก แม้จะมีที่ว่างเพียงเล็กน้อย
ข้อสาม-จึงหมายถึงการช่วยพัฒนาและขยายบริการด้านห้องสมุดในเชิงรุก เพิ่มโอกาสให้สมาชิกในชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กและเยาวชน สามารถเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น
บรรยากาศภายในบ้านหนังสือใช่จะมีเฉพาะกิจกรรมด้านการอ่านการค้นคว้า ในช่วงวันหยุด บ้านหนังสือจะหาโอกาสจัดกิจกรรมพิเศษเพื่อสานความสัมพันธ์ในครอบครัว เช่น เดือนมกราคม 2553 บ้านหนังสือในเขตมีนบุรีจัดกิจกรรมครอบครัวรักการอ่าน เป็นต้น
กรุงเทพมหานคร (กทม.) ริเริ่มโครงการบ้านหนังสือเมื่อปี 2548 และขยายเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายที่จะสร้างกรุงเทพฯ ให้เป็นมหานครแห่งการอ่านและการเรียนรู้ –ไม่ว่าจะอยู่ที่ชุมชนใด แห่งหนตำบลใดก็จะมีที่อ่านหนังสือเช่นเดียวกัน
ถึงวันนี้มีบ้านหนังสือเปิดบริการแล้วถึง 116 แห่ง กระจายตัวไปตามชุมชนที่มีวัฒนธรรมความเชื่อหลากหลาย อาทิ บ้านหนังสือหมู่บ้านซีเมนต์ไทย เขตจตุจักร, วัดไผ่ตัน เขตพญาไท, สวนสุขภาพ เขตบางคอแหลม, สุเหร่าบ้านดอน เขตวัฒนา, ฮิดายาตุ้ลอิสลามิยะห์ เขตคลองสามวา และช่วงปลายปี 2552 กทม.ก็ร่วมมือกับสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จัดตั้งบ้านหนังสือขึ้นใน 8 ชุมชน ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ของสำนักงานทรัพย์สินฯ อย่างเช่น ชุมชนหลังตลาดเจริญนคร ชุมชนริมคลองพลับพลา อีกด้วย
เป็นอันว่า พ.ศ.นี้เรามีโอกาสเห็นห้องสมุดเล็กๆ ที่ทันสมัยปรากฏอยู่ตามแหล่งชุมชนที่เรานึกไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นหลังตลาด ใกล้ท่าน้ำ ข้างสุเหร่า ฯลฯ และภายในปี 2554 คาดว่าจะมีบ้านหนังสือเปิดให้บริการในกรุงเทพฯ รวมกว่า 210 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่ทุกเขต ตามเป้าการทำงานของ กทม.
เมื่อเด็กในชุมชนมีโอกาสเข้าถึงหนังสือเด็ก เยาวชนมีโอกาสเข้าถึงหนังสือดีๆ ต่อไปในวันหน้า “สิ่งน้อย” ที่เราทำจะได้กลับคืนมามากขึ้นทวีคูณ
ภาพจาก :http://trueplookpanya.com