Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

ดร.ป๊อป นักเขียนดาวรุ่งยอดนิยม

 

     
 
     คงยังจำกันได้ หลายปีก่อนมีนักเขียนวัยรุ่นคนหนึ่งโด่งดังแทบจะเรียกได้ว่า "ชั่วข้ามคืน" ด้วยผลงานนวนิยายแนววิทยาศาสตร์แฟนตาซีชื่อ "เดอะ ไวท์ โรด" 
 
     ยอดอ่าน-ยอดขายถล่มถลายเสียจนแม้แต่เจ้าตัวเองยังไม่อยากเชื่อ ชื่อเสียงเริ่มมีเข้ามาจนรับมือไม่ทัน เกิดเป็นวิกฤตช่วงหนึ่งของชีวิต แต่ท้ายสุดก็ผ่านพ้น
 
     วันนี้ ""ดร.ป๊อป" ฐาวรา สิริพิพัฒน์" ในวัย 22 ใกล้ 23 เพิ่งสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค)-พ้นจากเด็กวัยรุ่นเข้าสู่วัยหนุ่ม ยังดูเต็มไปด้วยพลังและจินตนาการเหมือนเช่นเคย
 
     เขาผลักความกระตือรือร้นและจินตนาการที่พลุ่งพล่านในตัวออกมาเป็นผลงานเล่มใหม่ "เดอะ ซีรีส์ ออฟ ไซออน (The Series of Sion)" ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์มติชน
 
     "" ผมไม่ใช่นักเขียนนะครับ ผมเป็นแค่นักอยากเขียน…แต่งานเพลงนี่สิ ผมศึกษาจริง "" ดร.ป๊อปเน้นเสียง
 
เป็นอย่างไรต้องลองพูดคุยกับ ดร.ป๊อป
 
" ครอบครัวเลี้ยงดูมาอย่างไร? "
 
     คุณพ่อ (สุรเชษฐ์ สิริพิพัฒน์-กรรมการผู้จัดการ บริษัท เครดิตฟองซิเอร์ ลินน์ ฟิลิปส์ มอร์ทเก็จ) และคุณแม่ (จุรีรัตน์ สิริพิพัฒน์-กรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ คอนเซอร์น จำกัด) เลี้ยงแบบอิสระ คือทำอะไรก็ได้ ทำไปเลย จะได้รู้เองว่าผลลัพธ์เป็นยังไง 
 
     คุณแม่จะสอนหลัก 3 อย่างในการใช้ชีวิต คือไม่ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ไม่เบียดเบียนใคร และไม่ทำผิดกฎหมาย ถ้าอยู่ใน 3 ข้อนี้ผมจะทำอะไรก็ได้ และสอนไม่ให้เป็นคนเถียงด้วย ตอนเด็กผมโดนคนอื่นดุก็จะเงียบ พอกลับบ้านแม่รู้แม่จะถามว่าผมผิดไหม ถ้าไม่ผิดทำไมไม่เถียง ทำไมไม่ใช้เหตุผลบอกเขา 
 
     ครอบครัวเรามีคุณยายเป็นชาวนา ต้องปากกัดตีนถีบกว่าจะถึงจุดนี้ คุณแม่จึงอยากให้ลูกเป็นคนสู้ชีวิต ถ้าเราไม่ผิด เราต้องชนะ แต่ถ้าผิดให้เงียบไปอย่าเถียง
 
     เพราะฉะนั้นผมเลยใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง ไม่ทำร้ายใครแต่ใครอย่ามาทำร้ายผมก่อน อย่างที่มหาวิทยาลัยจะรู้เลยว่าผมแรง (หัวเราะ) มีครั้งหนึ่งผมดูเกรดอยู่ที่บอร์ด ซึ่งมันออกมาไม่ดี ก็มีรุ่นน้องมาถามว่าทำไมผมไม่เก่งเหมือนในทีวีเลย ผมก็ถามว่าเขาได้เกรดอะไร ซึ่งเกรดเขาก็ไม่ดีเหมือนกัน ผมเลยบอกว่า ถ้าเขาสนใจเรื่องของตัวเองมากกว่านี้เขาจะสอบผ่าน เขาฟังแล้วอึ้ง ถามว่าทำไมผมพูดแรง ผมก็ถามกลับว่าแล้วน้องแรงมาก่อนหรือเปล่า
 
