Happy Reading โดย มูลนิธิสร้างเสริมวัฒนธรรมการอ่าน

‘ดร.ป๊อบ – ฐาวรา สิริพิพัฒน์’ จินตนาการผ่านอินเทอร์เน็ต

 

 
          นักเขียนของเราในฉบับนี้ มาพร้อมกับบรรยากาศและชุดสีดำที่ดูแสนจะอึมครึม แต่ภายใต้ความอึมครึมเหล่านั้น
เขากลับมีความคิดที่แสนจะเฉิดฉาย      เกี่ยวกับวิธีคิดงาน     หรือจินตนาการของตัวเอง  รวมไปถึงการเปิดเผยตัวตน
และเรื่องราววรรณกรรมบนโลกไซเบอร์ที่ถือได้ว่าชัดและลึกที่สุด
          ‘ฐาวรา   สิริพิพัฒน์’    เป็นชื่อจริงที่เราอาจจะยังไม่คุ้นหูคุ้นตาเท่าไหร่ แต่ถ้าเราเอ่ยถึงนามปากกาของเขาที่ใช้
เขียนงาน    ทุกคนต้องร้อง   ‘อ๋อ’  ออกมาเป็นแน่   นั่นคือ  ‘ดร.ป๊อบ’  ผู้สร้างวรรณกรรมแฟนตาซีอันเลื่องชื่อ  อย่าง
 ‘The White Road’ 
          ‘ออล แม็กกาซีน’ ฉบับนี้จะขอกะเทาะแก่นความคิดและจินตนาการอันแพรวพราวของ  ‘ดร.ป๊อบ’ ให้ได้ทราบ
กันอย่างหมดเปลือก
 
all : มาจับพลัดจับผลูเขียนนวนิยายในโลกไซเบอร์ได้อย่างไร
ดร.ป๊อบ : ตอนแรกเขียนให้เพื่อนอ่านก่อน   แล้วก็มีเพื่อนที่เป็นเพื่อนสนิทเก่งเรื่องไอทีมาก   ให้เราเอาเรื่องไปลงเว็บ
ของเขา คือเขาสร้างเว็บเป็น และสร้างเว็บให้โรงเรียนด้วย พอเอาเรื่องของเราไปลง  เรื่องนี้ก็ปรากฎเป็นเวอร์ชั่นปาล์ม
พอคนดาวน์โหลดกันเยอะ ก็มีผู้อ่านคนหนึ่งเขาแนะนำว่า  ให้ไปลงเว็บไซต์เด็กดีดอทคอม  (Dek-d.com)  เราก็ติดต่อ
พี่โน้ตที่เป็นเว็บมาสเตอร์ให้ช่วยพิจารณา พี่โน้ตก็เอาไฟล์ไปอ่าน คือเมื่อก่อนเราจะลงเป็นไฟล์ ไม่มีลงเป็นหน้าแบบนี้
โดยเว็บมาสเตอร์ต้องพิจารณาลงอีกทีหนึ่ง พอพี่โน้ตตอบตกลง ก็โอเคได้ลงเลย
 
all : การเขียนนวนิยายในโลกไซเบอร์ช่วงนั้นเป็นอย่างไร ตื่นตัว
หรือได้รับความนิยมมากแค่ไหน
ดร.ป๊อบ :คือตอนนั้นมันไม่ได้รับความนิยมอะไรเลยนะ มีอยู่แค่ไม่กี่เรื่องด้วยซ้ำ ประมาณ25เรื่องเห็นจะได้ มันไม่ได้
เป็นช่วงที่บูมอะไรเลย แต่เราไม่มีช่องทาง ก็เหมือนกับว่ามีคนแนะนำเรามา เราก็เลยลองดูสักครั้งอย่างน้อย มันก็ดีว่า
มีคนอ่านงานของเรามากขึ้น     เพราะเมื่อก่อนจะมีแต่เพื่อนในห้อง   (หัวเราะ)     แต่พอเราไปลงเว็บแบบนี้   ก็มีคนอ่าน
ภายนอกเข้ามาแสดงความคิดเห็นและติชม เหมือนเราได้ติดต่อกับผู้อ่านคนอื่นมากขึ้น
 
