น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าปลาพึ่งน้ำ

ร้านหนังสือกับสำนักพิมพ์นั้น ถ้าจะเปรียบก็เหมือนที่ผมเคยบอกอยู่เสมอว่า เสมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่าปลาพึ่งน้ำ ต่างฝ่ายต่างขาดออกจากกันไม่ได้
ครับ-ร้านหนังสือกับสำนักพิมพ์นั้น ถ้าจะเปรียบก็เหมือนที่ผมเคยบอกอยู่เสมอว่า เสมือนน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า ปลาพึ่งน้ำ ต่างฝ่ายต่างขาดออกจากกันไม่ได้ เพราะถ้าร้านหนังสือไม่ได้รับสินค้าใหม่ๆ จากสำนักพิมพ์ แล้วคงจะไม่สามารถเรียกตัวเองว่าร้านหนังสือได้
ในขณะเดียวกัน สำนักพิมพ์ต่างๆ ก็ต้องอาศัยร้านหนังสือเป็นช่องทางการกระจายสินค้าไปสู่ผู้บริโภคคือคนอ่านทั้งหลาย มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับที่จะให้นักอ่านทั้งหลาย นั่งรถไปซื้อที่สำนักพิมพ์!!
ทีนี้ เราจะร่วมมือกันอย่างไรให้เกิดผลดีมากที่สุด เท่าที่นึกออก ณ เวลานี้ คือ การใช้ข้อมูลให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อให้ธุรกิจสำนักพิมพ์อยู่รอดปลอดภัย
ข้อมูลที่ว่านี้คือรายละเอียดต่างๆ ที่เกี่ยวกับหนังสือเล่มนั้นๆ ที่กำลังจะออกวางจำหน่าย ทางสำนักพิมพ์จะส่งตัวอย่างปกหนังสือ เรื่องย่อ แนวโน้มความน่าสนใจของเรื่อง โปสเตอร์ ที่คั่นหนังสือ ประวัตินักเขียน ฯลฯ
เพื่อให้ทางร้านหนังสือได้ศึกษาข้อมูลก่อนที่หนังสือเล่มนั้นๆ จะเดินทางมาถึงร้าน จะได้มีการเตรียมการวางแผนการตลาดในการจัดร้าน, การจัดวางตำแหน่งหนังสือ, การอบรมพนักงานขายให้รู้ข้อมูลที่มาที่ไปของหนังสือเล่มนั้นๆ เพราะหนังสือไม่ใช่ผักไม่ใช่ปลา ที่คนซื้อเห็นแล้วก็ซื้อทันที เพราะต้องการจะเอาปลาชนิดนี้ไปแกง ผักชนิดนั้นไปผัด
หนังสือเป็นสินค้าที่มีความต่างกันในตัวของมันเองอยู่แล้ว มันต้องการเสียงเชียร์ ต้องการการสนับสนุนการขายว่า ตัวของมันดีอย่างไร และน่าสนใจมากน้อยขนาดไหน สำนักพิมพ์ต่างๆ จะให้ความร่วมมือกับร้านหนังสือในจุดนี้ด้วย
ไม่ใช่ว่าส่งไปขาย พอขายไม่ได้ก็ฝากต่อ ล่อไปสองสามเดือน ยังวางแห้งคาชั้นหนังสือในร้าน จากที่ทางร้านอยากจะขายก็กลายเป็นภาระที่ต้องปัดฝุ่นให้ทุกวัน และสุดท้ายกลายเป็นกองขยะที่ทิ้ง ขายไม่ออกอยู่ในร้าน
แต่ถ้าทางสำนักพิมพ์มีการส่งข้อมูล มีการจัดกิจกรรมเสริมช่วยกระตุ้นชีพจรของหนังสือเล่มนั้นๆ ผมเชื่อว่าไม่ว่าใคร ร้านไหนก็อยากจะช่วยขายให้ หนังสือขายได้ ทางร้านก็ได้เปอร์เซ็นต์การขาย มันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเอาหนังสือเก็บไว้ในร้านเฉยๆ เพราะร้านหนังสือไม่ใช่ห้องสมุด!!
พื้นที่ในร้านหนังสือทุกตารางนิ้วมีราคาค่างวดทั้งนั้น
การจะทำร้านหนังสือให้ประสบความสำเร็จจะต้องรู้จักการบริหารพื้นที่ ทำอย่างไรให้ทุกตารางนิ้วสามารถแปรเป็นเงินเป็นทอง หนังสือทุกเล่มที่วางในทุกตารางนิ้วของร้านต้องสามารถแปรสภาพเป็นเงินได้ ในขณะที่ทางสำนักพิมพ์ต้องการรู้จักจัดการบริหารพื้นที่โกดังสินค้าให้เหลือพื้นที่ว่างมากที่สุด บริษัทไหน สำนักพิมพ์ใดมีพื้นที่ในโกดังว่างมากพอจะเตะตะกร้อได้ ในขณะที่มีหนังสือที่ตัวเองผลิตวางจำหน่ายพรึ่บในร้าน
ผมถือว่าเป็นสำนักพิมพ์ที่ประสบความสำเร็จมาก ทั้งร้านหนังสือและสำนักพิมพ์ต้องช่วยกันบริหารพื้นที่ของตัวเอง!
ในขณะเดียวกัน นอกจากการบริหารพื้นที่แล้ว ทางร้านหนังสือจะต้องรู้จักบริหารคนอีกด้วย ทำอย่างไรให้พนักงานในร้านมีความรักในหนังสือ รักงานขายและอยากจะเอาดีกับงานขายงานบริการ ไม่ใช่มาทำงานร้านหนังสือ เพราะว่าไม่อยากตกงาน ไม่อยากว่างงานแล้วไม่พัฒนาตัวเองให้เป็นพนักงานขายหนังสือที่ดี
ที่สำคัญคนทำสำนักพิมพ์ก็ไม่ใช่ว่าต้องการจะอยากได้ชื่อเสียงว่า เป็นบรรณาธิการสำนักพิมพ์ แต่ไม่เคยศึกษาไม่เคยสนใจว่าหนังสือที่ตัวเองทำออกไปนั้น มันจะขายได้หรือไม่ได้ ทำออกมาทีไรก็เหลือเป็นภูเขาเลากาแล้วก็เอาเวลาที่เหลือมานั่งบ่นว่าคนไทยไม่อ่านหนังสือ!!
นอกจากนี้คนเขียนก็เหมือนกันต้องรู้ว่า ตอนนี้สังคมการอ่านขับเคลื่อนไปทางไหน ผู้คนสนใจอะไร และเราจะสามารถเขียนงานที่สามารถสอดแทรกสาระความรู้ลงไปในงานเขียนได้อย่างไร คนเขียนหนังสือทุกคนไม่มีใครหรอกที่จะบอกอย่างจริงใจว่า ตัวเองเขียนหนังสือไม่ดี ทุกคนมักจะบอกว่างานเขียนของตัวเองดีเสมอ
แต่พอมันขายไม่ได้ มันก็จะบอกว่า คนอ่านไม่มีคุณภาพ แต่ไม่ค่อยยอมรับว่า งานเขียนของตัวเองไม่มีคุณภาพ
ครับ-ทุกฝ่ายต้องช่วยกันทั้งนักเขียน-สำนักพิมพ์และร้านหนังสือ ถ้าอยากให้ทุกฝ่ายมีอนาคตที่สดใส ต้องเลิกคิดว่าทางใครทางมันครับ!!
ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จ ต้องทำการบ้านให้หนักๆ -โชคดีนะครับ 0
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก : http://www.bangkokbiznews.com