" ผู้ใหญ่จะมองว่าป๊อปก้าวร้าวหรือเปล่า? "
 
     กับผู้ใหญ่ผมจะนอบน้อม รู้จักกาละเทศะ สังคมบ้านเรายังไงต้องเคารพผู้อาวุโส 
 
     ผมเคยมีเรื่องกับอาจารย์ครั้งหนึ่งสมัยเรียน ม.ปลาย พอมาคิดดูผมรู้สึกว่าไม่ต้องทำแบบนั้น ทุกคนต้องการคำดีๆ จากคนอื่น ผมก็ด้วย เพราะฉะนั้นถ้าจะเถียงต้องมีเหตุผลดีๆ 
 
" ชอบอ่านหนังสือตั้งแต่เด็กไหม? "
 
     ชอบครับ แต่อ่านไม่ซีเรียส ตอนเด็กจะอ่านหนังสือของวอลต์ ดิสนีย์ ที่เป็นหนังสือภาพมีภาษาอังกฤษประกอบ พอชั้นประถมเริ่มเข้าห้องสมุด อ่านสารานุกรม อ่านเชอร์ล็อค โฮล์มส์ แต่อ่านเฉพาะตอนที่ชอบ พอมัธยมผมอ่านการ์ตูน ซึ่งเป็นแนวชอบเลย อ่านหนังสือพวกปรัชญาจีน จิตวิทยาปกครองคน ฯลฯ ของคุณแม่ อ่านวรรณกรรมเยาวชน 
 
     ปกติผมไม่อ่านวรรณกรรมเยาวชนนะครับ แต่ตอนนั้นแฮร์รี่ พ็อตเตอร์ ดัง ผมเลยอ่าน
 
" นักเขียนที่ชอบ? "
 
     เจเน็ท อีวาโนวิช ผู้เขียน "วีรกรรมทำเพื่อเงิน" เซอร์อาร์เธอร์ โคนัน ดอยล์ ผู้เขียน "เชอร์ล็อค โฮล์มส์" และ ปราบดา หยุ่น คนนี้ชอบ แต่ไม่เคยอ่านงานเขา ชอบเพราะชื่นชมที่เขาผ่านกระแสซีไรต์ได้ ผมชอบคนที่แข็งแกร่ง คนที่ฝ่าฟันทุกอย่างด้วยตนเอง 
 
" เริ่มเขียนหนังสือตั้งแต่เมื่อไหร่? "
 
     จริงๆ เริ่มเขียนหนังสือการ์ตูนตอน ป.5 ผมชอบดรากอนบอล กับ สตรีท ไฟต์เตอร์ เลยเอาตัวเองกับเพื่อนๆ มาเขียนเป็นการ์ตูน ไม่ชอบอาจารย์คนไหนก็เอามาเขียนเป็นเรื่องอ่านกันเอง (หัวเราะ)
 
     เรื่อง เดอะ ไวท์ โรด ผมคิดโครงเรื่องไว้ตอน ม.3 อายุ 14 ปี ผมเป็นคนฟุ้งซ่าน วันหนึ่งคิดอะไรได้ตลอดเวลา พอวรรณกรรมเยาวชนดัง ผมเริ่มอยากเขียนนิยาย ได้แรงบันดาลใจทั้งจากการ์ตูน เกม หนัง ผสมผสานเป็นเดอะ ไวท์ โรด แต่เขียนไม่จบ จนขึ้น ม.ปลายก็เขียนต่อแล้วเอาโครงเรื่องตอน ม.ต้นมาปรับ เอาเวลาหลังเลิกเรียนหรือวันหยุดเสาร์อาทิตย์มาเขียน เขียนแล้วส่งให้เพื่อนอ่าน มีความสุขมาก โลกเป็นสีชมพู
 