all : คิดไหมว่านวนิยาย The White Road จะได้ขึ้นเป็นนวนิยาย
ออนไลน์ยอดนิยมอันดับหนึ่ง
ดร.ป๊อบ : ไม่เคยคิดนะครับ ตอนลงเรื่องแรก ๆ   ก็ลงขำ   ๆ เพราะมีคนแนะนำให้ลง  เราก็อยากจะลองดูว่า คนเขาคิด
อย่างไรกับนวนิยายของเรา แค่นั้นเอง   พอเราลงไปก็รู้สึกเซอร์ไพรส์เหมือนกัน เพราะอาทิตย์แรกไม่มีคนอ่านเลยนะ
(หัวเราะ) วันแรกไม่มีใครมาแสดงความคิดเห็นอะไรเลย  ประมาณวันที่  13  จำได้เลยครับ  ถึงมีการแสดงความคิดเห็น
เป็นครั้งแรก   เพราะบอกเพื่อนไปช่วยออกความคิดเห็นให้   หน่อยนิยายเหงามาก  (หัวเราะ) แล้วก็มีคนตามเรื่องเรามา
เรื่อย ๆ คือจำนวนหน้านิยายของเรามี 20 หน้า เลยต้องใช้เวลาอ่านหน่อยครับ
 
all : นวนิยายอันดับหนึ่งย่อมมีเสน่ห์ในตัวเอง แล้วคิดว่าเสน่ห์ของ
นวนิยายเล่มนี้อยู่ตรงไหน
ดร.ป๊อบ :  อาจเป็นเพราะเรื่องราวที่มันเหนือจินตนาการมากของ    ‘The White road’    ซึ่งเราไม่เจอในโลกแห่งความ
เป็นจริง  อยู่เหนือความคาดฝันของมนุษย์  แล้วเรารู้สึกว่าผู้อ่านมักชอบเห็นอะไรที่เขาไม่เคยเห็น  แล้วอาจจะเป็นด้วย
ภาษาเราไม่ใช่ภาษาที่สวยงามมาก     เราใช้ภาษาวัยรุ่นเหมือนเป็นเพื่อนคุยกัน    เหมือนเพื่อนเล่าให้เพื่อนฟังมากกว่า 
ก็เลยรู้สึกเหมือนเราไม่ได้เหินห่าง      และเป็นวัยเดียวกันกับเขา      ด้วยความเป็นแฟนตาซีของ      ‘ The White road’ 
แล้วกระแสแฟนตาซีตอนนั้นดัง เพราะมีเรื่อง Harry Potter, The Lord of the Rings, Artemis Fowl  แล้วก็รู้สึกว่าเรา
เป็นส่วนหนึ่งในนั้น แล้วดันเป็นนิยายไทยเรื่องแรก   ๆ   ที่ทำเป็นแฟนตาซีขึ้นมา    ก็เลยเป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้
คนอ่านติดตาม
 
 
 
all : เขียนเกี่ยวกับเรื่องไซ – ไฟ หรือแฟนตาซีมาเยอะ มีวิธีการคิด
หรือจินตนาการเรื่องอย่างไร
ดร.ป๊อบ : ‘จินตนาการ’ ไม่มีความผิด เพราะฉะนั้นจะไม่มีการอ้างอิงแหล่งข้อมูลใด ๆ   ทั้งสิ้น  คือเราจินตนาการเอง
ล้วน ๆ เ  ลย   ในเมื่อมันเป็น   ‘จินตนาการ’   คนจะว่าเราไม่ได้ว่ามันผิดหรือถูก  ไม่สามารถจะบอกได้ว่า  การที่อยู่  ๆ 
หมาบินได้เป็นเรื่องผิด    เพราะว่ามันคือ   ‘แฟนตาซี’   เพราะฉะนั้น    การเขียนแนวนี้ไม่จำเป็นต้องแม่นยำเรื่องข้อมูล
หรืออ้างอิงความเป็นจริงมาก    แค่ปล่อยออกมา    อยากให้มันเป็นอย่างไร  เราก็ปล่อยไปเลย แต่อาจจะหาข้อมูลบ้าง
บางส่วน เช่น   บางเรื่องเราต้องค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับภูมิประเทศ  เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ง่าย  ๆ   แต่จะไม่เจาะลงลึกมาก 
ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบดูช่องดิสคัพเวอรี่อยู่แล้ว     เพราะฉะนั้นก็จะได้ไอเดียจากตรงนี้มาผสมผสานกับเรื่องราวที่เราคิด 
ทำให้นวนิยายที่แต่งมีความเหนือจริงและสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
 