     แล้วเอาลงเว็บไซต์เด็กดี (www.dek-d.com) อ่านความเห็นแล้วมาปรับปรุงงานเขียน จนตีพิมพ์เป็นหนังสือในปี 2545
 
" กระแสเป็นอย่างไรบ้าง? "
 
     ตอนลงเว็บไซต์เด็กดีกระแสตอบรับดี 100 เปอร์เซ็นต์ แต่พอคนเริ่มรู้จักมากขึ้นเริ่มมีกระแสแง่ลบ อย่างการหาว่าผมโปรโมตตัวเอง ซึ่งเพื่อนผมจะไปเขียนโปรโมตตามเว็บว่านิยายเรื่องนี้ดีอย่างนั้นอย่างนี้ กลายเป็นว่าเยอะจนผิดสังเกต มีคนตรวจไอพี (IP) ถึงรู้ว่าเป็นคนคนเดียวกัน ผมเลยไปแก้ว่าขอโทษด้วยที่เพื่อนผมทำแบบนี้ 
 
     กลายเป็นว่าผมแก้ตัวในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำ 
 
     ตอนนั้นเหมือนดังข้ามคืนจริงๆ ผมทำตัวไม่ถูก คิดว่าต้องทำตัวให้ทุกคนชอบและรักเรา ไปๆ มาๆ ไม่มีความสุข ความคิดที่อยากให้ทุกคนรักกลับทำร้ายเรา
 
     ยังมีอีก…หาว่าผมหยิ่ง เป็นเกย์ หลอกแฟนคลับผู้หญิงก็มี ผมไม่เคยโดนใครว่าเยอะขนาดนี้มาก่อนในชีวิต ตอนนั้นสอบปลายภาค สอบเอ็นทรานซ์ ออกรายการทีวี ต้องให้สัมภาษณ์ ทุกอย่างเข้ามาหมด รู้สึกว่าเกินขีดจำกัดของเราแล้ว บางทีผมคุยโทรศัพท์กับเพื่อนแล้วร้องไห้ออกมาเลยนะ…ช่วงนั้นแหละที่แย่สุดในชีวิต
 
     ถึงจุดหนึ่งผมไม่สบาย เพ้อเลยหนึ่งวันเต็ม วันนั้นแหละครอบครัวผมถึงรู้ว่าผมต้องเจออะไรบ้าง คุณแม่บอกว่าอย่าสนใจ ถ้าเราเป็นอย่างที่เขาว่าจริงคงไม่มีใครมาอ่านงานเรา และเราต้องเลือกสนใจคนที่เรารักและรักเราเท่านั้น จะสนใจความรู้สึกทุกคนคงไม่ได้
 
     มีคนอื่นที่วิจารณ์งานผมนะครับ แต่ผมรู้สึกว่าเรื่องตัวผมจะดังกว่างานอีก (หัวเราะ)
 
" คิดมาก่อนไหมว่างานเขียนจะโด่งดัง "
 
     ไม่คิดเลย แต่พื้นฐานผมเป็นคนโชว์ออฟ แค่อยากเขียนหนังสือมาอวดเพื่อน แบบ…นี่ไง มีชื่อเราด้วย นี่ไงเด็กสามเสนวิทยาลัย พิมพ์ครั้งแรกเสร็จ 13 วันพิมพ์ครั้งที่ 2 
 
     ช่วงที่คนเริ่มรู้จักผมอยู่ ม.ปลายสายวิทย์-คณิต กำลังจะสอบเอ็นทรานซ์ อยากเข้าคณะด้านสารสนเทศแต่เอ็นท์ไม่ติด เริ่มเครียด เอ็นท์ไม่ติดทำไงดี พอดีเอแบคเสนอทุนให้เรียนคณะบริหารธุรกิจเลยตกลง
 