all : ‘จินตนาการ’ เกิดขึ้นได้ ก็ย่อมมีวันหมดได้ มีวิธีการเติมจินตนาการ
อย่างไรไม่ให้พร่องไป
ดร.ป๊อบ : ‘จินตนาการ’มันไม่หมดนะ แต่มันยัง‘ไม่ถึงเวลา’ที่มันจะพรั่งพรูออกมามากกว่า(หัวเราะ)จินตนาการมันมี 
เราคิดว่าเราจะทำอย่างนั้น  จะทำอย่างนี้ และการที่จะผลักดันจินตนาการของตัวเองออกมาได้  นั่นก็คือ ต้องไปสัมผัส
สื่อเยอะ    ๆ       ต้องเป็นนักเขียนที่ไม่ใช่แค่อ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว      เราเป็นคนดูหนังเยอะนะ      เล่นเน็ตก็เยอะ 
เล่นเกมส์เยอะ เที่ยวเยอะ เป็นนักเขียนที่ออกสื่อ  สังคมของเรามีทั้งสังคมเพื่อน และสังคมของน้องชายที่อายุห่างกัน
รอบหนึ่ง (ยิ้ม)   คือสังคมของเราเยอะ   เพราะฉะนั้นจึงมีความหลากหลายและวาไรตี้มาก   อีกทั้งสังคมของการทำงาน
ที่จะต้องเดินสายทุกวัน พอไปโปรโมทหนังสือตามสถานที่ต่างๆ ก็จะมีกลุ่มที่เข้ามาหาและพูดคุยเยอะ เวลาเราคิดงาน
จึงมีความคิดอยู่ค่อนข้างมาก วิธีการต่อเติมจินตนาการตอนที่รู้สึกว่าตันจริงๆ ก็จะหาหนังสือมาอ่าน แล้วก็ดูหนังเยอะๆ
บางวันอยู่พารากอนทั้งวันตั้งแต่   11   โมงถึงเที่ยงคืน      ดูจนกว่าเราจะคิดงานออกมาได้   หรือไปซื้อซีรีส์มาดูเลยก็มี
ทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้ตัวเองอยู่นิ่ง เพราะการเป็นนักเขียนจะอยู่นิ่งไม่ได้ อยู่นิ่งนี่ตายเลยนะ สำหรับเรา (หัวเราะ)
 
all : การเขียนนวนิยายบนโลกไซเบอร์   มันอยู่ได้เพราะกระแส
หรือการอวยหรือเปล่า 
ดร.ป๊อบ :ไม่ค่อยมีใครมาอวยนะ(หัวเราะ คือถ้าแฟนคลับมีอวยน่ะ ใช่ คือต้องยอมรับว่าถ้าแฟนคลับเขารักเขาจะยอม
ทำทุกวิถีทางเลย เพื่อให้เราได้ดี   ซึ่งก็ต้องขอบคุณเขา แต่บางทีการอวยเกินไปก็สร้างผลร้ายกับตัวเอง คือบางทีอวย
มากเกินไปคนอ่านก็ว่าโปรโมทตัวเองไปอีก เป็นหน้าม้ามาโปรโมทหรือเปล่ามันคือความหวังดีของแฟนคลับอยากให้
คนรู้จัก อยากให้คนติดตามเท่านั้นเอง    เราเองก็โดนมาเยอะ  เอาไปปั้นซะจนอ่านแล้วยังรู้สึกอายเลย   นิยายมันไม่มี
ข้อผิดพลาดอะไรเลยเหรอ     จะบอกว่ามันไม่ใช่    เราชอบคำวิจารณ์ที่มีทั้งติและชมในเวลาเดียวกัน    ถ้าติอย่างเดียว
ก็ด่ากลับไปเลยแต่ถ้าชมอย่างเดียวก็ไม่ชอบ เพราะรู้สึกว่าถ้าชมอย่างเดียว เราก็จะอยู่กับที่ ไม่โตขึ้นเลย แต่เราชอบ
คนที่บอกทั้งข้อดีและข้อไม่ดี คุณบอกมา เรายินดีปรับปรุง ซึ่งสิ่งนี้แหละที่ทำให้อยู่มาได้  10   กว่าปี  ซึ่งต้องขอบคุณ
บรรณาธิการทุกคน แฟนคลับหลาย ๆ คน บรรณาธิการที่ทำงานด้วยทุกคนที่ไม่เคยอวยเราเลย เขาบอกตรง  ๆ เลยว่า
ตรงนี้ยืดเยื้อ ตรงนี้ไม่ใช่ ตัดออกเถอะ  เปลี่ยนเถอะ  เขาจะบอกอยู่ตลอด มีแฟนคลับหลาย ๆคนติเราแบบจริงจังมาก 
ก็จะบอกแฟนคลับไปว่า อย่าติอย่างเดียว หาข้อดีและข้อเสียให้ได้ แล้วจะรับฟังและนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น
 