     พอรู้ว่าได้ทุน ผมไม่เข้าห้องเรียนแล้ว เริ่มกร่าง คิดว่าตัวเองแน่ ฉันหาเงินได้เป็นแสนเป็นล้าน ฉันไปออกรายการทีวีเกือบทุกช่อง แถมยังได้ทุนเรียนอีก คิดอย่างงี้เลย…พออาจารย์ว่าก็ชี้หน้าว่าอาจารย์ เปรี้ยวขนาดไหนคิดดู อาจารย์อีกคนก็มาบอกว่าทำไมป๊อปพูดแบบนี้ ตลอด 6 ปีที่ผ่านมาทุกคนรักป๊อปหมด แล้วแค่แป๊บเดียวทำไมเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
 
     ผมเครียดนะ เพื่อนก็แอนตี้ บอกว่าถ้าไม่ขอโทษอาจารย์จะไม่คุยด้วย อาจารย์ก็เตือนว่าได้ชื่อเสียงมาแล้วต้องดูแลให้เป็น ป๊อปยังเด็ก อย่าให้ชีวิตเหลวเพราะเรื่องชื่อเสียง ผมก็สำนึกผิดเข้าไปกราบขอโทษอาจารย์
 
     ตั้งแต่นั้นมาผมเตือนตัวเองตลอด ว่าต้องรู้จักกาละเทศะ อย่าก้าวร้าวกับผู้ใหญ่ อย่าให้ชื่อเสียงมาเปลี่ยนเรา ต้องไม่ลืมว่ากำพืดเรามาจากไหนและอย่าเหลิง ผมโชคดีที่มีเพื่อนและครอบครัวคอยเตือน
 
" มีคนเข้ามากรี๊ดเพราะหน้าตาดี? "
 
     ผมว่าผมหน้าตาธรรมดา และคิดว่าคนที่ชื่นชมงานเขียนเขาจะมีความฟีเวอร์หนังสือมากกว่าดารานักร้อง หนังสือเป็นเรื่องของระยะยาว เพลงฟังไม่กี่นาที 
 
     คือความผูกพันกับหนังสือจะเยอะกว่า เพราะฉะนั้นจะมีคนมาขอลายเซ็นผม แต่ไม่ได้เข้ามากรี๊ด
 
" คิดว่าตัวเองเป็นต้นแบบนักเขียนเด็กคนอื่นๆ ไหม? "
 
     คิดครับ เพราะตั้งแต่งานผมออกไปก็มีคนกล้าจะเขียนมากขึ้น ผมชอบเป็น "เฟิร์สต์ มูฟเวอร์" ทำอะไรเป็นคนแรก ไม่คนแรกก็คนที่ 2 เพื่อดูว่าคนแรกมีข้อผิดพลาดยังไงจะได้เอามาปรับปรุง แต่ปัจจุบันผมขอเป็นคนท้ายๆ เพราะจะได้ดูให้หมดเลยว่าต้องเพิ่มอะไร (หัวเราะ)
 
"เป็นคนมั่นใจตัวเองสูงมาก?"
 
     ครับ แล้วจะไม่ชอบโดนขัด อย่างไปดูคอนเสิร์ตก็ทะเลาะกับน้องสาว ผมเป็นคนเปิดเผย สนุกก็กระโดดๆ แต่น้องกับแม่จะห่วงภาพลักษณ์ (หัวเราะ) เขาจะคอยบอกอย่ากระโดดๆๆ ผมก็อ้าว…อยากกระโดด
 
     ตอนเข้ามาเรียนปี 1 ผมมั่นใจตัวเองมาก แต่งพั้งก์ไปเรียน เล่นสเก๊ตเข้าห้องเรียน เพื่อนคนไทยแทบไม่คบผมเลย 
 
     ผมเสียใจนะ ทำไมไม่มีเพื่อนคนไทยเลย ผมพยายามผูกมิตรกับคน แต่ถูกหาว่าสร้างภาพ จนมาเจอเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่รับเราได้ เลยเริ่มรู้จักเพื่อนคนไทยมากขึ้น รู้จักสังคมมากขึ้น กว่าจะปรับตัวได้ก็ปี 3 ปี 4 
 
     ผมไม่ใช่กู๊ด บอย นะครับ (หัวเราะ)
 
" เรื่องเดอะ ซีรีส์ ออฟ ไซออน (The Series of Sion) ? "
 
     เกิดจากวอลต์ ดิสนีย์ แฟนตาเซีย ไม่มีบทพูดเลย มีแต่เพลงดูแล้วชวนหลับ แต่น่าสนใจตรงที่มีเรื่องเทพ มีเซ็นทอร์ มีเทพซุส เทพอพอลโล
 
     ได้แรงบันดาลใจจากวิชาอารยธรรมโลก (เวิลด์ ซิวิไลเซชั่น) ตอนปี 2 อาจารย์สอนดีทำให้เราชอบวิชานี้เลยตั้งใจเรียน พอถึงส่วนประวัติศาสตร์กรีก-โรมัน มีพูดถึงเทพ มีมหากาพย์อีเลียด สนุกมากๆ เลยศึกษาจริงจัง
 
     ผมเป็นคนได้แรงบันดาลใจอะไรง่ายและเป็นช่วงๆ บางช่วงผมบ้าศิลปะ บางช่วงบ้าแฟชั่น ดีที่เรื่องเทพเป็นความสนใจที่อยู่นาน จนเขียนโครงเรื่องได้ เลยสานต่อมาเป็นเรื่องเดอะ ซีรีส์ ออฟ ไซออน ที่ใช้คำว่า "ไซออน" เพราะคำนี้ฟังแล้วดูมีพลัง 
 
     เขียนเป็นแนวไซไฟ-โมเดิร์น ภาษาเปลี่ยนจากเดอะ ไวท์ โรด เยอะมาก ดูมีพัฒนาการขึ้น ค้นคว้าข้อมูลจากหนังสือเทพภาษาไทยและภาษาอังกฤษเยอะมาก ผมอยากให้คนอ่าน-อ่านแล้วอยากศึกษาเรื่องเทพเพิ่มเติมครับ
 
" แล้วถ้าคนที่ไม่เคยอ่านงานของ "ดร.ป๊อป" มาก่อนอ่านได้? "
 
     ต้องยอมรับว่าคนอ่านนิยายของผมโตขึ้น บางคนแต่งงานมีลูกแล้วด้วยซ้ำ ทุกคนโตขึ้น มีความคิดขึ้น เราจะป้อนแต่สิ่งที่ทำให้เขาเด็กลงไป ก็ไม่ใช่แล้ว 
 
     เป็นผมก็อยากอ่านงานของนักเขียนที่มีพัฒนาการ ซึ่งเดอะ ซีรีส์ ออฟ ไซออน ก็มีพัฒนาการและเป็นงานที่ผมคิดว่าโตขึ้น
 
     ถ้าไม่เคยอ่านงานผม รับรองอ่านเรื่องนี้แล้วสนุกแน่นอน (ยิ้ม)
 
" สนใจเรื่องข่าวสารบ้านเมือง? "
 
     สนใจเป็นบางเรื่อง จะสนใจเรื่องที่สนุก ผมชอบเรื่องบันเทิงอย่างหนัง ดนตรี ข่าวนวัตกรรมใหม่ ส่วนการเมืองผมคิดว่าเป็นเรื่องที่คุยแล้วต้องทะเลาะกัน ในครอบครัวเดียวกันยังเห็นไม่ตรงกันเลย และถ้าใครถาม ผมก็ไม่อายด้วยที่จะบอกว่าไม่รู้เรื่อง 
 
" ป๊อปจะออกเทป? "
 
     ครับ แต่ยังไม่สังกัดค่าย ตอนนี้ทำเองหมดเลยทั้งดนตรี แต่งเนื้อเพลงทั้งไทยทั้งอังกฤษ แต่งทำนอง ร้องก็ร้องเอง
 
     ผมเคยอยู่สังกัดใหญ่แต่ออกมาเพราะสไตล์เรากับเขาไม่เหมือนกัน แนวผมจะประมาณฮิพฮอพ-อาร์แอนด์บี
 