all : แล้วพูดได้เต็มปากไหมว่า จำนวนคลิกที่เข้าไปอ่านนวนิยายของคุณ
จะเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณได้มากขนาดนี้
ดร. ป๊อบ : เมื่อก่อนไม่มีวัดจากจำนวนคลิกครับ วัดจากการแสดงความคิดเห็นผ่านเรื่องที่ลง ช่วง 3   เดือนมีการแสดง
ความคิดเห็นเป็นหลักพัน     มันวัดจากตรงนั้น     ทำให้นักเขียนทำงานกันอย่างจริงจัง     เพราะไม่มีจำนวนคลิกมาวัดว่า 
คุณต้องมาคลิกเพื่อขึ้นอันดับ     ความนิยมวัดจาก การแสดงความคิดเห็นผ่านเรื่องที่เราลง      ฉะนั้นไม่ต้องมานั่งกังวล
เรื่องคลิก หรือต้องลงตอนต้นเดือนเพื่อให้แฟนคลับมาอ่าน  แต่พอเอานิยายมาลงอีกครั้งคือ  ‘Girls & A Doll’   ตอนปี
2009ยอมรับว่า จำนวนคลิกมีผลคือจำนวนคลิกมากขึ้น คุณก็ขึ้นอันดับ พอขึ้นอันดับ คนก็เห็นคุณมากขึ้น  คนก็เข้ามา
ดูคุณมากขึ้น เกิดกระแสมากขึ้น ตอนนี้ ‘Girls & A Doll’ ทำลายสถิติ ‘The White Road’ ไปแล้ว  เป็นนวนิยายที่กำลัง
สร้างสถิติใหม่ของประเทศไทย เพราะ  6     เดือน  ขายไปแล้ว  40,000  เล่ม  และ  6  เดือน  พิมพ์ซ้ำแล้วถึง  11  ครั้ง 
และปัจจุบันกำลังพิมพ์ครั้งที่    15    น่าจะเป็นวรรณกรรมเยาวชนของประเทศไทยที่พิมพ์ซ้ำมากที่สุดและขายเร็วที่สุด 
นี่คือสถิติของเรื่อง ‘Girls & A Doll’ ทำให้เห็นว่า จำนวนคลิกที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้    มีส่วนในการสร้างชื่อเสียงให้หนังสือ 
แต่ถ้านิยายคุณไม่ดีจริง มันก็จบแค่นั้น
 
                                          
 
all : มีวิธีรับมือกับคำวิจารณ์อย่างไรทั้งในแง่บวกและแง่ลบ
ดร. ป๊อบ : เป็นคนโตมากับคำวิจารณ์และเกือบเสียหลักไปเลยกับคำวิจารณ์     เพราะตอนเด็กอายุ   17   เรามีชื่อเสียง 
แต่ไม่เคยรู้จักกับโลกภายนอก   มีแต่โรงเรียน   พอมีคำวิจารณ์หนัก ๆ  มา  ก็เสียศูนย์ไปเลยเหมือนกัน แต่แม่มักสอน
เสมอว่า ต้องหนักแน่น ถ้าสิ่งที่ทำมันถูกต้อง  ก็ทำไปเถอะ  ถ้าใครเกลียดหรือนินทาก็ให้ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะถ้าเขา
เกลียดหรือนินทาแสดงว่าเรามีค่ากับเขา(หัวเราะ)แต่เราจะไม่สละเวลาไปด่าหรือเกลียดเขา  เพราะเขาไม่สำคัญกับเรา
แต่เราจะใช้กรณีนี้กับคนที่ร้ายกับเราจริง  ๆ  กับคนที่ไม่สนข้อดีเลย เดี๋ยวนี้ใครว่ามาเป็นคำหยาบ   ก็จะตอบโต้ไปแบบ
นิ่ม ๆ  ว่า  กินข้าวยังครับ นอนแอร์อุณหภูมิต่ำไปไหม  ไม่สบายหรือเปล่า  ดูแลตัวเองด้วยนะครับ  เป็นห่วง     (หัวเราะ)
เรียกว่าใช้ความนิ่มเข้าแทรก เพราะแม่สอนว่า ถ้าเขาแรงมา   แล้วเราแรงกลับ  มันจะไม่ดีต่อตัวเอง  เราควรสุขุม  และ
รับมือแบบนิ่ง ๆ เพราะจะสร้างภาพลักษณ์ดูดีให้กับตัวเอง
 