     ผมฟังเพลงฝรั่งเยอะ ศึกษาว่าเขาใช้ดนตรีอะไรใหม่ๆ กระแสดนตรีช่วงนั้นช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง 
 
     โปรดิวเซอร์คนไหนมาแรง จะศึกษาว่าเขาทำงานอย่างไร เพลงหนึ่งเพลงผมฟังเป็นร้อยรอบ ฟังเพื่อแกะว่าเขาใช้เสียงร้องกี่เสียง ดนตรีเป็นยังไง โน้ตกี่ตัว ฟังแต่ละรอบก็จะมีอะไรใหม่ๆ ผมศึกษาเรื่องดนตรีมาก ผมอยู่กับดนตรีมากกว่าเขียนหนังสือซะอีก 
 
     ตอนนี้ยังไม่มีกำหนดออกเทป แต่ดนตรีผมเสร็จไป 20 เพลงแล้ว ได้ 2 อัลบั้มแล้ว (หัวเราะ) เหลือแค่เข้าห้องอัด
 
     แรงบันดาลใจในการทำเพลงก็เอามาจากการฟังเพลง ผมฟังหลายแนวมาก การาจ, ฮิพฮอพ, อาร์แอนด์บี, เทคโน, เฮาส์, บัลลาด ฯลฯ บริตนีย์ สเปียร์ส,คริสติน่า อากีเลร่า, จัสติน ทิมเบอร์เลค, มิสซี่ อีเลียต ฯลฯ ผมฟังหมดไม่ปิดกั้นตัวเอง
 
     อยากให้เห็นว่าผมทำเพลงเป็น เพลงที่ผมทำเมื่อ 2-3 ปีก่อนก็มาเป็นเทรนด์ในตอนนี้ แสดงว่าความคิดเรื่องดนตรีเราก็ไปได้
 
     ที่มหาวิทยาลัยจะรู้จักว่าผมเต้นมากกว่าเป็นนักเขียนด้วยซ้ำ เวลามีงานของมหาวิทยาลัยผมก็เต้นฮิพฮอพ เหมือนได้ปลดปล่อย เวลาที่อยู่บนเวทีเป็นช่วงที่ผมมีความสุขที่สุด
 
" ไม่กลัวว่าคนจะมองภาพป๊อปว่าไม่ชัดเจน เดี๋ยวเขียนหนังสือ เดี๋ยวออกเทป? "
 
     ผมรู้สึกว่านี่น่าจะทำให้คนรู้จักตัวจริงของผมมากกว่า 
 
     ผมไม่ใช่นักเขียน ผมเป็นนักอยากเขียน ผมไม่มีคุณสมบัติของความเป็นนักเขียนที่ดี ตอนที่ผมเข้าไปในแวดวงนักเขียนผมบอกตัวเองแล้วว่า ผมไม่ใช่นักเขียน 
 
     บางคนบอกด้วยซ้ำไปว่าผมนอกคอก ด้วยบุคลิก การแสดงออก มันไม่ใช่ ผมไม่ใช่คนที่อ่านหนังสือเป็นบ้าเป็นหลัง ไม่ใช่คนที่ศึกษาวรรณศิลป์อะไรอย่างถ่องแท้ ผมแค่อยากเขียน
 
     แต่งานเพลงนี่สิผมศึกษาจริง ศึกษาทุกอย่าง วงการนี้ใครเด่นเรื่องไหน ดนตรีแบบไหนเป็นยังไง บางทีดนตรีขึ้นมาสามารถบอกได้เลยว่าใครแต่ง…คือรักจริงไงครับ
 
     คุณแม่ไม่สนับสนุนให้ผมเป็นนักร้อง แต่ผมจะทำ ทำดี-ดีไป ทำไม่ได้เดี๋ยวรู้เอง
 
     ผมไม่เคยเหนื่อยกับเรื่องเพลงครับ มีท้อบ้างแต่ไม่หยุด 
 
     " เพราะเป็นคนอยากทำอะไร ต้องทำให้ได้ "
 
ขอบคุณเรื่องราวจากเว็บไซด์ เด็กดี