all : ได้รับอะไรจากการยืนอยู่บนถนนสายวรรณกรรม
ดร.ป็อบ : ได้รับเยอะครับต้องยอมรับว่า ได้รับชื่อเสียงมันเปลี่ยนชีวิตจากเด็กมัธยมธรรมดาให้กลายมาเป็น   ดร.ป็อบ
เราเคยฝันตั้งแต่เด็กว่า   อยากเป็นศิลปิน   ดารานักร้อง  อยากมีชื่อเสียง ไปไหนมีแต่คนรู้จัก แต่พอคนรู้จัก พูดตรง ๆ
มันก็ไม่ได้สนุกเสมอไป   บางทีทำในสิ่งที่อยากทำไม่ได้   กรอบชีวิตเยอะมากครับ    และถูกจับตามองหลาย  ๆ อย่าง 
ยอมรับว่าอึดอัด เวลาเดินไปไหนคนมองแล้วซุบซิบก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องไป   ยอมรับว่าได้อย่างก็เสียอย่างได้ชื่อเสียงมา
ก็เสียความเป็นส่วนตัวไป แต่สิ่งที่ได้มากกว่านั้นคือ การที่ได้เข้ามาในวงการวรรณกรรม    ทำให้เรารักการอ่านมากขึ้น
 เพราะต้องอ่านหนังสือตลอดเวลา จากที่อ่านเยอะอยู่แล้ว กลายเป็นต้องอ่านเยอะกว่าเดิม ต้องอัพเดทตัวเอง ต้องทำ
อย่างไรให้อยู่ต่อไปได้ การมีชื่อชื่อเสียงมันง่าย แต่การจะรักษาชื่อเสียงให้คงอยู่ตลอด มันยากมากครับ
 
all : ในฐานะนักเขียนรุ่นใหม่ คิดว่านักเขียนที่ดีควรเป็นอย่างไร 
ดร.ป็อบ : นักเขียนที่ดีต้องมีวินัย ซึ่งพูดได้เต็มปากเลยว่า เราไม่ใช่นักเขียนที่ดีขนาดนั้น มันขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเรา
ถ้าเขียนไม่ได้คือไม่ได้   ไม่สามารถยัดเยียดตัวเองให้เขียนงานได้   งานเขียนเป็นศิลปะ    ศิลปะที่ออกมาจากอารมณ์ 
ไม่ใช่ออกมาจากเหตุผล ฉะนั้นนักเขียนจะไม่ค่อยมีเหตุผล มันจะออกมาเองตามที่มันจะออก  ซึ่งนักเขียนที่ดีควรจะมี
วินัย นักเขียนอาวุโสหลายคนบอกว่าวันนี้เขาต้องเขียนเท่านี้หน้า เขากำหนดตัวเองได้ นักเขียนที่ดีที่เราสัมผัสได้ก็คือ
ต้องสัมผัสสื่อเยอะ อ่านหนังสือเยอะ ดูหนังฟังเพลงเยอะ ออกสังคมเยอะ อันนี้เราได้ นักเขียนที่ดีต้องเปิดใจรับฟังคำ
วิจารณ์    แต่ถ้าคำวิจารณ์นั้นสักแต่ด่า  จะไม่ไปยุ่ง  รู้สึกว่ามันมาด้วยความเกลียด  ไม่จำเป็นต้องไปยุ่งกับเขา  อีกสิ่งที่
สำคัญคือ  การเป็นนักเขียนจะต้องมีจุดยืนที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่ใครติคุณนิด ติคุณหน่อย   คุณก็เสียจุดยืนของตัวเองแล้ว
ตัวเราต้องมีจุดยืนและเปิดรับคำวิจารณ์ของผู้อื่นและคำวิจารณ์นี้ต้องเป็นไปในทางที่สร้างสรรค์ จึงทำให้เราพัฒนางาน
ของตัวเองได้ต่อไป 
 
นัดพบนักเขียน : ยุทธชัย สว่างสมุทรชัย 
ภาพ : วิลาสินี เตียเจริญ
ขอบคุณเรื่องราวดีๆจาก http://www.all-magazine.com